JLR x Chery เตรียมคืนชีพแบรนด์ Freelander ในตลาดจีน พร้อมส่งออกไปยุโรป

JLR x Chery เตรียมคืนชีพแบรนด์ Freelander ในตลาดจีน พร้อมส่งออกไปยุโรป
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

สรุปการคืนชีพแบรนด์ Freelander ร่วมทุน JLR x Chery

  • ผลิตที่จีน (โรงงาน Chery ในฉางซู)
  • เริ่มขายในจีนปลายปี 2026 ก่อนส่งออกไปสหราชอาณาจักรและยุโรป
  • ดีไซน์โดย Gerry McGovern ผู้ออกแบบ Freelander ดั้งเดิม
  • ไม่อยู่ภายใต้แบรนด์หรูของ JLR เช่น Defender หรือ Range Rover

แบรนด์ Freelander ที่เกิดใหม่ – ปรับโฉมชื่ออันโด่งดังเพื่อครอบครัวรถรุ่นใหม่ที่ผลิตในจีน – เตรียมเข้าสู่ตลาดสหราชอาณาจักรก่อนสิ้นทศวรรษนี้ โดยรุ่นแรกจะเป็นรถครอสโอเวอร์ทรงสปอร์ตบึกบึน ออกแบบโดย Gerry McGovern หัวหน้าออกแบบฝ่ายสร้างสรรค์ของ JLR

  • Freelander คือชื่อของรถ SUV ขนาดกลางที่เคยผลิตโดย Land Rover (แบรนด์อังกฤษที่เชี่ยวชาญด้านรถออฟโรดหรูหรา) โดย Freelander ถือเป็นรุ่นที่ออกแบบมาให้เข้าถึงตลาด SUV ขนาดเล็ก-กลางมากขึ้น และมีความเป็น “on-road” มากกว่า Land Rover รุ่นอื่นๆ ที่เน้นลุยอย่างเต็มตัว เช่น Defender หรือ Discovery

แบรนด์ใหม่นี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง JLR (Jaguar Land Rover) กับ Chery พันธมิตรด้านการผลิตในประเทศจีนมายาวนาน ซึ่ง Chery จะรับหน้าที่ทางวิศวกรรมโดยใช้แพลตฟอร์มไฟฟ้าของตัวเอง โดย JLR เคยประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อนว่าการร่วมมือกับ Chery นี้จะเป็น “โอกาสที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในอนาคต”

กำหนดการผลิตและระบบขับเคลื่อน

การผลิต Freelander รุ่นแรกจะเริ่มปลายปี 2026 ที่จีนก่อนจะส่งออกไปยังตลาดโลกในลำดับถัดไป
รุ่นแรกจะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ก่อน จากนั้นจะมีรุ่น EV ไฟฟ้าล้วน และ รุ่นแบบ Range-Extender (REx) ตามมา

แม้จะผลิตที่โรงงาน Chery ใน ฉางซู (Changshu) ซึ่งเป็นฐานผลิต Range Rover Evoque และ Discovery Sport สำหรับตลาดจีนอยู่แล้ว แต่การออกแบบจะยังอยู่ภายใต้การดูแลของ McGovern ผู้ที่เคยออกแบบ Freelander รุ่นดั้งเดิมด้วย

รูปลักษณ์ และจุดเด่นด้านการออกแบบ

แหล่งข่าวจาก Autocar ระบุว่า Freelander ใหม่จะผสมผสานรูปลักษณ์ของ รถคูเป้ยกสูงทรงสปอร์ต แบบ Porsche Macan เข้ากับความดุดันแบบออฟโรด เป้าหมายคือทำให้โดดเด่นในตลาด SUV ที่มีการแข่งขันสูง โดยใช้เส้นสายที่ลื่นไหลแต่ยังให้ความรู้สึกบึกบึนแบบรถลุย

Chery ตั้งใจให้ Freelander มีเส้นสายอายุน้อย ทันสมัย เพื่อสร้างความแตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง Defender Sport ที่จะเปิดตัวในปี 2027 ซึ่งมีแนวทางการออกแบบทรงกล่องที่เล็กลงจาก Defender รุ่นใหญ่

พื้นฐานและแพลตฟอร์ม

Freelander จะใช้แพลตฟอร์ม T1X ของ Chery ซึ่งใช้ร่วมกับแบรนด์น้องใหม่อย่าง Omoda และ Jaecoo (เช่น Jaecoo 7 ที่เพิ่งเข้าตลาด UK)

JLR ยังไม่เปิดเผยว่าจะมีรุ่นย่อยใดบ้างในครอบครัว Freelander แต่ระบุว่ารถกลุ่มนี้จะถูกวางตำแหน่งให้เป็น อิสระจากทั้งแบรนด์ในกลุ่ม Chery เดิม และแบรนด์หรูของ JLR (ได้แก่ Defender, Discovery, Jaguar, Range Rover)

ขุมพลัง PHEV – ไฮบริดกำลังแรง

Freelander รุ่นแรกจะใช้ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด โดยน่าจะใช้ชุดขุมพลังแบบเดียวกับ Omoda 9 ซึ่งเป็น SUV ขนาดกลางของ Chery

