เปิดขายญี่ปุ่น 2.34 ล้านบาท TOYOTA Alphard / Vellfire ปลั๊กอินไฮบริด PHEV วิ่งไฟฟ้า 73 กม. ประหยัด 16.7 กม./ลิตร 306 แรงม้า
โตโยต้าประกาศเปิดตัว Alphard และ Vellfire PHEV รุ่นใหม่ในญี่ปุ่น
โตโยต้า ซิตี้ ประเทศญี่ปุ่น, 20 ธันวาคม 2024 — บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศเปิดตัว Alphard และ Vellfire Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) รุ่นใหม่ล่าสุด โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นวันที่ 31 มกราคม 2025 ในขณะที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซินและ Hybrid Electric Vehicle (HEV) ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จะเริ่มจำหน่ายวันที่ 7 มกราคม 2025
- ราคาจำหน่าย Alphard 2.5 HYBRID : 5,100,000 – 8,820,000 เยน หรือประมาณ 1.12 – 1.93 ล้านบาท PHEV : 10,650,000 เยน ประมาณ 2.34 ล้านบาท
- ราคาจำหน่าย Vellfire 2.4 ราคา 6,700,000 – 6,898,000 เยน หรือประมาณ 1.47 – 1.51 ล้านบาท รุ่น 2.5 HYBRID : 7,050,000 – 9,020,000 เยน หรือประมาณ 1.54 – 1.98 ล้านบาท PHEV : 10,850,000 เยน ประมาณ 2.34 ล้านบาท
คุณสมบัติเด่นของ Alphard และ Vellfire PHEV
- รายละเอียดรุ่น
- Alphard Executive Lounge และ Vellfire Executive Lounge
- เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร Plug-in Hybrid, ระบบขับเคลื่อน E-Four (ไฟฟ้าทั้งสี่ล้อ)
- ที่นั่งแบบหรูหรา 6 ที่นั่ง
- จุดเด่นสำคัญ:
- ความสะดวกสบายที่เหนือระดับ
- การขับขี่ที่เงียบ ลดเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน
- เสถียรภาพสูงจากจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ติดตั้งใต้พื้นรถ
- ตอบโจทย์การใช้งานแบบรถผู้บริหาร:
- ระบบปรับอากาศที่สามารถทำงานด้วยไฟฟ้าโดยไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ เพิ่มความสะดวกสบายขณะรอ
- เหมาะสำหรับการใช้งานช่วงกลางคืนด้วยการรบกวนที่น้อยที่สุด
- โหมด BEV สำหรับการใช้งานประจำวัน:
- แบตเตอรี่ High-voltage 13kWh วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 73 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTC) เหมาะสำหรับการเดินทางใกล้ๆ โดยไม่มีการปล่อยมลพิษ
- เครื่องยนต์ไฮบริดช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางไกล
- PHEV เป็นทางเลือกสำคัญในเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน พร้อมความยืดหยุ่นสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
- ความสะดวกสบายที่เหนือระดับ
การอัปเดตรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและ HEV
- ฟีเจอร์มาตรฐาน
- กระจกมองหลังดิจิทัลพร้อมกล้องบันทึกภาพด้านหน้าและด้านหลังในตัว
- ความบันเทิงในรถ
- ระบบเสียง JBL ระดับพรีเมียม (15 ลำโพง) และหน้าจอความบันเทิงด้านหลังขนาด 14 นิ้ว ในรุ่น Z และ Z Premier
- ตัวเลือกใหม่
- สีตัวถัง “Precious Metal” สำหรับ Vellfire เพิ่มความโดดเด่น
- การเพิ่มรุ่น X แบบ 8 ที่นั่งใน Alphard HEV
เป้าหมายการผลิตและการจำหน่าย
- เป้าหมายการขายรายเดือน : 8,600 คันในญี่ปุ่น (Alphard 70%, Vellfire 30%; PHEV ตั้งเป้าขาย 200 คัน/เดือน)
- โรงงานผลิต: Toyota Auto Body Co., Ltd.
