แผนปิดโรงงาน NISSAN 7 แห่งทั่วโลก ยืนยัน ไม่มีไทย หลังประกาศแผนฟื้นฟู “Re:Nissan”ลดพนักงาน 20,000 คัน

แผนปิดโรงงาน NISSAN 7 แห่งทั่วโลก ยืนยัน ไม่มีไทย หลังประกาศแผนฟื้นฟู “Re:Nissan”ลดพนักงาน 20,000 คัน
Spread the love

Advertisement

Advertisement

สรุปข่าว Nissan พิจารณาปิดโรงงานทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ (พ.ค. 2025):

  • Nissan เตรียมปิดโรงงานในญี่ปุ่น 2 แห่ง ได้แก่

    • Oppama (เริ่มผลิตปี 1961, เคยผลิต Leaf)
    • Shonan (ผลิตรถตู้, โดย Nissan Shatai ถือหุ้น 50%) หากปิดจริง จะเหลือโรงงานในญี่ปุ่นเพียง 3 แห่ง
  • พิจารณาปิดหรือยุติการผลิตในต่างประเทศ

    • แอฟริกาใต้, อินเดีย, อาร์เจนตินา
    • เม็กซิโก อาจลดเหลือแค่ โรงงาน Civac เพื่อรวมการผลิต Frontier และ Navara
  • เป้าหมายหลัก: ลดโรงงานจาก 17 เหลือ 10 แห่งทั่วโลก พร้อมลดพนักงานลง 15%
  • ยอดขายปีงบประมาณ 2024: 3.3 ล้านคัน (ลดลง 42% จากปี 2017)
  • บริษัทออกแถลงการณ์: ข่าวการปิดโรงงานยังเป็นเพียงการคาดการณ์ ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ
  • Renault เตรียมซื้อหุ้นกิจการร่วมทุนในอินเดียต่อจาก Nissan
  • สัญญาณเปลี่ยนแนวทาง: ซีอีโอคนใหม่ Ivan Espinosa เน้นลดต้นทุน ต่างจากซีอีโอคนก่อนที่ไม่ต้องการปิดโรงงานในญี่ปุ่น

โตเกียว, 17 พฤษภาคม (รอยเตอร์)Nissan  กำลังพิจารณาแผนปิดโรงงานประกอบรถยนต์ 2 แห่งในญี่ปุ่นและโรงงานต่างประเทศ รวมถึงในเม็กซิโก ตามรายงานจากแหล่งข่าวเมื่อวันเสาร์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดต้นทุนที่บริษัทเพิ่งประกาศไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้

แหล่งข่าวระบุว่า Nissan อาจปิดโรงงาน Oppama ในญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มเดินสายการผลิตมาตั้งแต่ปี 1961 และโรงงาน Shonan ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท Nissan Shatai ที่ Nissan ถือหุ้นอยู่ 50% ซึ่งหากเป็นจริงจะทำให้ Nissan เหลือโรงงานประกอบรถยนต์เพียง 3 แห่งในประเทศญี่ปุ่น

ในต่างประเทศ Nissan กำลังพิจารณายุติการผลิตที่โรงงานใน แอฟริกาใต้, อินเดีย และอาร์เจนตินา รวมถึง ลดจำนวนโรงงานในเม็กซิโก ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวรอยเตอร์

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Nissan ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น ได้ประกาศมาตรการลดต้นทุนครั้งใหญ่ โดยระบุว่าจะ ลดจำนวนพนักงานลงราว 15% และ ลดจำนวนโรงงานทั่วโลกจาก 17 แห่ง เหลือเพียง 10 แห่ง เพื่อผลักดันแผนฟื้นฟูกิจการ

หนังสือพิมพ์ Yomiuri ซึ่งรายงานข่าวนี้เป็นสื่อแรก ระบุว่า มีโรงงานในเม็กซิโก 2 แห่งที่อยู่ระหว่างการพิจารณาปิด

อย่างไรก็ตาม Nissan กล่าวในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ของบริษัทว่า รายงานข่าวเกี่ยวกับการปิดโรงงานเป็นเพียงการคาดเดา และยังไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการของบริษัท

“ในขณะนี้ เราจะไม่ให้ความเห็นเพิ่มเติมในเรื่องนี้” – แถลงการณ์จาก Nissan ระบุ พร้อมเสริมว่า “เรามุ่งมั่นในการรักษาความโปร่งใสกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และจะสื่อสารข้อมูลอัปเดตที่เกี่ยวข้องเมื่อถึงเวลาอันสมควร”

มาตรการพลิกฟื้นกิจการที่เข้มข้นขึ้นภายใต้การนำของ Ivan Espinosa ซีอีโอคนใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากยุคของ Makoto Uchida อดีตซีอีโอ ที่มีแนวทางเน้นขยายการผลิตทั่วโลก และไม่ต้องการปิดโรงงานในญี่ปุ่น

ยอดขายของ Nissan ในปีงบประมาณ 2024 อยู่ที่ 3.3 ล้านคัน ซึ่ง ลดลงถึง 42% จากปี 2017

ในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ Nissan ระบุว่า เคยประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่า จะรวมการผลิต Nissan Frontier และ Navara จากเม็กซิโกและอาร์เจนตินาเข้าสู่ ศูนย์การผลิตหลักที่โรงงาน Civac ในเม็กซิโก

นอกจากนี้ Nissan ยังได้ประกาศในเดือนมีนาคมว่า Renault พันธมิตรร่วมจากฝรั่งเศส จะเข้าซื้อหุ้นของ Nissan ในธุรกิจร่วมทุนในอินเดีย Renault Nissan Automotive India Private Ltd (RNAIPL)

หากมีการปิดโรงงานในประเทศจริง ก็จะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การปิดโรงงาน Murayama ในปี 2001

การคงไว้เพียง 3 โรงงานในญี่ปุ่น ได้แก่ โรงงาน Tochigi, Nissan Motor Kyushu และ Nissan Shatai Kyushu ในจังหวัดฟุกุโอกะตอนใต้ จะเพียงพอสำหรับการให้บริการตลาดในประเทศและส่งออกจากญี่ปุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่แหล่งข่าวหนึ่งระบุ

  • โรงงาน Oppama มีขีดความสามารถการผลิตปีละประมาณ 240,000 คัน และมีพนักงานประมาณ 3,900 คน ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2024 โดยในปี 2010 โรงงานนี้เคยเป็นแห่งแรกที่เริ่มผลิต Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ออกสู่ตลาดมวลชนของโลก

  • โรงงาน Shonan ที่ผลิตรถตู้เชิงพาณิชย์ มีขีดความสามารถการผลิตปีละ ประมาณ 150,000 คัน และมีพนักงานประมาณ 1,200 คน

เสริมความร่วมมือผ่านพันธมิตร (Complement Through Partnerships)

Renault Group

  • เสริมสร้างความร่วมมือในยุโรป, อินเดีย และละตินอเมริกา

  • ความร่วมมือด้านรถเพื่อการพาณิชย์ (LCV) ในหลายตลาด

Honda – Nissan – Mitsubishi Motors

  • ร่วมกันสำรวจด้านเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะและระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า

Mitsubishi Motors

  • ร่วมมือด้านรถกระบะและการแชร์แบตเตอรี่ EV


รายภูมิภาค:

ยุโรป (ร่วมกับ Renault)

  • ผลิตรถ OEM: Micra EV ปี 2025
  • ผลิตรถ OEM: A-segment EV ปี 2026

จีน (ร่วมกับ Dongfeng Nissan)

  • พัฒนาและผลิตในประเทศ
  • ส่งออกรุ่น Navara (N7) และ Frontier Pro
  • เพิ่มรถยนต์พลังงานใหม่ (NEVs)

ญี่ปุ่น (ร่วมกับ Mitsubishi Motors)

  • รถ Kei car (เครื่องยนต์สันดาป/EV): ร่วมพัฒนาและผลิต

สหรัฐอเมริกา (ร่วมกับ Mitsubishi Motors)

  • ผลิตรถ OEM-in: Rogue PHEV ปี 2025
  • ผลิตรถ OEM-out: รุ่นที่พัฒนาจาก LEAF ปี 2026
  • SUV ขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ: ร่วมสำรวจการลงทุนและการผลิต
  • สำรวจความร่วมมือทางธุรกิจในสหรัฐฯ เพื่อปรับตัวตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง

อินเดีย (ร่วมกับ Renault)

  • ร่วมพัฒนาและผลิต
  • ผลิตรถ OEM-in: B-MPV ปี 2026
  • ผลิตรถ C-SUV ปี 2026/2027

อาเซียน / โอเชียเนีย (ร่วมกับ Mitsubishi Motors)

  • ผลิตรถ OEM-out (ฟิลิปปินส์): รถตู้ ปี 2025
  • ผลิตรถ OEM-in (ออสเตรเลีย): รถกระบะ ปี 2025
  • สำรวจรถ OEM-out เพื่อทำตลาด EV

สรุปแผนฟื้นฟู “Re:Nissan” ของ Nissan Motor Co., Ltd.

