Advertisement

Advertisement

ขับอัตโนมัติ หลุดโค้ง เข้าป่า Tesla Full Self-Driving Beta (VDO)

ขับอัตโนมัติ หลุดโค้ง เข้าป่า Tesla Full Self-Driving Beta (VDO)
Spread the love

Advertisement

Advertisement

https://twitter.com/mostlyharmlessz/status/1469421762555351042

เซอร์ไพรส์มาก ล่าสุดมีการเผยแพร่ VDO ในการขับขี่รถยนต์ของ Tesla Model Y ด้วยการใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติ Tesla’s Full Self-Driving Beta

แม้จะมีข้อกังวลด้านความปลอดภัย เกี่ยวกับ Tesla’s Full Self-Driving Beta แต่เจ้าของเทสลาจำนวนหนึ่งที่ได้รับเลือกยังคงทดสอบระบบ บนถนนถนนอย่างต่อเนื่อง

VDO ดังมากมายแสดงให้เห็นการขับขี่ Tesla’s Full Self-Driving Beta อย่างสมบูรณ์ แต่ก็มีข้อผิดพลาดให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ

VDO ใหม่ล่าสุดแชร์บน Twitter และถ่ายทำจาก dashcam ของ Tesla Model Y ในขณะที่เจ้าของกำลังทดสอบ FSD beta ในตอนกลางคืน ขณะ SUV ไฟฟ้ากำลังเลี้ยวเข้าโค้งเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้สวย

และ มีรถยนต์อีกฝั่งที่เปิดไฟ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่แปลกใจคือ Tesla Model Y ได้เลี้ยวซ้ายเข้าป่าอย่างมึนงง

และ แจ้งให้คนขับคว้าพวงมาลัย อย่างไรก็ตาม กว่าจะปิดระบบ Tesla’s Full Self-Driving Beta รถยนต์ก็เสียหายพอสมควร โชคดีที่ไม่ชนอะไรไปมากกว่านี้

มีรายงานว่ารถได้รับความเสียหายอย่างมาก โดยเฉพาะโครงรถ และ ระบบกันสะเทือน

มีวิดีโออื่นๆ อีกสามรายการด้านล่าง จาก YouTuber AI Addict คลิปเหล่านี้แสดงเวอร์ชันล่าสุดของ Full-Self Driving เวอร์ชันเบต้าสามเวอร์ชัน โดยเฉพาะเวอร์ชัน 10.4, 10.6 และ 10.6.1 วิดีโอของเวอร์ชัน 10.6 นั้นน่าสนใจเป็นพิเศษ

แสดงให้เห็นว่า EV กำลังทดสอบผ่านถนนบางสายในซานโฮเซ และ ประสบปัญหามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนขับถูกบังคับให้รับช่วงต่อเมื่อรถไม่สามารถนำทาง รวมทั้งระบบขับขี่อัตโนมัติยังเห็นรางรถไฟเป็นถนน ยิ่งทำให้เพี้ยนไปใหญ่

ระบบ Autopilot และ Full-Self Driving ของ Tesla มีีการโฆษณาเกินจริง ? เพราะมันเป็นเพียงระดับ 2 มากกว่าจะถึงระดับ 4-5 อย่างที่ Elon Musk ต้องการ

Autopilot มี 5 ระดับ ได้แก่

  • ระดับ 1 จะมีระบบอัตโนมัติ ช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น การบังคับเลี้ยวหรือการเร่งและรักษาคุมความเร็วคงที่ รวมทั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งสามารถควบคุมยานพาหนะไว้ในระยะที่ปลอดภัยต่ออุบัตเหตุ ซึ่งคุณสมบัติ Level 1 ยังต้องการวิจารณญาณของมนุษย์คนขับ ตรวจสอบการใช้ฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ร่วมด้วย
  • ระดับ 2 จะมีระบบ ADAS หรือ Advanced Driver Assistance Systems ซึ่งเป็นระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติคู่กับระบบความคุมอัตรเร่งและปรับความเร็วให้ทำงานประสานกันผ่านกลไกการควบคุมที่ซับซ้อน… ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทุกค่ายล้วนใส่เงินไปกับการวิจัยระบบ ADAS ต่อเนื่องมานาน ซึ่งระบบ ADAS ที่มีชื่อเสียงและสอบผ่านมาตรฐาน Level 2 รุ่นแรกๆ จนได้ทดสอบ
  • ระดับ 3 จะมีความสามารถในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเช่น การเร่งแซงรถที่ช้า แต่ระบบก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์ แม้มนุษย์ไม่ต้องเหยียบคันเร่งถือพวงมาลัย… แต่ผู้ขับขี่จะต้องตื่นตัวและพร้อมที่จะเข้าควบคุมทันทีหากระบบผิดพลาด ซึ่งส่วนใหญ่ระบบจะออกแบบให้ตรวจสอบเงื่อนไขการทำงานอัตโนมัติตลอดเวลา และหาก Condition หรือเงื่อนไขการทำงานในระบบผิดพลาด… รถจะมีฟังก์ชั่นขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ติดมาด้วย
  • ระดับ 4 ไม่ต้องมีมนุษย์คอยช่วยเหลือในยามเข้าตาจนเหมือน Level 3 อีกเลย แม้จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทั้งในระบบและสภาพแวดล้อมภายนอก หรือแม้แต่เกิดขัดข้องขึ้น พาหนะ Level 4 ก็จะจัดการความผิดปกติและบกพร่องทั้งหลายได้เอง โดยพึ่งพาและปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ในฐานะผู้โดยสาร มากกว่าจะพึ่งพามนุษย์ในฐานะผู้ควบคุมปกป้องความผิดพลาด พาหนะ Level 4 สามารถทำงานในโหมดขับขี่ด้วยตนเอง หรือ Self-Driving Mode ได้อย่างสมบูรณ์
  • ระดับ 5 ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากมนุษย์อีก เพราะระบบจะทำงาน Dynamic Driving Task เต็มประสิทธิภาพ เทียบเท่าระดับเดียวกับหรือดีกว่ามนุษย์ที่มีทักษะการขับรถยอดเยี่ยมที่สุด… พาหนะ Level 5 จึงไม่มีแม้แต่พวงมาลัย แป้นเหยียบคันเร่งและแป้นเบรก ทำให้พาหนะ Level 5 เป็น Fully Autonomous Cars ซึ่งเป็นเป้าหมายความสำเร็จของการพัฒนายานพาหนะบนผิวพื้นยุคต่อไป… ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า กฏหมายและโครงสร้างพื้นฐานของ Smart City

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้