ช็อกวงการ! Subaru ทิ้ง EV ชั่วคราว หันลงทุนไฮบริดกว่า 3 แสนล้านบาท
Subaru เปลี่ยนทิศทาง! ลดลงทุน EV หันเร่งพัฒนาไฮบริด หลังดีมานด์รถไฟฟ้าทั่วโลกชะลอตัว
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังอยู่ในช่วงชะลอตัวทั่วโลก และกระแสนี้กำลังกระทบต่อทุกผู้ผลิต โดยล่าสุด Subaru เป็นค่ายล่าสุดที่ “เบรค EV” และหันไปให้ความสำคัญกับระบบไฮบริดแทน พร้อมวางกลยุทธ์ใหม่ที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม เพื่อรับมือความผันผวนของตลาดและนโยบายภาครัฐที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Subaru ประกาศทบทวนการลงทุน EV มูลค่า 1.5 ล้านล้านเยน (315,000 ล้านบาท)
ในการรายงานผลประกอบการล่าสุด Atsushi Osaki ประธาน Subaru เปิดเผยว่าบริษัทจะพิจารณาใหม่เกี่ยวกับงบ 1.5 ล้านล้านเยน (คิดเป็น 315,000 ล้านบาท) ที่ตั้งไว้เพื่อการพัฒนา EV ในอนาคต แม้ว่าจะลงทุนไปแล้ว 300,000 ล้านเยน (ประมาณ 63,000 ล้านบาท) ก็ตาม
Osaki ให้เหตุผลชัดเจนว่า
“ดีมานด์ไฮบริดเพิ่มขึ้นทั่วโลก และเครื่องยนต์สันดาปกำลังถูกประเมินคุณค่าใหม่ การทุ่มลงทุนผลิต EV จำนวนมากในตอนนี้อาจไม่เหมาะสม”
นี่ถือเป็นสัญญาณสำคัญว่า Subaru จะไม่เดินหน้า EV เต็มกำลังเหมือนเดิมอีกต่อไป
แผน EV เดิมถูกชะลอ ร่วมพัฒนา 4 รุ่นกับ Toyota ยังเดินต่อ แต่รุ่นใหม่ Subaru ดีไซน์เองต้องเลื่อน
Subaru มีเป้าหมายเปิดตัว 8 รุ่น EV ระดับโลกภายในปี 2028 แผนที่ยังคงเดินหน้าคือ 4 รุ่น EV ที่พัฒนาร่วมกับ Toyota ภายในปี 2026
แต่:
-
EV รุ่นใหม่ที่พัฒนาด้วยศักยภาพของ Subaru เอง จะ ถูกเลื่อนกำหนดเปิดตัวออกไป ไม่ใช่โฟกัสเร่งด่วนอีกต่อไป
แม้จะชะลอ EV แต่ Osaki ย้ำว่า
-
งบลงทุนจะไม่ลดลง
-
แต่จะ ปรับไปใช้เป็นการลงทุนเพื่อการเติบโต (Growth Investment) เช่น
– ระบบไฮบริดรุ่นใหม่
– เทคโนโลยีเครื่องยนต์ลดมลพิษ
– สายการผลิตแบบยืดหยุ่นรองรับหลายระบบขับเคลื่อน
ดีมานด์ EV ร่วง–นโยบายสหรัฐปรับ–Japanese Automakers ทั้งแถวต้อง “เปลี่ยนกลยุทธ์”
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Subaru ต้องหันหัวคือ การเปลี่ยนแปลงนโยบายในสหรัฐ ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของค่าย คิดเป็น 70% ของยอดขายทั่วโลก
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2025 รัฐบาล Trump ได้ยกเลิก เงินสนับสนุนซื้อรถ EV สูงสุด 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 277,000 บาท) ทำให้ความคุ้มค่าของ EV ลดลงทันที และผู้บริโภคจำนวนมากหันกลับไปซื้อรถไฮบริดหรือรถน้ำมันแทน
