โตโยต้าทุ่ม 3.2 แสนล้านบุกอเมริกา! เปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ดันเปิดตัว SUV 3 แถว หใม่



โตโยต้าทุ่มเงินเพิ่มอีก 10,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ช่วงเวลา ‘หัวเลี้ยวหัวต่อ’ ของอุตสาหกรรมรถยนต์โลก
โตโยต้า (Toyota Motor Corporation) เดินหน้าเพิ่มน้ำหนักเชิงกลยุทธ์ในตลาดสหรัฐอเมริกา ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 323,700 ล้านบาท) ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ส่งผลให้ยอดรวมการลงทุนของโตโยต้าในสหรัฐฯ พุ่งแตะเกือบ 60,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่เริ่มเปิดสายการผลิตในอเมริกาเหนือ
แม้บริษัทไม่ได้ระบุชัดเจนว่าทุนจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้กับโครงการใดโดยตรง แต่ทิศทางการลงทุนสะท้อนชัดถึง “ยุทธศาสตร์ป้องกันตัว” (Defensive Strategy) ท่ามกลางแรงกดดันด้านภาษี นโยบายภาคอุตสาหกรรม และการแข่งขันในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
แรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ คือแรงผลักสำคัญ
ประกาศการลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการสร้างฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในยุครัฐบาลทรัมป์ ที่มีท่าทีชัดเจนว่าต้องการให้ค่ายรถญี่ปุ่นเพิ่มการผลิตในประเทศเพื่อลดการนำเข้า
เดือนก่อนหน้า ทำเนียบขาวระบุว่า โตโยต้ามีแผน
- ส่งออกรถผลิตในสหรัฐฯ ไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่น
- เปิดช่องทางจัดจำหน่ายในญี่ปุ่นให้ค่ายรถอเมริกันเข้าถึงง่ายขึ้น
- ญี่ปุ่นยอม ขายรถผลิตในอเมริกาและรถผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสหรัฐฯ โดยไม่ต้องทดสอบซ้ำ
นับเป็นสัญญาณการ “แลกเปลี่ยนแบบมีผลประโยชน์ร่วมกัน” ระหว่างสองประเทศในจังหวะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่
โรงงานแบตเตอรี่ North Carolina – หัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์โตโยต้าในอเมริกา
แม้ข่าวการลงทุนมีปัจจัยทางการเมือง แต่ส่วนสำคัญที่สุดคือ การเปิดโรงงานแบตเตอรี่แห่งใหม่ มูลค่า 13.9 พันล้านดอลลาร์ (ราว 450,000 ล้านบาท) ในรัฐ North Carolina ภายใต้ชื่อ Toyota Battery Manufacturing North Carolina (TBMNC)
ไฮไลต์โรงงานแบตเตอรี่
- เป็นโรงงานแบตเตอรี่แห่งแรกของโตโยต้าในสหรัฐฯ
- เป็นโรงงานแบตเตอรี่แห่งเดียวของบริษัทนอกประเทศญี่ปุ่น
- มีกำลังการผลิตสูงสุด 30 GWh ต่อปี
- เปิดงานใหม่มากถึง 5,100 ตำแหน่ง
- มีสายการผลิตแบตเตอรี่ทั้งหมด 14 ไลน์
แม้สิทธิ Clean Vehicle Tax Credit จะถูกตัดออก ทำให้รถ EV หลายรุ่นไม่ได้รับเครดิตภาษี แต่โตโยต้าปรับกลยุทธ์ด้วยการออกแบบโรงงานให้รองรับแบตเตอรี่ได้หลายประเภท
- BEV (รถไฟฟ้า 100%)
- HEV (ไฮบริด)
- PHEV (ปลั๊กอินไฮบริด)
เพื่อรักษาฐานลูกค้าหลักของโตโยต้าในอเมริกา ที่ยังมีสัดส่วนรถไฮบริดสูงมาก