  • เหตุผล: ขาดทุนหนักสุดในประวัติศาสตร์ ต้องการเพิ่มความคล่องตัว ปรับตัวให้ทันตลาด
  • เป้าหมาย: กลับมาทำกำไรภายในปีงบประมาณ 2026
  • ลดต้นทุนผันแปรและคงที่รวมกัน 500,000 ล้านเยน
  • ปิด/ควบรวมโรงงานจาก 17 เหลือ 10 แห่ง (ภายในปี 2027)
  • ยกเลิกแผนสร้างโรงงานแบตเตอรี่ LFP ที่คิวชู
  • ลดพนักงานรวม 20,000 คน ภายในปี 2027
  • ลดจำนวนแพลตฟอร์มจาก 13 เหลือ 7 (ภายในปี 2035)
  • ลดเวลาพัฒนารถใหม่เหลือ 30 เดือนในอนาคต
  • ญี่ปุ่น: เน้น Hybrid และรีแบรนด์ INFINITI
  • จีน: มุ่งเน้นรถพลังงานใหม่ (NEVs) และส่งออก
  • ยุโรป: ขยายไลน์รถยนต์ร่วมกับ Renault และพันธมิตรจีน
  • เดินหน้าความร่วมมือกับ Renault, Mitsubishi, Honda
  • ใช้เทคโนโลยีร่วมพัฒนาและเปิดตัวรถใหม่ในแต่ละภูมิภาค

YOKOHAMA, Japan – Nissan ประกาศแผนฟื้นฟูกิจการครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ “Re:Nissan”
Nissan Motor Co., Ltd. เปิดเผยแผนการฟื้นฟูกิจการ “Re:Nissan” ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ ปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับ ยืดหยุ่น และสามารถปรับตัวได้รวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาด โดยมีการประเมินเป้าหมายใหม่ภายใต้ทีมผู้บริหารชุดใหม่ พร้อมตรวจสอบโครงการสำคัญทั่วทั้งบริษัทอย่างรอบคอบ

Ivan Espinosa ประธานและซีอีโอคนใหม่ของ Nissan กล่าวว่า:
“จากผลประกอบการที่ท้าทายในปีงบประมาณ 2024 และต้นทุนผันแปรที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน Nissan จำเป็นต้องเร่งพัฒนาตนเองอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้ากลับสู่การทำกำไรอย่างยั่งยืนภายในปีงบประมาณ 2026 โดยไม่ต้องพึ่งยอดขายจำนวนมาก”


เป้าหมายหลักของแผน Re:Nissan

1. การลดต้นทุนรวม 500 พันล้านเยน ประมาณ 110,000 ล้านบาทภายในปี 2026

  • ต้นทุนผันแปร (Variable Cost): ลดลง 250 พันล้านเยน

    • ตั้งสำนักงาน “Transformation Office” โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 300 คน ภายใต้ Chief TdC Officer
    • พักการพัฒนาโปรเจกต์ระยะยาว (หลังปี FY26) ชั่วคราว เพื่อระดมทีม 3,000 คนมาทำแผนลดต้นทุน
    • ปรับซัพพลายเชนใหม่ โดยลดจำนวนซัพพลายเออร์แต่เพิ่มปริมาณให้แต่ละราย เพื่อกำจัดความซ้ำซ้อน
  • ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost): ลดลง 250 พันล้านเยน

    • ปรับโครงสร้างโรงงานผลิตรถยนต์จาก 17 แห่ง เหลือ 10 แห่ง ภายในปี 2027
    • ยกเลิกการสร้างโรงงานแบตเตอรี่ LFP ที่เกาะคิวชู
    • ลดการลงทุนในทุน (CapEx) และปรับรอบการทำงาน
    • ลดพนักงาน 20,000 คนทั่วโลก (รวมที่เคยประกาศแล้ว 9,000 คน) ครอบคลุมสายงานผลิต การตลาด และ R&D