ผลกระทบจึงลุกลามไปทั้งกลุ่มค่ายญี่ปุ่น
Toyota
-
เลื่อนตั้งโรงงานผลิต EV ในฟุกุโอกะ “ครั้งที่สอง”
-
เหตุผล: ดีมานด์ EV ไม่โตตามคาด
Advertisement Advertisement
Nissan
-
ยกเลิกแผนสร้างโรงงานแบตเตอรี่ EV
-
เหตุผล: ผลกำไรไม่ชัดเจน และต้นทุนสูงขึ้น
Subaru จึงตัดสินใจว่า
**โรงงานใหญ่ของ Subaru จะถูกปรับให้ผลิตได้
เครื่องยนต์สันดาป + ไฮบริด + EV บนสายการผลิตเดียวกัน**
นี่ทำให้บริษัท ยืดหยุ่นตามดีมานด์ได้แบบเรียลไทม์ หากตลาดต้องการไฮบริด → เพิ่มไฮบริด หาก EV กลับมาบูม → ปรับเพิ่ม EV ได้ทันที
Subaru ยังไม่ทิ้งเครื่องยนต์สันดาป –ร่วมมือ Toyota + Mazda ผลิตเครื่องยนต์ปล่อยมลพิษต่ำ
Subaru ประกาศชัดว่าบริษัทจะ ไม่เลิกเครื่องยนต์สันดาปภายในง่าย ๆ โดยร่วมลงนามความร่วมมือกับ:
-
Toyota
-
Mazda
เพื่อร่วมกันพัฒนา
-
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ปล่อยมลพิษต่ำ
-
รองรับ Hybrid
-
รองรับ เชื้อเพลิงสังเคราะห์ (Synthetic Fuel)
-
ปรับตัวให้เข้ากับข้อกำหนดสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ
แนวคิดใหม่อย่าง Performance-B STI ถือเป็นสัญญาณว่าค่ายดาวลูกไก่ยังรักเครื่องยนต์สันดาปเหมือนเดิม
เทคโนโลยีไฮบริด Subaru = แรงจาก Toyota ทั้งหมด
ในช่วงที่ผ่านมา Subaru ใช้เทคโนโลยีไฮบริดร่วมกับ Toyota อย่างเต็มรูปแบบ:
-
Forester Hybrid ใหม่ → ใช้ระบบไฮบริด Toyota
-
Crosstrek Hybrid (สหรัฐ / ญี่ปุ่น) → พื้นฐานเดียวกับ Toyota
ระบบ Mild Hybrid เดิม → ใช้ใน Impreza และ Rex ในญี่ปุ่น
แสดงให้เห็นว่า Subaru เลือกเดินกลยุทธ์ “ไม่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด” แต่:
ใช้เทคโนโลยี Toyota ที่พิสูจน์แล้ว
→ ลดต้นทุน R&D
→ เพิ่มความเร็วในการออกตลาด
EV Line-up Subaru Solterra ยังเดินต่อ –เพิ่มอีก 3 รุ่นภายในปี 2026
ปัจจุบัน EV ของ Subaru มีเพียง
-
Solterra
และจะมีเพิ่มอีกภายในปี 2026
-
Trailseeker
-
Uncharted
-
อีก 1 รุ่นใหม่ (ยังไม่เปิดชื่อ)
ทั้งหมดพัฒนาร่วมกับ Toyota แต่หลังจากปี 2026 ถึง 2028 EV ที่ Subaru ทำเอง อาจถูกเลื่อนจากเดิมหลายปี
ไม่ใช่แค่ Subaru ทั่วโลกกำลัง “เบรค EV” พร้อมกัน
ตลาดรถ EV ทั่วโลกในปี 2024–2026 เริ่มชะลอตัว ทำให้หลายค่ายปรับกลยุทธ์:
-
Honda ลดงบ EV ลง 30%
-
Volkswagen หยุดสายการผลิต EV ชั่วคราว
-
Porsche เพิ่มรุ่นสันดาปกลับเข้ามา
-
Volvo ยกเลิกเป้าหมายเป็นแบรนด์ EV-only ในปี 2030
-
Genesis เลื่อนเป้าหมาย EV-only เช่นกัน
นี่ชี้ชัดว่า โลกกำลังก้าวสู่ยุค “หลายพลังงาน” (Multi-path Strategy) ไม่ใช่ EV-only อีกต่อไป


