Mercedes-Benz GLB ใหม่ เอสยูวีไฟฟ้าอเนกประสงค์ วิ่งไกล 631 กม. WLTP รองรับ 5–7 ที่นั่ง ขายยุโรป 2.18 – 2.30 ล้านบาท

The all-new electric Mercedes-Benz GLB. High-tech silver.

The all-new electric Mercedes-Benz GLB. High-tech silver.

The all-new electric Mercedes-Benz GLB. High-tech silver.

The all-new electric Mercedes-Benz GLB. High-tech silver.

The all-new electric Mercedes-Benz GLB. High-tech silver.

The all-new electric Mercedes-Benz GLB. High-tech silver.








The all-new electric Mercedes-Benz GLB. High-tech silver.

The all-new electric Mercedes-Benz GLB. High-tech silver.




































Mercedes-Benz GLB ใหม่ เอสยูวีไฟฟ้าอเนกประสงค์ วิ่งไกล 631 กม. WLTP รองรับ 5–7 ที่นั่ง
Mercedes-Benz เปิดตัว GLB รุ่นใหม่แบบไฟฟ้าล้วนและไฮบริด อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่น “เอสยูวีฮีโร่ประจำวัน” ที่ผสานดีไซน์ทรงพลังเข้ากับการใช้งานจริง ทั้งพื้นที่โดยสาร 3 แถว ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 800 โวลต์ แบตเตอรี่ 85 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 631 กม. (WLTP) และเทคโนโลยีดิจิทัลรุ่นล่าสุดอย่าง MB.OS และ MBUX เจเนอเรชันที่ 4:contentReference[oaicite:0]{index=0}
ไฮไลต์สำคัญของ Mercedes-Benz GLB ใหม่
- รองรับทั้ง 5 และ 7 ที่นั่ง ปรับเบาะและพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้ยืดหยุ่น เหมาะทั้งครอบครัวและคนมีไลฟ์สไตล์เดินทางบ่อย
- แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 85 kWh สถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800 โวลต์ ชาร์จเร็ว DC สูงสุด 320 kW
- GLB 250+ EQ Technology กำลังสูงสุด 200 kW ระยะทางวิ่งสูงสุด 631 กม. (WLTP)
- GLB 350 4MATIC EQ Technology ขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังสูงสุด 260 kW แรงบิด 515 นิวตันเมตร
- ช่วงล่างมัลติลิงก์หลัง พร้อมช่วงล่างปรับความหนืดได้ (adaptive damping) และโหมดขับแบบ TERRAIN สำหรับทางลูกรัง
- รองรับการลากจูงเต็มรูปแบบ น้ำหนักลากจูงสูงสุดถึง 2,000 กก. เพียงพอสำหรับคาราวานขนาดใหญ่
- ห้องโดยสารยุคใหม่ พร้อมหน้าจอ MBUX Superscreen สูงสุด 3 จอ และหลังคา Panoramic Roof
- ระบบช่วยขับ MB.DRIVE รวมชุดระบบช่วยเหลือและความปลอดภัยอัจฉริยะ เจาะกลุ่ม SAE Level 2 และรองรับอัปเดต OTA
- เตรียมเสริมไลน์อัปไฮบริด 48 โวลต์ พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร M 252 และมอเตอร์ไฟฟ้าในเกียร์ DCT 8 สปีด
ราคาเปิดตัวและกำหนดการจำหน่ายยุโรป
เริ่มเปิดให้ลูกค้าเยอรมนีสั่งจองออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2025 เป็นต้นไป โดยในช่วงแรกมีให้เลือก 2 รุ่นย่อยหลัก ได้แก่:
- GLB 250+ EQ Technology ราคาเริ่มต้นประมาณ 59,048 ยูโร (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 19% แต่ยังไม่รวมค่าขนส่ง/รับรถจากโรงงาน) หรือ 2.18 ล้านบาท
- GLB 350 4MATIC EQ Technology ราคาเริ่มต้นประมาณ 62,178 ยูโร หรือ 2.30 ล้านบาท
สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาในเยอรมนี มีข้อเสนอผ่อนแบบลิสซิ่งเริ่มต้นราว 305 ยูโรต่อเดือน หรือ 11,300 บาทต่อเดือน เมื่อวางเงินดาวน์ 20% สัญญา 36 เดือน วิ่งรวม 45,000 กม.

มิติตัวถังและพื้นที่ใช้สอย เอสยูวีไฟฟ้าสำหรับทุกวัน
GLB ใหม่ถูกออกแบบให้เป็นเอสยูวีไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยตัวถังที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยจาก EQB และ GLB รุ่นเดิม พร้อมพื้นที่เหนือศีรษะและช่วงขาเพิ่มขึ้น โดยสรุปมิติสำคัญดังนี้:
- ความยาวตัวถัง: 4,732 มม. (ยาวกว่า EQB 48 มม. และยาวกว่า GLB เดิม 98 มม.)
- ความกว้าง: 1,861 มม. (+27 มม. เมื่อเทียบกับ EQB และ GLB เดิม)
- ความสูง: 1,687 มม.
- ระยะฐานล้อ: 2,889 มม. (ยาวขึ้น 60 มม.)
- วงเลี้ยว: 11.9 เมตร
พื้นที่ศีรษะและช่วงขา ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในแถวที่สองและสาม อาศัยทั้งแนวสายหลังคาเอสยูวีและหลังคากระจกพาโนรามา ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่ง:
- พื้นที่ศีรษะด้านหน้า เพิ่มขึ้นสูงสุด 35 มม. เมื่อเทียบกับ EQB
- พื้นที่ศีรษะแถวสองเพิ่มขึ้นสูงสุด 64 มม. (รุ่น 5 ที่นั่ง)
- พื้นที่ศีรษะแถวสามเพิ่มขึ้นราว 10 มม. รองรับผู้โดยสารสูงได้ถึงประมาณ 1.71 เมตร
เบาะนั่ง 3 แถว และความยืดหยุ่นในการจัดห้องโดยสาร
- แถวที่สอง ปรับเลื่อนหน้า-หลังได้ 140 มม. และปรับเอนพนักพิงได้หลายระดับ ช่วยเลือกได้ว่าจะเน้นสบายผู้โดยสารหรือเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
- แถวที่สาม เป็นเบาะเดี่ยว 2 ที่นั่ง พับเก็บลงพื้นได้ราบเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุก
- เบาะพับแบบ 40:20:40 ช่วยแบ่งพื้นที่บรรทุกและที่นั่งได้หลากหลาย
- โครงสร้างประตูหลังครอบทับสเกิร์ตรถ ช่วยให้ขอบประตูและกางเกงไม่เปื้อนโคลนเวลาเข้า-ออก
พื้นที่เก็บสัมภาระ: มีทั้งท้ายรถและ “Frunk” ด้านหน้า
- ช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า (frunk): 127 ลิตร – ใหญ่สุดในตระกูลรุ่นไฟฟ้าใหม่ของแบรนด์ ใส่ได้ทั้งลังเครื่องดื่ม ลูกฟุตบอล 3 ลูก หรือเต็นท์ขนาดเล็ก
- พื้นที่เก็บของท้ายรถ: 540 ลิตร (รุ่น 5 ที่นั่ง) / 480 ลิตร (รุ่น 7 ที่นั่ง)
- เมื่อพับพนักพิงแถวหลังลงทั้งหมด จะได้พื้นที่สูงสุด 1,715 ลิตร (5 ที่นั่ง) หรือ 1,605 ลิตร (7 ที่นั่ง)
- รุ่น 5 ที่นั่งมีแผ่นพื้นห้องเก็บของปรับระดับได้ ใช้ซ่อนของชิ้นเล็กและเพิ่มความสูงบรรทุกได้