2. การยกเครื่องการพัฒนา (Development)

  • ลดความซับซ้อนของชิ้นส่วนลง 70%
  • ลดจำนวนแพลตฟอร์มจาก 13 เหลือ 7 ภายในปี 2035
  • ย่นระยะเวลาพัฒนา:

    • รถรุ่นแรก: 37 เดือน
    • รถร่วมแพลตฟอร์ม: 30 เดือน
  • โมเดลใหม่ที่อยู่ในแผน:

    • Nissan Skyline รุ่นใหม่
    • Global C-SUV รุ่นใหม่
    • INFINITI SUV ขนาดคอมแพ็คใหม่

3. กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และตลาด (Product & Market Strategy)

  • ปรับกลยุทธ์ให้เน้นลูกค้าแต่ละภูมิภาค
  • เน้นโมเดลหลักที่สร้างภาพลักษณ์และยอดขาย

ตลาดเป้าหมายหลัก:

    • สหรัฐฯ: ขยายรถไฮบริด และฟื้นแบรนด์ INFINITI
    • ญี่ปุ่น: เพิ่มไลน์อัพรุ่นรถให้ครอบคลุม
    • จีน: เน้นรถพลังงานใหม่ (NEVs) และส่งออกรถจากจีน
    • ยุโรป: เน้น B และ C-SUV
    • ตะวันออกกลาง: เน้น SUV ขนาดใหญ่และพิจารณารุ่นจากจีน
    • เม็กซิโก: เป็นศูนย์กลางการส่งออกหลัก

4. เสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ (Partnerships)

  • ร่วมมือกับ Renault และ Mitsubishi ทำ BEV รุ่นใหม่ (พื้นฐานจาก LEAF) สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ
  • เดินหน้าความร่วมมือกับ Honda ในด้านระบบอัจฉริยะและเทคโนโลยีไฟฟ้า

สรุป

“Re:Nissan” เป็นแผนฟื้นฟูที่เน้นการลงมือทำจริงด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนและกำหนดเวลาแน่นอน แม้แผนจะดูทะเยอทะยาน แต่ก็วางรากฐานไว้อย่างมั่นคง โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ การกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งภายในปีงบประมาณ 2026

ผลประกอบการรวมทั้งปี (FY2024: เม.ย. 2024 – มี.ค. 2025)

  • ยอดขายทั่วโลก: 3.346 ล้านคัน
  • รายได้รวม: 12.6 ล้านล้านเยน ≈ 2.898 ล้านล้านบาท
  • กำไรจากการดำเนินงาน: 69.8 พันล้านเยน ≈ 16,054 ล้านบาท
  • อัตรากำไรจากการดำเนินงาน: 0.6%
  • ขาดทุนสุทธิ (Net Loss): 670.9 พันล้านเยน ≈ 154,307 ล้านบาท
  • กระแสเงินสดอิสระติดลบ (Free Cash Flow): 242.8 พันล้านเยน ≈ 55,844 ล้านบาท
  • ขาดทุนจากการดำเนินงานในธุรกิจยานยนต์: 215.9 พันล้านเยน ≈ 49,657 ล้านบาท
  • เงินสดสุทธิในธุรกิจยานยนต์: 1.498 ล้านล้านเยน ≈ 344,540 ล้านบาท

ผลประกอบการไตรมาส 4 (ม.ค. – มี.ค. 2025)

  • รายได้รวม: 3.49 ล้านล้านเยน ≈ 802,700 ล้านบาท
  • กำไรจากการดำเนินงาน: 5.8 พันล้านเยน ≈ 1,334 ล้านบาท
  • ขาดทุนสุทธิในไตรมาสนี้: 676 พันล้านเยน ≈ 155,480 ล้านบาท

แนวโน้มปีงบประมาณ 2025 (FY2025)

  • รายได้ที่คาดการณ์ไว้: 12.5 ล้านล้านเยน ≈ 2.875 ล้านล้านบาท

  • กำไรจากการดำเนินงาน / กำไรสุทธิ / กระแสเงินสด: ยังไม่สามารถระบุได้ (TBD) เนื่องจากความไม่แน่นอนจากผลกระทบภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

NISSAN

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้