Advertisement

Advertisement

MG ขายรถยนต์ในไทย 27,311 คันในปี 2566 รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนครึ่งหนึ่ง

MG ขายรถยนต์ในไทย 27,311 คันในปี 2566 รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนครึ่งหนึ่ง

Advertisement

Advertisement

 

กรุงเทพฯ – 1 กุมภาพันธ์ 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ฉลองการเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตมาอย่างยาวนานครบ 100 ปี พร้อมเผยความสำเร็จของ SAIC Motor Corporation หลังครองแชมป์ยอดขายสูงสุดในปี 2566 ที่ประเทศจีนรวมกว่า 5.02 ล้านคัน ส่วนเอ็มจีในประเทศไทยกวาดยอดขายได้ถึง 27,311 คัน และก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 ด้วยแผนขับเคลื่อนแบรนด์ไปสู่ตำแหน่งท็อป 3 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย วางกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าไปยังคนรุ่นใหม่ด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยนวัตกรรมยานยนต์ ดีไซน์ และความคุ้มค่า ควบคู่กับการบริการที่ถูกยกระดับในทุกมิติ และสานต่อการยกระดับ MG EV ECOSYSTEM ให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์คนใช้งานรถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น

จากการถือกำเนิดของแบรนด์เอ็มจีในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2467 (ค.ศ.1924) ปีนี้จึงมีวาระสำคัญของครบรอบ 100 ปี จึงสะท้อนให้เห็นถึงการเป็นแบรนด์ยานยนต์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งได้สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับวงการยานยนต์ระดับโลกเป็นที่ยอมรับ และเชื่อมั่นจากนานาประเทศ

นับตั้งแต่เอ็มจีเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน มีรถเอ็มจี หลากหลายรุ่นโลดแล่นอยู่บนถนนเมืองไทยแล้วกว่า 200,000 คัน เต็มเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัย ความคุ้มค่า และมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับคนไทย โดยเฉพาะการเป็นผู้เบิกทางให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ราคาจับต้องได้เข้าสู่ตลาดยานยนต์ไทย ควบคู่ไปกับการสร้าง EV ECOSYSTEM ให้สมบูรณ์เพื่อรองรับการขยายตัวของสังคมอีวี และเป็นแบรนด์แรกที่วางหมุดกระจายสถานีชาร์จเร็วอย่าง MG SUPER CHARGE ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งในปัจจุบันมีสถานีที่พร้อมใช้งานมากถึง 146 สถานี

Advertisement

Advertisement

มร. ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด กล่าวว่า “สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่มีความท้าทายในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์โลกชะลอตัวจากปัจจัยต่างๆ แต่ SAIC Motor Corporation มียอดขายรถยนต์รวมกว่า 5.02 ล้านคัน โดยยังคงรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของกลุ่มบริษัทรถยนต์ในประเทศจีนต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 ด้วยศักยภาพในการส่งออกรถยนต์ไปทั่วโลกกว่า 1.208 ล้านคัน มีอัตราการเติบโต 18.8% เมื่อเทียบกับปี 2565 และมีปริมาณยอดขายรถยนต์ New Energy มากกว่า 1.123 ล้านคัน เติบโตถึง 4.6% โดย MG ZS เป็นรถที่ส่งออกจากประเทศจีนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในหมวดรถยนต์นั่ง มียอดส่งออกกว่า 201,874 คัน ตามมาด้วยรถยนต์ไฟฟ้า MG4 ELECTRIC ที่สร้างความสำเร็จในตลาดทั่วโลกและเป็นโกลบอลโมเดลขวัญใจของคนไทย มียอดส่งออกกว่า 138,736 คัน และ MG5 มียอดส่งออกกว่า 109,431 คัน ส่งผลให้ SAIC Motor Corporation ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ส่งออกรถยนต์เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศจีน

เอ็มจี ก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 ด้วยความเป็นโกลบอลแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทะยานสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ติดอันดับท็อป 3 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย

มร. ซู๋ว์ หยิ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า “เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี และทศวรรษที่สอง เอ็มจี เตรียมแผนที่จะยกระดับแบรนด์ด้วยรถยนต์ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีในหลากหลายรูปแบบการขับเคลื่อน อีกทั้งยังเตรียมแผนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับหมุดหมายใหม่ของ เอ็มจี

นอกจากนั้นยังมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายขุมพลังขับเคลื่อนเข้าสู่ตลาดโดยมุ่งเน้นกลุ่มรถยนต์พลังงานทางเลือก เทคโนโลยีอัจฉริยะที่เทียบเท่าระดับสากลโลก (New Energy, Intelligent, Internationalization) รวมไปถึงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของคนไทยได้มากขึ้น สอดคล้องกับความตั้งใจของแบรนด์ที่พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่ Net Zero ผ่านนโยบาย EV 3.5 นำทัพโดย NEW MG4 ELECTRIC รุ่นผลิตในประเทศไทย รวมถึงรถสปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้าอย่าง MG CYBERSTER นอกจากนี้ยังมีรถรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเติมสีสันในตลาดรถเก๋งขนาดเล็กอีก 1 รุ่น

และเพื่อให้สอดรับกับกระแสอีวี เอ็มจีเตรียมนำเสนอมิติใหม่ของโชว์รูมด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยการ เอ็มจี อีวี โชว์รูม (MG EV Showroom) ที่จะมุ่งเน้นนำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่จำหน่ายในปัจจุบันอย่าง MG MAXUS9 รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับโมเดลอื่น ๆ ที่เตรียมเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยด้วย”

ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2566 ที่ผ่าน เอ็มจีมียอดขายรวมอยู่ที่ 27,311 คัน มีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์สันดาป แบ่งเป็นสัดส่วนอย่างละครึ่ง และครองส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 4%

  • MG5 : 6,419 คัน
  • MG4 ELECTRIC : 5,615 คัน
  • MG EP : 4,717 คัน
  • MG ZS : 2,534 คัน
  • MG VS HEV : 2,071 คัน
  • MG ZS EV : 1,354 คัน
  • MG HS และ MG HS PHEV : 1,373 คัน
  •  MG MAXUS 9 : 1,284 คัน
  •  MG ES และ MG EXTENDER : รวม 1,943 คัน

ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา เอ็มจี วางแผนเพิ่มศักยภาพรถยนต์ในทุกเซกเมนต์ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกขั้นตอน รวมถึงการลงทุนสร้างและขยายพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK เพื่อผลิตแบตเตอรี่อีวีแห่งแรกในอาเซียน หลังจากนี้ เอ็มจี ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและ พัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมยานยนต์ให้เทียบเท่าระดับโลกตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ยกระดับการทำงานในทุกด้านบริการผ่านโชว์รูมและศูนย์บริการเอ็มจีกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าคนไทย

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้