เครื่องยนต์รหัส A25A-FXS เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 87.5 x 103.4 มิลลิเมตร ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct-injection D4-S ให้กำลัง 177 แรงม้า + มอเตอร์ไฟฟ้า 180 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตัน-เมตร มีมอเตอร์ไฟฟ้า 54 แรงม้า 121 นิวตันเมตร เข้ามาช่วยขับเคลื่อนในช่วงความเร็วต่ำ
- สมรรถนะ
- กำลังรวมระบบ: 225 กิโลวัตต์ (306 PS) พร้อมมอเตอร์ขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง
- ประหยัดน้ำมัน: ทำได้ 16.7 กม./ลิตร (มาตรฐาน WLTC)
- เกียร์อัตโนมัติ E-CVT
- ลดเสียงเครื่องยนต์และเสียงรบกวนจากถนนด้วยวัสดุเก็บเสียงพิเศษ
- ระยะทางขับขี่และประสิทธิภาพ
- วิ่งในโหมด BEV ได้ไกล 73 กม. ต่อการชาร์จเต็ม เหมาะสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน
- เครื่องยนต์ทำหน้าที่เสริมแบตเตอรี่สำหรับการเดินทางระยะไกล มั่นใจได้ในความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ
- การออกแบบที่เน้นเสถียรภาพ
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ติดตั้งใต้พื้นรถ ขนาด 13.2kWh ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงลง 35 มม. (เมื่อเทียบกับรุ่น HEV)
- โครงสร้างตัวถังที่ปรับปรุงใหม่ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและเพิ่มความมั่นคง
- ระบบ Smooth Stop Control ช่วยลดอาการ “หน้ารถดำน้ำ” เมื่อเบรกกะทันหัน ทำให้การนั่งโดยสารราบรื่นยิ่งขึ้น
- โหมดการขับขี่อัจฉริยะ:
- ระบบปรับเปลี่ยนโหมด BEV และ HEV อัตโนมัติ ตามสภาพเส้นทาง เช่น การขับในเมืองหรือบนภูเขา เพื่อประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ฟังก์ชันการชาร์จและจ่ายพลังงาน
- ตัวเลือกการชาร์จ
- การชาร์จมาตรฐานและแบบเร็ว:
- ชาร์จ AC 3kW 0-100% ภายใน 5.30 ชั่วโมง
- ชาร์จ DC 50kW 10-80% ภายใน 38 นาที
- เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและสถานการณ์ฉุกเฉิน
- การชาร์จมาตรฐานและแบบเร็ว:
- การจ่ายพลังงานภายนอก:
- รองรับกำลังไฟสูงสุด 1,500W (AC 100V):
- ใช้งานได้ในกรณีไฟดับ เหตุฉุกเฉิน หรือกิจกรรมกลางแจ้ง
- มีปลั๊กไฟในช่องเก็บสัมภาระและกล่องคอนโซลกลาง
- มาพร้อม ตัวเชื่อมต่อพลังงานจากรถ สำหรับการจ่ายพลังงานภายนอก
- รองรับกำลังไฟสูงสุด 1,500W (AC 100V):
- Vehicle to Home (V2H):
- จ่ายไฟจากแบตเตอรี่ในรถกลับไปที่บ้านในกรณีฉุกเฉิน (ต้องใช้อุปกรณ์ V2H ที่ขายแยก)
- ใช้งานได้เหมือนแบตเตอรี่สำรองในยามฉุกเฉิน
- โหมดจ่ายพลังงานภายนอก 2 รูปแบบ:
- โหมด BEV: ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
- โหมด HEV: จ่ายไฟในกรณีฉุกเฉิน เมื่อพลังงานแบตเตอรี่ลดถึงระดับที่กำหนด เครื่องยนต์จะเริ่มทำงานเพื่อผลิตไฟฟ้า
- ชาร์จเต็มและเติมน้ำมันเต็มถัง: รองรับการใช้งานไฟฟ้าได้นาน 5.5 วัน
- โหมด “My Room”:
- ใช้ระบบปรับอากาศและเครื่องเสียงภายในรถขณะชาร์จ โดยไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์
- สร้างพื้นที่ภายในรถที่สะดวกสบาย เหมาะสำหรับการทำงานระยะไกล การพักผ่อน หรือกิจกรรมต่างๆ