แบตเตอรี่ที่จะผลิตให้กับรถรุ่นสำคัญ
แบตจากโรงงานนี้จะถูกนำไปใช้กับรุ่นทำตลาดหลัก ได้แก่
- Camry Hybrid – รถซีดานยอดขายสูงของโตโยต้าในอเมริกา
- Corolla Cross Hybrid – SUV ที่โตขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดสหรัฐฯ
- RAV4 Hybrid – หนึ่งในรถไฮบริดขายดีที่สุดในโลก
รวมถึง รถไฟฟ้า 3 แถวรุ่นใหม่ ที่โตโยต้ากำลังพัฒนาเพื่อแข่งกับ Tesla, Rivian และค่ายจีนที่รุกตลาดอเมริกา
โรงงานที่เป็นมากกว่าโรงงาน
โตโยต้าต้องการให้ TBMNC เป็น “เมืองสำหรับพนักงาน” มากกว่าหลายโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร เช่น
- ร้านขายยา
- คลินิกแพทย์
- ฟิตเนส
- ศูนย์ดูแลเด็ก
ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่โรงงาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานและลดการเดินทางออกนอกพื้นที่
มุมมองผู้บริหารโตโยต้า
เท็ตสึโอะ โอกาว่า (Tetsuo Ogawa) ซีอีโอ Toyota Motor North America กล่าวว่า
“การเปิดโรงงานแบตเตอรี่แห่งแรกในสหรัฐฯ และการลงทุนเพิ่มอีกถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ คือช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของโตโยต้า เราคือผู้บุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้า และการลงทุนครั้งนี้ยืนยันว่าเราพร้อมสนับสนุนพนักงาน ลูกค้า ดีลเลอร์ ชุมชน และซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ อย่างเต็มที่”
คำกล่าวนี้สะท้อน “ความมั่นคงระยะยาว” ของโตโยต้าในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งยังคงเป็นตลาดสำคัญที่สุดของบริษัทในโลก
การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ โตโยต้ากำลังเดิมพันอะไร?
1) ป้องกันความเสี่ยงทางการเมืองและภาษี
การผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น = ลดความเสี่ยงโดนภาษีจากการนำเข้า
ซึ่งเป็นแนวคิดที่ค่ายญี่ปุ่นทุกแบรนด์ต้องปรับตัว
2) สนับสนุนแผนรถไฮบริดระยะยาว
แม้โลกกำลังพูดถึง EV แต่ตลาดสหรัฐฯ ยังมีอัตราเติบโตของไฮบริดสูงมาก โตโยต้าจึงสร้างซัพพลายแบตเตอรี่รองรับตลาดนี้
3) เตรียมพร้อมสำหรับ EV แถวหน้า
รถไฟฟ้า 3 แถว (เหมือน Highlander EV) จะเป็นกุญแจสำคัญ เพราะเป็นกลุ่มที่ Tesla ยังไม่มีข้อได้เปรียบ
4) สร้าง Supply Chain ให้สอดคล้องกับกฎหมาย IRA
กฎหมาย Inflation Reduction Act (IRA) ของสหรัฐฯ สนับสนุนรถที่ผลิตในประเทศและใช้แบตเตอรี่ที่มีแหล่งกำเนิดอเมริกาเหนือ โตโยต้าต้องสร้างฐานให้แข็งเพื่อชิงสิทธิประโยชน์ในอนาคต
สรุปภาพรวมแบบเข้าใจง่าย
- โตโยต้าลงทุนเพิ่มในสหรัฐฯ 323,700 ล้านบาท
- โรงงานแบตเตอรี่ใหม่มูลค่า 450,000 ล้านบาท เปิดเดินเครื่องแล้ว
- รองรับการผลิตแบตเตอรี่สำหรับ Hybrid, PHEV, EV
- สร้างงานกว่า 5,100 ตำแหน่ง
- เป้าหมายคือเสริมความแข็งแกร่ง ก่อนการเปลี่ยนผ่านสู่รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในตลาดสหรัฐฯ


