TOYOTA อาจขอร่วมวง หลังดีล Nissan – Honda ควบรวมล่ม

TOYOTA อาจขอร่วมวง หลังดีล Nissan – Honda ควบรวมล่ม
Spread the love

Advertisement

Advertisement

สรุปข่าว: Nissan – Honda เจรจาควบรวมล่ม / Toyota อาจขอร่วมวง

  • 23 ธ.ค. 2024: Nissan และ Honda ลงนาม MOU เจรจาควบรวมกิจการ
  • 13 ก.พ. 2025: ยุติการเจรจา เพราะ Nissan ไม่อยากเป็นบริษัทลูกของ Honda
  • Akio Toyoda (Toyota) วิจารณ์ว่าไม่มีแผนผลิตภัณฑ์ชัดเจน และไม่เชื่อว่าการควบรวมระดับ “ซูเปอร์เมอร์เจอร์” จะผ่านกฎหมายผูกขาด
  • หลังดีลล่ม: สื่อญี่ปุ่นเผย Toyota แอบเจรจา Nissan เรื่อง “จับมือร่วมธุรกิจ” แต่ยังไม่มีคำชี้แจงทางการ
  • Toyota ถือหุ้นในหลายค่ายญี่ปุ่นแล้ว (Subaru, Mazda, Suzuki, Isuzu)
  • Nissan ตอบโต้ภาพลบด้วยแผน “Re:Nissan” ได้แก่:

    • ปลดคน 20,000 คน
    • ปิดโรงงาน 7 แห่ง
    • ตัด R&D และแพลตฟอร์มรถ 6 แบบ
    • เดินหน้ารถใหม่ทั่วโลก ใช้พันธมิตร Renault, Mitsubishi, Dongfeng
  • ยอดขายจริงปีงบฯ 2024: เพียง 3.3 ล้านคัน ห่างไกลเป้าเดิม 8 ล้าน (ตั้งไว้สมัย Carlos Ghosn)
  • Ghosn ยังให้สัมภาษณ์ว่า Nissan “สิ้นหวัง” และกล่าวหา Honda ว่า “แฝงแผนฮุบกิจการ”
  • บทสรุป: เมอร์เจอร์ไม่เกิด แต่การจับมือทางเทคโนโลยี-ไฟฟ้า ยังมีลุ้นต่อยอด

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2024 Nissan และ Honda ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการ อย่างไรก็ตาม การเจรจาไม่นานก็ต้องยุติลง โดยในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2025 ทั้งสองบริษัทได้ประกาศยุติการเจรจาอย่างเป็นทางการ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Nissan ไม่ต้องการกลายเป็นบริษัทลูกของ Honda ถึงแม้จะยังคงร่วมมือกันในด้านระบบไฟฟ้าและซอฟต์แวร์ แต่การควบรวมกิจการแบบเต็มรูปแบบก็หมดสิ้นความเป็นไปได้

ก่อนที่ดีลจะล่ม ประธานกรรมการ Toyota นายอากิโอะ โตโยดะ ได้กล่าวในงาน CES เมื่อเดือนมกราคมว่า Nissan ไม่เคยเข้ามาเจรจากับ Toyota เกี่ยวกับแนวคิดการรวมบริษัทขนาดใหญ่ และเขาเชื่อว่าหากเกิดขึ้นจริงก็น่าจะผิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่า Toyota ได้ติดต่อ Nissan เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือบางรูปแบบ หลังจากการควบรวมกับ Honda ล้มเหลว

หนังสือพิมพ์ Mainichi Shimbun ของญี่ปุ่น (โดยอ้างอิงจาก Automotive News) รายงานว่า ผู้บริหารของ Toyota ได้พูดคุยกับ Nissan เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเป็นพันธมิตร อย่างไรก็ตาม Nissan ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ขณะที่ Toyota ระบุว่ากำลังพิจารณารายงานก่อนออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ

Toyota ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน อยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นหลายราย โดยถือหุ้น 20% ใน Subaru, 5.1% ใน Mazda, 4.9% ใน Suzuki และ 5.9% ใน Isuzu หากมีการแลกเปลี่ยนหุ้นระหว่าง Toyota กับ Nissan จริง ๆ จะทำให้โครงสร้างความเป็นเจ้าของซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

ย้อนกลับไปตอนที่ Nissan และ Honda แถลงข่าวเกี่ยวกับ MOU ดังกล่าว นายโตโยดะแสดงความผิดหวังว่าข้อมูลที่นำเสนอขาดรายละเอียดด้านผลิตภัณฑ์ เน้นแต่คำศัพท์เชิงธุรกิจอย่าง “การบูรณาการทางธุรกิจ” และ “การสร้างซินเนอร์จี” โดยตั้งเป้าเปลี่ยนญี่ปุ่นให้กลายเป็น “ผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก”

หลังจากนั้น Nissan ได้ตอบสนองต่อคำวิจารณ์ดังกล่าวด้วยการประกาศเปิดตัวรถรุ่นใหม่หลายรุ่นในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยอาศัยพันธมิตรเดิมอย่าง Renault และ Mitsubishi ในการใช้โมเดลแบบ badge-engineered เพื่อลดระยะเวลานำรถเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นขึ้นกับ Dongfeng ของจีน ซึ่งเห็นได้จากรถซีดานไฟฟ้า N7 และรถกระบะปลั๊กอินไฮบริด Frontier Pro รุ่นใหม่

ซีอีโอของ Nissan นาย Ivan Espinosa กล่าวว่าบริษัทเปิดกว้างต่อความร่วมมือใหม่ ๆ แต่ลำดับความสำคัญอันดับแรกคือต้องสร้างเสถียรภาพภายใน โดยแผน “Re:Nissan” ประกอบด้วยมาตรการลดต้นทุนครั้งใหญ่ เช่น การลดพนักงาน 20,000 ตำแหน่ง ปิดโรงงาน 7 แห่ง และลดงบวิจัยและพัฒนาอย่างมาก พร้อมทั้งลดความซับซ้อนของอะไหล่ลง 70% และเลิกใช้แพลตฟอร์มยานยนต์ 6 แบบ ขณะเดียวกันยังคงลงทุนในแบรนด์หรู Infiniti ต่อไป

สำหรับคำถามว่า Nissan มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร นาย Espinosa อธิบายว่าเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2015 ในยุคที่ Carlos Ghosn ยังเป็นซีอีโอ โดยในตอนนั้นบริษัทตั้งเป้าหมายจะเพิ่มยอดขายเป็น 8 ล้านคันต่อปี ผ่านการลงทุนหนักในกำลังการผลิตและบุคลากร แต่ยอดขายในปีงบประมาณ 2024 (1 เม.ย. 2024 – 31 มี.ค. 2025) ทำได้เพียง 3.3 ล้านคันเท่านั้น

ในด้านของ Carlos Ghosn เจ้าตัวยังคงให้ความเห็นในประเด็นนี้ โดยระบุว่า Nissan อยู่ใน “สถานการณ์สิ้นหวัง” และกล่าวหาว่า Honda วางแผนจะ “ฮุบกิจการโดยแฝงเจตนา” ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน Nissan และ Honda จะไม่มีแผนควบรวมแล้ว แต่ก็ยังมีการร่วมมือกันในด้าน “เทคโนโลยีอัจฉริยะและระบบไฟฟ้า” อย่างต่อเนื่อง

Motor1

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้