Advertisement

Advertisement

Motor Show ต้องจัด รถต้องขาย ท่ามกลาง COVID-19 และ คนตกงานเพียบ

Motor Show ต้องจัด รถต้องขาย ท่ามกลาง COVID-19 และ คนตกงานเพียบ

Advertisement

Advertisement

บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ จัดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก ปี 2522 ช่วง 2 – 6เมษายน ณ สวนลุมพีนี นับตั้งแต่นั้น การจัดงานนี้มีมาแล้วกว่า 40 ครั้ง (ครั้งที่ 41 คือปี 2563 เลื่อน 3 รอบ)

กำไรของบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (GPI)

  • ปี 2558 กำไร 126 ล้านบาท
  • ปี 2559 กำไร 120 ล้านบาท
  • ปี 2560 งวด 9 เดือนแรก กำไร 158 ล้านบาท
  • ปี 2561 กำไร 119 ล้านบาท
  • ปี 2562 กำไร 117.74 ล้านบาท

ขอขอบคุณข้อมูล ลงทุนแมน และ GPI

รายได้กว่า 70% ของ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (GPI) มาจากงาน Motor Show (Bangkok International Motor Show) ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ ด้วยการมีผู้เข้าชมกว่า 1.7 ล้านคนต่อปี สามารถทำยอดขายรถยนต์ และ จักรยานยนต์ได้หลายหมื่นคันต่อปี

ยอดจองรถยนต์ภายในงาน Motor Show

  • Motor Show 2016  : 32,571 คัน
  • Motor Show 2017  : 31,031 คัน
  • Motor Show 2018 : 36,941 คัน
  • Motor Show 2019 : 37,769 คัน

ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย

  • ปี 2561 1,000,000 คัน
  • ปี 2562 940,000 คัน

จะเห็นได้ว่า งาน Motor Show สามารถสร้างยอดขายให้ไทยเพิ่มอีกประมาณ 35,000 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 3.5% ของยอดขายทั้งประเทศ เรามาดูกันว่าเดือนที่มีงาน Motor Show จะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากเดือนปกติสักเท่าไหร่ ?

ทีมงานขอรวมยอด เดือนมีนาคม – เมษายน ของยอดจองในปีนั้น เพราะงาน Motor Show จัดควบปลายเดือน มีนาคม ชนต้นเดือนเมษายน

  • มีนาคม – เมษายน 61 – ยอดจอง 174,288 คัน
  • มีนาคม – เมษายน 62 – ยอดจอง 189,240 คัน

ยอดขายเดือนอื่นๆ ระหว่าง มิถุนายน – กรกฏาคม

Advertisement

Advertisement
  • มิถุนายน – กรกฏาคม 61 – ยอดจอง 169,800 คัน
  • มิถุนายน – กรกฏาคม 62 – ยอดจอง 167,092 คัน

ในเดือนกรกฏาคม มีงาน Bangkok Auto Salon

จะเห็นว่ายอดจองรถยนต์ภายในงาน มอเตอร์โชว์ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น งานนี้หากไม่จัด คงไม่ได้ เพราะเนื่องจากในปี 2563 สภาพเศรษฐกิจ และไวรัส COVID-19 ระบาดในประเทศ งาน Motor Show เลื่อนรอบที่ 3 เป็นวันที่ 13 – 26 กรกฎาคม 2563

แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง งานจัดได้ แต่ช่วงนี้ โปรต้องหนักจริง คนถึงซื้อรถ เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ คนจะเก็บเงินมากกว่า

ภาพข่าวจาก ไทยรัฐ

การประเมินสถานการณ์อุสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยคาดว่าในสถานการณ์แรก ไตรมาส 2 ประเทศไทยผลิตได้ 1,400,000 คัน ส่งออก 700,000 คัน ขายในประเทศ 700,000 คัน

หากเลวร้ายกว่านั้น คือฟื้นตัวในไตรมาส 3 ผลิตในเทศ 1,000,000 คัน ส่งออก 500,000 คัน ขายในประเทศ 500,000 คัน

ผลกระทบดังกล่าว แค่เริ่มต้น ยังมีหลายจุดที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติในครั้งนี้ บริษัทโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการรถเทรลเลอร์ตามโชว์รูมได้รับผลเช่นกัน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไตรมาสแรกที่ผ่านมา (มกราคม-มีนาคม 2563) มีจำนวนทั้งสิ้น 453,682 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนเกือบ 20% ผลกระทบหลักมาจากเศรษฐกิจโลกและการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

กระทรวงอุตสาหกรรม ยังเผยว่า ผลกระทบนี้รุนแรงมาก และหนักกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 การปรับลดกำลังการผลิตจากเดิม 2 ล้านคัน เหลือแค่ 1 ล้านคัน จะทำให้สภาพเศรษฐกิจและประเทศได้เม็ดเงินน้อยลงอย่างแน่นอน และผู้คนจะตกงานเนื่องจากยอดผลิตที่ต่ำลง

การจัดโปรโมชั่น ขับฟรี ลดแหลก แจกแถม เป็นเพียงกระตุ้นตลาดในระยะแรก และ ระยะสั้นเท่านั้น ดังนั้นมาตรการที่จะออกมาควรมุ่งส่งเสริมกระตุ้นตลาดระยะยาวอย่างน้อย 3 ปี เช่น การลดภาษีสรรพสามิตลงอีก 10% ทำให้ราคารถต่ำลง จูงใจผู้บริโภค หรือการลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อมาประกอบลง จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ 10% ซึ่งได้เสนอกับ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไปแล้ว

https://www.car250.com/industrial-auto-thai.html

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้