ข่าว EV ในไทยล่าสุด TOYOTA ผลิตกระบะ EV ปลายปี HONDA เปิดตัว 0 Series ปีหน้า ร่วมถึง BMW , MG , Benz , Changan ดันการผลิต xEV

ข่าว EV ในไทยล่าสุด TOYOTA ผลิตกระบะ EV ปลายปี HONDA เปิดตัว 0 Series ปีหน้า ร่วมถึง BMW , MG , Benz , Changan ดันการผลิต xEV
Spread the love

Advertisement

Advertisement

สรุปข่าว: ไทยเดินหน้าสู่ฐานผลิต xEV ระดับโลก

ภาพรวมความเคลื่อนไหว

  • BOI ผนึกภาครัฐ-เอกชน ประกาศความร่วมมือ ขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นฐานการผลิต xEV ครบทุกเทคโนโลยี (BEV, HEV, PHEV)
  • จัดงาน SUBCON Thailand 2025 วันที่ 14–17 พ.ค. 2568 ณ ไบเทค กรุงเทพฯ ร่วมแสดงศักยภาพซัพพลายเออร์ไทย

ตัวเลขสำคัญ

  • 3 ปีที่ผ่านมา (2565–2567): ยอดจดทะเบียน xEV ไทยเพิ่มจาก 84,500 → 206,000 คัน
  • การลงทุนใน xEV และชิ้นส่วน 3 ปี: 644 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 280,000 ล้านบาท
  • งาน SUBCON 2025 คาด จับคู่ธุรกิจ 8,000 คู่ มูลค่าซื้อขายกว่า 20,000 ล้านบาท

6 ค่ายรถยนต์ร่วมเวที BOI SYMPOSIUM 2025

  • Toyota – เตรียมผลิตรถกระบะไฟฟ้าในไทย ปลายปี 2568, มอง HEV โตต่อเนื่อง
  • Honda – เตรียมเปิดตัว “Honda 0 Series” ปี 2026, เน้นพัฒนาบุคลากรไทย
  • MG (SAIC) – เน้นยกระดับซัพพลายเชนในไทย เสนอใช้หลัก ESG
  • Mercedes-Benz – ชู BEV + PHEV, เสนอให้รัฐผ่อนปรนเงื่อนไขใช้ชิ้นส่วนในประเทศ
  • BMW – เปิดตัว “Neue Klasse” ปี 2025, เน้นดิจิทัล โลจิสติกส์ และความยั่งยืน
  • Changan – ชี้ xEV จะมีสัดส่วน 40% ของตลาดโลกภายในปี 2028, ตั้งไทยเป็นฐานการผลิตนอกจีน

มาตรการภาครัฐที่สนับสนุน

  • ลดภาษีสรรพสามิต HEV, MHEV, PHEV
  • ส่งเสริมการลงทุนปรับเครื่องจักรสู่ระบบอัตโนมัติ
  • ดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยร่วม Supply Chain โลก
  • จับคู่ธุรกิจไทย-ต่างชาติ ดึงการถ่ายทอดเทคโนโลยี

ไฮไลต์วิสัยทัศน์

  • “เทคโนโลยี + ดิจิทัล + ความยั่งยืน” คือหัวใจอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่
  • การเปลี่ยนผ่านสู่ xEV เป็น “โอกาสทอง” ที่ต้องคว้าไว้ผ่านการพัฒนา บุคลากร – เทคโนโลยี – ความร่วมมือ

สรุปใจความสำคัญ

รัฐ-เอกชนไทยเร่งวางรากฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ผนึกกำลังเปิดทางสู่ xEV เต็มรูปแบบ ทั้งในระดับ การผลิต – ส่งออก – การพัฒนาซัพพลายเชน – บุคลากร เพื่อสร้างความยั่งยืน และยกระดับไทยขึ้นเป็นผู้นำ xEV ในภูมิภาคอาเซียน และระดับโลกในอนาคต.

ภาครัฐและเอกชน ประกาศความร่วมมือขับเคลื่อนไทยสู่ฐานผลิต xEV สู่ตลาดโลกบีโอไอ พร้อมสนับสนุนมาตรการใหม่ กระตุ้นการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่อง 6 ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ขานรับ เร่งฟื้นอุตสาหกรรมในประเทศ คว้าโอกาสส่งออก ท่ามกลางความไม่แน่นอนสงครามการค้า วางรากฐานอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย และบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดงานนิทรรศการแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมระดับานาชาติ “SUBCON Thailand 2025” ครั้งที่ 19 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ณ ไบเทค กรุงเทพฯ โดยมีบริษัทในประเทศและต่างประเทศกว่า 500 บริษัท จาก 13 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้เกียรติเป็นประธาน เปิดงาน และกล่าวถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทย ที่สะท้อนผ่านการลงทุนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำถึงโอกาสและความท้าทายที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยจะต้องเร่งปรับตัว เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการขยายธุรกิจ และเชื่อมต่อกับ Supply Chain ระดับโลกผ่านนักลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย พร้อมทั้งได้ให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมรับฟังและเตรียมพิจารณามาตรการใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้สามารถเปลี่ยนผ่านและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

“ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลต่อตลาดสินค้าและบริการต่าง ๆ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานของโลกกำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ความโกลาหลนี้ แม้ว่าจะท้าทายและมีผลกระทบกับผู้ประกอบการอย่างมาก แต่ก็ถือเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมไทยในการแทรกตัวเข้าสู่ Supply Chain ของโลก ซึ่งภาครัฐพร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ผ่านมาตรการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยี และคุณภาพการผลิต โดยงาน SUBCON Thailand ถือเป็นเวทีสำคัญที่แสดงศักยภาพของผู้ประกอบการไทย และเป็นโอกาสในการขยายตลาด การเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี รวมถึงการเชื่อมโยงธุรกิจกับต่างประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเติบโตได้ในระยะยาว” นายพิชัย กล่าว

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวเปิดการสัมมนา “BOI SYMPOSIUM: Shaping the Future of xEV in Thailand” ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มีผู้ผลิตชิ้นส่วนที่อยู่ใน Supply Chain กว่า 2,000 บริษัท และมีการจ้างงานกว่า 9 แสนคน โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2565 – 2567) ความนิยมในรถยนต์ xEV ไม่ว่าจะเป็น BEV, PHEV และ HEV ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว จากยอดจดทะเบียนรถยนต์ xEV 84,500 คัน ในปี 2565 เพิ่มขึ้นอย่าง ก้าวกระโดดเป็น 206,000 คัน ในปี 2567 โดยในส่วนของการลงทุน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการขอรับส่งเสริม การลงทุนในการผลิตรถยนต์ xEV และชิ้นส่วน จำนวน 644 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 280,000 ล้านบาท

ภูมิทัศน์การค้าและการลงทุนโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ และ ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่ที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ โดยรัฐบาลไทยและบีโอไอ ได้ออกมาตรการสนับสนุนอย่างรอบด้าน สำหรับผู้ประกอบการทั้งรายใหม่และรายเดิม อาทิ มาตรการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน โดยส่งเสริมให้ปรับเปลี่ยนเครื่องจักร หรือนำระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งการพัฒนาบุคลากร มาตรการส่งเสริมการร่วมทุน ระหว่างผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างประเทศกับผู้ผลิตไทย เพื่อให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ มาตรการลดภาษีสรรพสามิตสำหรับ HEV, MHEV และ PHEV รวมถึงการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงและจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยกับผู้ซื้อรายใหญ่ในต่างประเทศ อย่างงาน SUBCON Thailand เป็นต้น เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ให้แข็งแกร่งและสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่หรือ xEV เพื่อคว้าโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

“อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีหลากหลาย ซึ่งรัฐบาลและ บีโอไอได้ออกมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ประสบความสำเร็จ และสามารถเสริมความแข็งแกร่งของไทยในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาค นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้มีบทบาทมากขึ้นใน Supply Chain ระดับโลก ผ่านมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบการไทย รวมถึงการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยกับบริษัทรถยนต์ระดับโลก เพื่อนำไปสู่การจัดซื้อชิ้นส่วนในประเทศ การถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือการร่วมทุนกันในอนาคต” นายนฤตม์ กล่าว

ด้านเวที “BOI SYMPOSIUM 2025: “Shaping the Future of xEV in Thailand: Opportunities for Innovation and Growth” มีค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ 6 ราย จากญี่ปุ่น จีน และยุโรป ได้แก่ โตโยต้า, ฮอนด้า, เอ็มจี, ฉางอาน, เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู ขึ้นเวทีเสวนา ร่วมแสดงวิสัยทัศน์และมุมมองต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่และผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทาน ในหัวข้อ “Future Directions of xEV Industry Development and Supply Chain Integration: Opportunities and Challenges for Thai Entrepreneurs to Compete in the Global Market”

นายมาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (future mobility) จะมุ่งสู่พลังงานไฟฟ้า ดิจิทัล และความยั่งยืน ดังนั้น เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่เพียงแต่นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ครบทุกประเภท แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับรถยนต์สันดาปภายใน และช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ร้อยละ 100 ได้ โดยมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สถานีชาร์จและบริการหลังการขาย และยกระดับทักษะแรงงานรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำหรับ Supply Chain ในประเทศไทย โดยบริษัทพร้อมร่วมมือในเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตร เน้นการพัฒนาอย่างยืดหยุ่น รองรับการเปลี่ยนผ่านในอนาคตอย่างยั่งยืน โดยอยากให้ภาครัฐปรับเงื่อนไขในการใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการที่เป็น Small Volume พร้อมเร่งเจรจา FTA ไทย – อียู เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและการส่งออกให้มากขึ้น

นายเรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต คือเทคโนโลยีดิจิทัลและความยั่งยืน ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูถือเป็นพันธกิจสำคัญ ในการขับเคลื่อนองค์กร ในปี 2025 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป กำลังมุ่งหน้าสู่หมุดหมายสำคัญด้วยการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ารวมกว่า 1.5 ล้านคันทั่วโลก และในปีเดียวกันนี้ บีเอ็มดับเบิลยูเตรียมเปิดตัว “Neue Klasse” ซึ่งจะเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเจเนอเรชั่นใหม่ที่เน้นเทคโนโลยีดิจิทัล พลังงานไฟฟ้า และเศรษฐกิจหมุนเวียน และบีเอ็มดับเบิลยูพร้อมจับมือกับซัพพลายเออร์ เพื่อพัฒนาระบบดิจิทัล โลจิสติกส์ และไอที ซึ่งเป็นกลไกหลักในการรับมือกับความผันผวนของการค้าโลกที่เกิดขึ้น และทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้ามีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ HEV และ BEV อย่างต่อเนื่อง และพร้อมเปิดตัว Honda 0 Series รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่สู่ตลาดโลกในปี 2026 สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญนั้น ฮอนด้าจะช่วยผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมและระบบนิเวศของ xEV โดยพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนรัฐบาลในการพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทยให้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างการเติบโตไปด้วยกัน โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพราะฮอนด้าเชื่อว่าบุคลากรเป็นหัวใจ ของการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังเช่นที่ได้วางรากฐานบุคลากรให้กับรถยนต์สันดาปภายใน ตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา

นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มตลาด BEV ทั่วโลกเริ่มชะลอตัวลง ในขณะที่ตลาด HEV โตขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดในอาเซียน ซึ่งเห็นได้ชัดในประเทศไทย ทางโตโยต้าให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี HEV แต่ในขณะเดียวกันก็เตรียมแผนผลิตรถกระบะไฟฟ้าในประเทศไทยปลายปีนี้ ซึ่งรถกระบะ และอีโคคาร์ ถือเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนของไทยที่ยังต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการจะผลักดันให้ไทยเป็นฐานผลิตที่แข็งแกร่งของ xEV จะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการสร้างตลาดภายในประเทศให้แข็งแกร่ง รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งตลาดในประเทศและส่งออก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ

นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี (MG) กล่าวว่า ตลาด xEV ไทยขยายตัวรวดเร็วและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเป็นการเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้นโยบายมุ่งสู่ความยั่งยืน โดย MG พร้อมยกระดับซัพพลายเชนในประเทศ ผ่านความร่วมมือและถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย และผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการผลิตและส่งออก xEV ของอาเซียน ในด้านความยั่งยืน MG ยึดหลัก ESG เป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจ โดยร่วมมือกับพันธมิตรที่มีเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและจริยธรรมร่วมกัน พร้อมเสนอแนวทางเชิงนโยบายและการผลักดันให้ภาครัฐ เอกชน ใช้ xEV มากขึ้น และได้ทิ้งท้ายว่า “MG เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะจุดแข็งด้านบริการหลังการขายที่เหนือกว่าคู่แข่ง ด้วยความเข้าใจลูกค้าและการให้บริการที่รวดเร็ว จึงอยากให้รักษาจุดแข็งนี้ไว้ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และความยั่งยืนในระยะยาว เพราะความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มั่นคง เกิดจากการเติบโตไปด้วยกันอย่างจริงใจ”

นาย กวน ซิน รองประธาน บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้ม xEV ในตลาดโลกยังเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าการใช้ xEV ทั่วโลก จะมีสัดส่วนร้อยละ 40 ของการใช้รถยนต์ทั้งหมด ในปี 2028 ซึ่งรวมถึงตลาดในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั้ง BEV, HEV และ PHEV ยังมีทิศทางเติบโต และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากภาครัฐ ฉางอานมีความมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ โดยเฉพาะในโรงงานที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นโรงงานในต่างประเทศแห่งแรกของฉางอาน และมีเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากร ถ่ายทอดเทคโนโลยี การใช้แรงงาน และชิ้นส่วนในประเทศเพื่อยกระดับไทยให้เป็นฐานผลิตที่แข็งแกร่งของฉางอานในอนาคต

สำหรับการจัดงาน “SUBCON Thailand 2025” ระหว่างวันที่ 14 – 17 พฤษภาคม 2568 ณ ไบเทค กรุงเทพฯ คาดว่าจะมีการจับคู่ธุรกิจกว่า 8,000 คู่ เกิดมูลค่าซื้อขายกว่า 20,000 ล้านบาท

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้