Advertisement

Advertisement

Lamborghini Urus เปิดตัว 2 ปี ผลิตครบ 10,000 คัน

Lamborghini Urus เปิดตัว 2 ปี ผลิตครบ 10,000 คัน

Advertisement

Advertisement

Lamborghini Urus Sport SUV ใหม่ ฉลองผลิตถึงคันที่ 10,000 คัน และคันที่ 10,000 จะถูกส่งไปที่โรงงานสเปน พร้อมการตกแต่ง สีด้านสีใหม่ Nero Noctis Matt Black ควบคู่กับคาร์บอน ไฟเบอร์ เเพ็คเกจ ภายในเป็นทูโทน สีดำและสีส้ม มีชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์

ความนิยมของ SUV รุ่นนี้ทำให้ Lamborghini ขยายโรงงาน จาก 80,000 ตารางเมตร เป็น 160,000 ตารางเมตร เป็นอีกก้าวความสำเร็จของ SPORT SUV คันนี้

Lamborghini Urus เปิดตัวตั้งแต่ปี 2018 นับจากนั่น 2 ปี มียอดผลิตสะสมทั้งหมด 10,000 คัน

New Lamborghini Urus มีขนาดมิติตัวถังยาว 5,112 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,016 มิลลิเมตรและสูง 1,638 มิลลิเมตร ฐานล้อขนาดความยาวที่ 3,003 มิลลิเมตร และน้ำหนักตัวไม่เกิน 2,200 กิโลกรัม

Lamborghini Urus พัฒนาบนแพล็ตฟอร์ม MLB Evo Platform พร้อมการออกแบบดุดันสไตล์ แลมโบกินี่ ด้วยโคมไฟหน้าเรียวพร้อมไฟ LED DRL รูปทรง Y อันเป็นเอกลักษณ์ของค่าย กันชนพร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่ เส้นสายด้านข้างมากับแนวหลังคาต่ำและลาดเอียงต่อเนื่องยังไฟท้าย LED ที่ออกแบบทรงตัว Y ครีบรีดอากาศด้านหลังกันชนได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง พร้อมท่อไอเสียคู่หลังสุดสปอร์ต

ภายในห้องโดยสารยังคงความเป็นรถสปอร์ตแลมโบกินีอย่างสมบูรณ์แบบ ผสานความดุดันสปอร์ตหรูหราเข้าด้วยกัน โดยเน้นหลักการออกแบบหกเหลี่ยมเหมือน Lamborghini รุ่นอื่นๆ

พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเช่น พวงมาลัยทรงสปอร์ตแบบ 3 ก้านพร้อมระบบลดการสั่นสะเทือน , ชุดหน้าปัดจอสี TFT ขนาดใหญ่ , ระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ High Beam Assistant , เซ็นเซอร์ช่วยในการจอด , ชุดระบบช่วยเหลือการขับขี่  PreCognition system ที่ช่วยทั้งในด้านการป้องกันการชนและลดอุบัติเหตุ  , เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง (เพิ่มได้เป็น 18 ทิศทาง)

ด้านหลังมีความจุ 616 ลิตร เมื่อพับเบาะสามารถจุได้ 1,596 ลิตร ระบบอินโฟเทนเมนต์ชื่อ “LIS” สามารถสั่งการด้วยเสียง เชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay หรือ Android Auto ลำโพง 8 ตัว สามารถเพิ่มออฟชั่นเครื่องเสียงแบบไอเอนด์ 3D จาก Bang & Olufsen เสริมได้

พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 650 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3.6 วินาที , 0-200 กม./ชม. ในเวลา 12.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 305 กม./ชม. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีตแบบ Torque Converter นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยแรงบิตไปล้อหน้า 70% หรือกระจายไปทางล้อหลัง 87%

โหมดการขับขี่ 6 รูปแบบ ได้แก่

  • STRADA ใช้ขับแบบปกติ หรือเทียบเท่า Normal-Comfort ความสูงของตัวถังจะถูกปรับโดยอัตโนมัติให้เหมาะสมกับความเร็วในขณะนั้น
  • SPORT ความสูงของตัวรถจะถูกปรับลงมาในระดับต่ำสุด เพื่อให้มีเสถียรภาพ เพิ่มความแม่นยำในการบังคับควบคุม
  • CORSA โหมดเล่นแรง สับเกียร์กระชาก ช่วงล่างแข็ง เสียงท่อดัง ระบบควบคุมการทรงตัวจะยอมให้รถเสียอาการเล็กน้อย
  • TERRA (off-road)
  • NEVE (snow)
  • SABBIA (sand)

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้