Omoda 9 ใช้ระบบ Super Hybrid ที่ประกอบด้วย:

  • เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร 143 แรงม้า
  • มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว
  • พละกำลังรวม 443 แรงม้า
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.9 วินาที
    Freelander ใหม่คาดว่าจะทำได้ดีกว่านี้เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าถูกอัปเกรด

เทคโนโลยีเดียวกันนี้ในรุ่น Tiggo 9L ยังสามารถทำ “tank turn” หรือหมุนตัวในที่แคบแบบ G-Class ได้อีกด้วย

ด้วยประสบการณ์ของ Chery ในด้านรถออฟโรดจากแบรนด์ลูกอย่าง Jetour และ iCar ทำให้เชื่อได้ว่า Freelander ใหม่น่าจะยังคงสมรรถนะการลุยในระดับที่ชื่อ Freelander เคยสร้างไว้ แม้จะไม่มีโลโก้ Land Rover ติดตัวอีกต่อไป

รุ่น EV ไฟฟ้าล้วน และ REx

ระบบไฮบริด Super Hybrid ยังมีแบตเตอรี่ขนาด 34kWh ซึ่งใน Omoda 9 วิ่งได้ไกลถึง 150 กม. (93 ไมล์) ด้วยไฟฟ้าล้วน Freelander ซึ่งออกแบบตัวถังให้ลู่ลมกว่าอาจทำระยะทางได้มากขึ้นอีก

หลังจาก PHEV จะมีรุ่น REx (Range Extender) และ EV 100% ตามมา

  • REx คือรถไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เป็น “เครื่องปั่นไฟ” เท่านั้น ไม่ขับล้อโดยตรง
  • เทคโนโลยี REx ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในจีน โดยยอดขายเติบโตเท่าตัวทุกปี

ความนิยมในเทคโนโลยี REx ของจีน (ตลาดใหญ่ของ JLR) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ JLR สนใจร่วมมือกับ Chery ในครั้งนี้

แม้แต่ Volkswagen ก็มีแผนเปิดตัวรถ REx ในยุโรปเช่นกัน

รุ่น EV 100% ของ Freelander

ยังไม่มีข้อมูลเทคนิคแน่ชัดในตอนนี้ แต่ปัจจุบัน Chery มี EV อยู่ 2 รุ่น โดย Omoda E5 ที่จำหน่ายใน UK ใช้แบตเตอรี่ BYD Blade 61kWh, วิ่งได้ 257 ไมล์ WLTP, มอเตอร์เดี่ยว 204 แรงม้า

เมื่อ Freelander EV วางขายปลายทศวรรษ คาดว่าจะใช้เทคโนโลยีใหม่กว่าที่ให้ระยะทางและพละกำลังมากขึ้น เพราะราคารถจะสูงกว่ารุ่น E5 เกือบสองเท่า (ซึ่ง E5 ราคาเริ่มต้น ~£25,000 หรือราว 1.15 ล้านบาท)

แม้ต้นทุนการผลิตจะต่ำจากฐานการผลิตร่วมที่โรงงาน Chery–JLR ในฉางซู แต่ราคารถจะวางระดับสูงกว่า Omoda และ Jaecoo เพื่อให้ได้กำไรที่มากขึ้นสำหรับทั้งสองบริษัท

ช่องทางการขาย และตำแหน่งการตลาด

แม้ JLR ยังไม่ระบุวันที่จะวางขาย Freelander ในอังกฤษ แต่เคยบอกว่ารุ่นแรกจะเน้นตลาดจีนก่อน จากนั้นค่อยส่งออกสู่ตลาดโลก
ทั้งนี้ การที่ Chery เร่งขยายตลาดนอกประเทศ (เปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่าง Lepas, Jetour, iCar) ก็อาจทำให้ Freelander มาถึงยุโรปและอังกฤษเร็วกว่าคาด

ชื่อ Freelander ยังเป็นที่จดจำในอังกฤษ โดยเคยทำตลาดช่วงปี 1997–2016 ก่อนจะถูกแทนที่โดย Discovery Sport

ดีไซน์ภายใน – ดิจิทัลแต่ยังมีปุ่มจริง

ผู้ใช้ Freelander เดิมอาจตกใจเมื่อเจอกับหน้าจอขนาดใหญ่และฟีเจอร์ดิจิทัลมากมาย แต่ข่าวดีคือ Chery ได้ปรับทิศทางให้ กลับมาใช้ปุ่มควบคุมแบบหมุน (สำหรับแอร์ เสียง และโหมดขับขี่) เหมือนในรถ iCar ซึ่งได้รับคำชมเรื่องความใช้ง่าย

หน้าจอขนาดใหญ่จะยังมีอยู่ แต่อาจเป็นแบบแนวนอนที่ “เลื่อนไปหาผู้โดยสาร” ได้ (เหมือนใน Omoda 7) หรือแบบแนวตั้ง

ช่องทางจำหน่าย

Freelander จะขายผ่านเครือข่ายดีลเลอร์ของ Chery โดยเฉพาะ ไม่ได้อยู่ภายใต้กลยุทธ์ “House of Brands” ที่ JLR ใช้กับแบรนด์หรูอย่าง Defender, Jaguar หรือ Range Rover

Autocar

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้