ดีไซน์ภายนอก เอสยูวีสัดส่วนทรงพลังพร้อมไฟซิกเนเจอร์
ดีไซน์ของ GLB ใหม่เน้นความเป็นเอสยูวีเต็มตัว ฝากระโปรงหน้าและกระจกบังลมหน้าตั้งชัน ช่วงล่างสั้น ล้อกว้างและโป่งซุ้มล้อเด่น เสริมด้วยชิ้นส่วนตกแต่งสไตล์ออฟโรดทั้งกันชนหน้า-หลังและแผ่นกันกระแทกด้านล่าง
- กระจังหน้าใหม่ ตกแต่งด้วย ดาว Mercedes-Benz LED 94 ดวง เคลือบโครม เพิ่มความโดดเด่นยามกลางวันและกลางคืน
- รุ่นไฮบริดจะใช้กระจังแบบลายดาวโครมคลาสสิก พร้อมแถบไฟ LED ล้อมกรอบ
- ไฟหน้า LED แบบใหม่ พร้อมลายไฟ DRL โดดเด่น และชุดไฟท้ายแบบเส้นต่อเนื่อง
ดีไซน์ภายในและเทคโนโลยีดิจิทัล MB.OS
ห้องโดยสารรุ่นใหม่ พร้อม MBUX Superscreen
ภายในใช้แนวคิด “ไฮเทคมินิมอล” ลดจำนวนปุ่ม แต่เน้นองค์ประกอบไอคอนิก เช่น:
- MBUX Superscreen (ออปชัน) แผงกระจกชิ้นเดียวซ่อนจอ 3 จอ ได้แก่
- จอผู้ขับขนาด 10.25 นิ้ว
- จอกลางขนาด 14 นิ้ว
- จอผู้โดยสารหน้า ขนาด 14 นิ้ว
- คอนโซลกลางแบบลอยตัว พร้อมช่องเก็บของเพิ่ม
- พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ ปุ่มควบคุม DISTRONIC แบบสวิตช์โยก และโรลเลอร์ควบคุมความดังเสียง ตามเสียงเรียกร้องของลูกค้า
- ไฟ Ambient Light 11 สไตล์ ปรับธีมสีและกราฟิกหน้าจอให้สอดคล้องกันทั้งค็อกพิท

MB.OS และ MBUX รุ่นที่ 4: เน้นส่วนตัวและอัปเดตผ่าน OTA
- รันบนระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่ Mercedes พัฒนาขึ้นเอง เชื่อมต่อกับ Mercedes-Benz Intelligent Cloud
- รองรับ อัปเดตผ่านระบบ OTA สำหรับฟังก์ชันสำคัญ เช่น ระบบช่วยขับ ฟีเจอร์ดิจิทัลใหม่ ฯลฯ
- MBUX เจเนอเรชัน 4 ใช้ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงและเอนจินกราฟิก Unity พร้อมอินเทอร์เฟซแบบ Zero-Layer แสดงข้อมูลสำคัญและแอปที่ใช้ล่าสุดโดยไม่ต้องเข้าเมนูลึก
- ผู้ใช้สามารถลากแอปบนจอกลาง จัดกลุ่มเป็นโฟลเดอร์ชื่อเอง คล้ายสมาร์ทโฟน
MBUX Virtual Assistant ใหม่
- ผู้ช่วยเสมือนที่ใช้ Generative AI สามารถสนทนาแบบต่อเนื่อง มีความจำระยะสั้น
- ผสานข้อมูลจาก ChatGPT-4o และ Microsoft Bing สำหรับการค้นหาทั่วไป และ Google Gemini + Google Maps สำหรับข้อมูลนำทางและสถานที่
- แสดงเป็นอวตาร์แบบมีชีวิตบนหน้าจอ Zero-Layer พร้อมตอบสนองการโต้ตอบของผู้ขับ
ระบบนำทางบนพื้นฐาน Google Maps
- Mercedes-Benz Navigation with Electric Intelligence วางแผนเส้นทางและจุดชาร์จ ด้วยข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Google Maps
- MBUX Surround Navigation ผสานภาพมุมมองระบบช่วยขับแบบ 3 มิติ เข้ากับแผนที่บนจอผู้ขับ ช่วยให้เข้าใจสภาพแวดล้อมรอบรถได้ดีกว่าเดิม
ระบบปรับอากาศและความสบายในอากาศหนาว
GLB รุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีจากโปรแกรมวิศวกรรม VISION EQXX ในระบบฮีตปั๊ม ทำให้การทำความร้อนทั้งเร็วและประหยัดไฟ:
- ในการขับ 20 นาที ที่อุณหภูมิภายนอก -7°C ห้องโดยสารอุ่นเร็วกว่า GLB รุ่นก่อน และใช้พลังงานเพียงครึ่งเดียว
- ระบบจะให้ความสำคัญกับการทำความร้อนบริเวณ ลำตัวส่วนบนและมือ ก่อน เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกอุ่นเร็ว
- ฮีตปั๊มใช้แหล่งความร้อนจากมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และอากาศภายนอก พร้อมช่วยประหยัดพลังงานมากกว่าฮีตเตอร์ไฟฟ้าทั่วไปถึงประมาณ 2 เท่า
- มีฟังก์ชัน Pre-conditioning ตั้งเวลาให้รถอุ่นหรือเย็นพร้อมออกเดินทางในเช้าวันถัดไป
สเปกขุมพลังไฟฟ้า (เบื้องต้น)
Mercedes-Benz GLB 250+ EQ Technology
- กำลังสูงสุด: 271 PS
- แรงบิดสูงสุด: 335 Nm
- ความจุแบตเตอรี่: 85 kWh
- ระยะทางวิ่ง (WLTP): 542–631 กม.
- อัตราสิ้นเปลืองพลังงาน (WLTP): 18.3–15.8 kWh/100 กม.
- DC ชาร์จ 320kWh 10-80% ภายใน 22 นาที
- อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม.: 7.4 วินาที
- ความเร็วสูงสุด: 210 กม./ชม.
Mercedes-Benz GLB 350 4MATIC EQ Technology
- กำลังสูงสุด: 353 PS
- แรงบิดสูงสุด: 515 Nm
- ความจุแบตเตอรี่: 85 kWh
- ระยะทางวิ่ง (WLTP): 521–614 กม.
- อัตราสิ้นเปลืองพลังงาน (WLTP): 18.6–15.9 kWh/100 กม.
- DC ชาร์จ 320kWh 10-80% ภายใน 22 นาที
- อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม.: 5.5 วินาที
- ความเร็วสูงสุด: 210 กม./ชม.
- ทั้งสองรุ่นใช้แบตเตอรี่เคมี NMC (Nickel Manganese Cobalt) ความจุใช้ได้ 85 kWh เท่ากัน
- รองรับชาร์จ AC สูงสุด 22 kW (มาตรฐาน 11 kW)
- รองรับชาร์จเร็ว DC สูงสุด 320 kW ที่เครือข่าย 800 โวลต์ ชาร์จ 10 นาที เพิ่มระยะทางวิ่งได้ราว 225–260 กม. (250+) หรือ 215–255 กม. (350 4MATIC)
โครงสร้างมอเตอร์ไฟฟ้า EDU 2.0
- มอเตอร์หลักติดตั้งที่ล้อหลัง พร้อมเกียร์ 2 จังหวะ (11:1 สำหรับเร่งต้น / 5:1 สำหรับความเร็วสูง) ให้ทั้งอัตราเร่งและประสิทธิภาพระยะทาง
- อัตราส่วนประสิทธิภาพ Battery-to-Wheel สูงสุดราว 93% ในการขับทางไกล
- มอเตอร์เป็นแบบ ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร (PSM) ใช้แม่เหล็กจัดเรียงแบบ Double-V และขดลวด Hairpin ลดเสียงและลดการใช้ Rare Earth
- อินเวอร์เตอร์ใช้ Silicon Carbide (SiC) เพื่อลดการสูญเสียและเพิ่มประสิทธิภาพ
รุ่น 4MATIC และ Disconnect Unit
- รุ่น GLB 350 4MATIC เสริมมอเตอร์หน้า 80 kW ทำหน้าที่เป็น “Boost” เมื่อระบบต้องการแรงฉุดหรือกำลังเพิ่ม
- Disconnect Unit (DCU) สามารถตัดการเชื่อมต่อมอเตอร์หน้าและชิ้นส่วนเกียร์บางส่วนเมื่อไม่จำเป็น ลดการสูญเสียที่เพลาหน้าได้ถึงราว 90%
- รองรับการลากจูงสูงสุด 2,000 กก. พร้อมคานลากไฟฟ้ากึ่งอัตโนมัติ
ระบบเบรกและการชาร์จกลับพลังงาน (Recuperation)
- ใช้ระบบเบรกแบบ One-box รวมหม้อลมเบรก กระบอกแม่ปั๊ม และโมดูล ESP เข้าด้วยกัน
- เบรกส่วนใหญ่ทำผ่านการชาร์จกลับพลังงานสูงสุดถึง 200 kW ช่วยยืดระยะทางวิ่ง
- ผู้ขับเลือก 4 ระดับการหน่วง ผ่านก้านหลังพวงมาลัย:
- D Auto: ระบบ ECO Assistant ช่วยเลือกแรงหน่วงตามสถานการณ์ เช่น วงเวียน ทางโค้ง แยก หรือรถด้านหน้า
- D+: ปล่อยไหล (ไม่มีการหน่วง)
- D: หน่วงมาตรฐาน
- D-: หน่วงสูงสุด (สูงถึง ~3 m/s²)
ช่วงล่างและระบบกันสะเทือน
- ด้านหน้าใช้ปีกนกล่างคู่อลูมิเนียมพร้อมโช้กแบบแมคเฟอร์สัน
- ด้านหลังใช้มัลติลิงก์ออกแบบใหม่ ยกเทคโนโลยีจากรถระดับกลางและหรูมาสู่เซกเมนต์ Entry Luxury
- เมื่อติดล้อ 20 นิ้ว จะได้ช่วงล่าง Adaptive Damping เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เลือกโหมด Comfort หรือ Sport ผ่านสวิตช์ DYNAMIC SELECT
ระบบช่วยขับ MB.DRIVE และความปลอดภัย
MB.DRIVE แพลตฟอร์มใหม่ของระบบช่วยเหลือคนขับ
GLB ใหม่ในยุโรปมาพร้อมฮาร์ดแวร์ความปลอดภัยเต็มชุด ประกอบด้วยกล้อง 8 ตัว เรดาร์ 5 ตัว เซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงแบบ water-cooled ที่รองรับฟังก์ชันในอนาคตผ่าน OTA
- MB.DRIVE ASSIST – เสริม Distance Assist DISTRONIC ด้วย Steering Assist ยกระดับสู่ระบบช่วยขับ SAE Level 2 พร้อมฟังก์ชันเปลี่ยนเลนอัตโนมัติแบบกดไฟเลี้ยว
- MB.DRIVE ASSIST PLUS – จะตามมาในปีถัดไป เพิ่มฟังก์ชันเปลี่ยนเลนอัตโนมัติขั้นสูงบนทางด่วน (ขึ้นกับข้อกำหนดแต่ละประเทศ)
- MB.DRIVE ASSIST PRO – เสริมกล้องอีก 2 ตัวเพื่อฟังก์ชันช่วยขับขั้นสูงในเมือง เริ่มใช้ในจีนก่อน
- MB.DRIVE PARKING ASSIST – ช่วยหาช่องจอดทั้งสองฝั่ง รองรับช่องเฉียงและช่องที่ไม่ได้ตีเส้นสีขาวชัดเจน รวมถึงออกจากช่องจอดอัตโนมัติแม้จอดเองด้วยคน
- MB.DRIVE PARKING ASSIST 360 – เพิ่มมุมมองรอบคันคุณภาพสูงและอินเทอร์เฟซกล้องแบบใหม่
อุปกรณ์ความปลอดภัยเชิงรับ (Passive Safety)
- โครงสร้างตัวถังออกแบบให้ดูดซับแรงชนทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง พร้อมเสริมโครงสร้างรูปทรงรังผึ้งในสเกิร์ตข้างเพื่อการชนด้านข้าง
- ถุงลมนิรภัยกลาง ระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารหน้าเป็นครั้งแรกในตระกูล GLB
- ถุงลมเข่า สำหรับทั้งฝั่งผู้ขับและผู้โดยสารหน้า (แล้วแต่ประเทศ)
- เบาะหลังมีหมอนรองศีรษะปรับได้ เข็มขัดนิรภัยพร้อมระบบดึงรั้งและจำกัดแรงดึง
- รองรับการติดตั้งเบาะเด็กได้สูงสุด 5 ตำแหน่ง (ด้านหน้าหนึ่งตำแหน่ง + แถวสอง/สามอีกสี่ตำแหน่ง)
- ถุงลมด้านข้างและม่านนิรภัยรอบคันเป็นมาตรฐาน พร้อมถุงลมด้านข้างสำหรับผู้โดยสารหลังเป็นออปชัน
- PRE-SAFE® เป็นออปชัน ช่วยเตรียมรถก่อนการชน เช่น ปิดกระจก ดึงเข็มขัดให้กระชับ ปรับเบาะผู้โดยสารหน้า และปล่อยเสียง PRE-SAFE Sound ป้องกันหู
ระบบป้องกันแบตเตอรี่แรงดันสูง
- โครงแบตเตอรี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างตัวถังเพื่อการรับแรงชน
- ออกแบบให้มีระยะห่างระหว่างเซลล์ และโครงโมดูลรองรับ เพื่อลดความเสี่ยงกรณีเกิดปฏิกิริยาความร้อน
- ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่รุ่นใหม่ช่วยส่งสัญญาณเตือน และสั่งงานให้ปิดกระจกและช่องลมอัตโนมัติ หากตรวจพบความผิดปกติ
- ใช้แนวคิดป้องกันหลายชั้นของ Mercedes-Benz ในระบบแรงดันสูง แยกการสั่งตัดไฟแบบกลับมาเปิดได้ (reversible) สำหรับอุบัติเหตุเล็ก และแบบตัดถาวร (irreversible) สำหรับการชนรุนแรง
- มีจุดตัดไฟฉุกเฉินเพื่อให้หน่วยกู้ภัยสามารถตัดระบบแรงดันสูงได้อย่างปลอดภัย
รุ่นไฮบริด 48 โวลต์ ทางเลือกเสริมหลังเปิดตัวรุ่นไฟฟ้า
นอกจากรุ่นไฟฟ้าล้วน Mercedes-Benz จะเพิ่มไลน์ GLB รุ่นไฮบริด 48 โวลต์ ตามมาภายหลัง ใช้ชุดขับเคลื่อนที่ประกอบด้วย:
- เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร รหัส M 252 จากตระกูล FAME พร้อมเทคโนโลยี Miller Cycle
- มอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลต์ ติดตั้งในเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด eDCT พร้อมอินเวอร์เตอร์อยู่ในชุดเดียวกัน
- แบตเตอรี่ 48 โวลต์ ลิเธียม-ไอออน ความจุราว 1.3 kWh แบบแพ็กแบน
จุดเด่นของระบบนี้คือ:
- ขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วนในเมือง ที่ความต้องการกำลังน้อยกว่า 20 kW
- Electric Sailing หรือไหลด้วยแรงเฉื่อยแบบตัดการเชื่อมเครื่องยนต์ได้ถึงราว 100 กม./ชม.
- ชาร์จกลับพลังงานได้สูงสุด 25 kW ในทุกเกียร์
- มอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่สตาร์ทเครื่องยนต์แทนมอเตอร์สตาร์ทแบบดั้งเดิม ทำให้การสตาร์ทและระบบ Start/Stop แทบไม่รู้สึก
โซลูชันชาร์จสาธารณะ MB.CHARGE Public
การใช้งานจุดชาร์จสาธารณะถูกจัดการผ่านบริการดิจิทัล MB.CHARGE Public (ชื่อเดิม Mercedes me Charge) ให้ลูกค้าเข้าถึงเครือข่ายชาร์จหนึ่งในขนาดใหญ่ที่สุดของโลกด้วยสัญญาเพียงฉบับเดียว
- ระบุตัวตนผ่าน แอป Mercedes-Benz, บัตร MB.CHARGE Public RFID หรือใช้งานแบบ Plug & Charge ที่สถานีที่รองรับ
- ทุกครั้งที่ชาร์จ ระบบจะคิดค่าใช้จ่ายและสรุปให้ในรูปแบบเดียวกัน ไม่ว่าผู้ให้บริการสถานีจะเป็นรายใด
- ผู้ใช้สามารถตรวจสอบค่าไฟต่อ kWh หรือค่าบริการเป็นนาที รวมถึงยอดโดยประมาณสำหรับการชาร์จเต็ม ก่อนเริ่มชาร์จผ่านจอ MBUX หรือในแอป
- มีแพ็กเกจและอัตราค่าชาร์จหลากหลาย ขึ้นกับภูมิภาค ช่วยลดต้นทุนการใช้รถไฟฟ้าในระยะยาว
GLB ใหม่ ยกระดับเอสยูวีไฟฟ้าเอนทรีลักชัวรี
Mercedes-Benz GLB รุ่นใหม่ ถือเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ทั้งด้านแพลตฟอร์มไฟฟ้า 800 โวลต์ แบตเตอรี่ 85 kWh ระยะทางวิ่งไกลสุดในคลาส พื้นที่ใช้สอย 3 แถวที่รองรับทั้งครอบครัวและการเดินทางไกล รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลรุ่นล่าสุด MB.OS, MBUX และชุดช่วยขับ MB.DRIVE ที่รองรับ OTA ในอนาคต
สำหรับตลาดยุโรป การเปิดตัวครั้งนี้ทำให้ GLB กลายเป็นหนึ่งในเอสยูวีไฟฟ้าเอนทรีลักชัวรีที่ครบทั้งความอเนกประสงค์ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย พร้อมทางเลือกให้ลูกค้าที่ต้องการเครื่องยนต์ไฮบริด 48 โวลต์ในภายหลัง ส่วนกำหนดการและราคาจำหน่ายในประเทศอื่น รวมถึงเอเชีย คาดว่าจะทยอยประกาศตามมาในลำดับถัดไป

