คปภ. ผนึกกำลังภาคธุรกิจประกันภัย ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ดูแลเคลมประกันอย่างเต็มรูปแบบ


คปภ. ผนึกกำลังภาคธุรกิจประกันภัย ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ดูแลเคลมประกันอย่างเต็มรูปแบบ
สถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ปี 2568 นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สร้างผลกระทบวงกว้าง โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง ที่ได้รับผลกระทบทั้งในด้านชีวิต ทรัพย์สิน และการดำเนินธุรกิจ มีรายงานว่ามีประชาชนได้รับผลกระทบมากกว่า 320,887 ครัวเรือน ท่ามกลางวิกฤตดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ สำนักงาน คปภ. ได้ผนึกกำลังกับภาคธุรกิจประกันภัย เดินหน้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มรูปแบบ
นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ คปภ. ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค เปิดเผยว่า คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัยได้ระดมทรัพยากรและบุคลากรลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลผู้เอาประกันภัย ประชาชน ผู้ประกอบการ และภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญอย่าง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมรุนแรงมาแล้วเมื่อปี 2553 และครั้งนี้ถูกกระทบอย่างหนักอีกครั้ง
ภาพรวมความเสียหายด้านประกันภัยในจังหวัดสงขลา
จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 พบความเสียหายด้านการประกันภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลาดังนี้
- รถยนต์แจ้งความเสียหายแล้วจำนวน 1,258 คัน
- ทรัพย์สินและความเสียหายอื่น ๆ แจ้งแล้วมากกว่า 506 ราย
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าอุทกภัยครั้งนี้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อยานพาหนะและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในเขตเมืองและย่านเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งมีทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถเชิงพาณิชย์ รวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก่อนเกิดเหตุ คปภ. และบริษัทประกันภัยได้ร่วมกันออกมาตรการเชิงป้องกันล่วงหน้า เช่น การแจ้งเตือนให้ผู้เอาประกันภัยเคลื่อนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง การจัดรถยกและรถลากช่วยเคลื่อนย้ายรถยนต์ในพื้นที่เสี่ยง อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำที่เพิ่มสูงและรุนแรงเกินกว่าที่ประเมินไว้ ทำให้ความเสียหายจริงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า

มาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนจาก คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เอาประกันภัยและประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน สำนักงาน คปภ. ได้ร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัยกำหนดมาตรการช่วยเหลือแบบครบวงจร ดังนี้
1. ทีมรับแจ้งเคลมเคลื่อนที่ ลงพื้นที่ถึงจุดเกิดเหตุ
บริษัทประกันภัยหลายแห่งได้จัดตั้งทีมรับแจ้งเคลมเคลื่อนที่ (Mobile Claim Service) พร้อมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ที่จำเป็น ลงพื้นที่ในชุมชนและเขตน้ำท่วม
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถแจ้งเคลมได้โดยไม่ต้องเดินทางออกจากพื้นที่เสี่ยงหรือฝ่าระดับน้ำที่สูง
2. บริการรถยกและรถลาก ช่วยเคลื่อนย้ายรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม
สำหรับผู้เอาประกันภัยรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม บริษัทประกันภัยได้จัดรถยกและรถลาก เข้าเก็บรถจากจุดที่น้ำท่วมสูง เพื่อนำไปยังพื้นที่ปลอดภัยหรือศูนย์จัดเก็บรถที่กำหนดไว้ เป็นการลดความเสียหายเพิ่มเติม และเตรียมความพร้อมสำหรับการสำรวจและประเมินค่าเสียหาย
3. จัดตั้งจุดพักรถและจุดสำรวจภัยในพื้นที่ปลอดภัย
มีการจัดหาพื้นที่สูงและปลอดภัยเพื่อใช้เป็นจุดพักรถสำหรับรถที่ถูกน้ำท่วม และจุดสำรวจภัยเบื้องต้น โดยมีทีมสำรวจของบริษัทประกันภัยและตัวแทนประกันภัยลงพื้นที่ร่วมกัน เพื่อให้กระบวนการประเมินความเสียหายดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและโปร่งใส
4. การสำรวจภัยแบบเร่งด่วน และการเร่งรัดกระบวนการเคลม
สำนักงาน คปภ. ได้เน้นย้ำให้ภาคธุรกิจประกันภัยเร่งรัดการสำรวจภัยและจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยพิจารณาให้ความสำคัญกับผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักเป็นลำดับแรก เพื่อช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของประชาชนและผู้ประกอบการโดยเร็วที่สุด
5. การมอบถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภค
นอกจากการช่วยเหลือด้านการประกันภัยโดยตรงแล้ว คปภ. และบริษัทประกันภัยหลายแห่ง ยังได้จัดโครงการมอบถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรง โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยติดเตียง
บทบาทของศูนย์ ICD ในการบริหารจัดการภัยพิบัติ
สำนักงาน คปภ. โดยศูนย์ปฏิบัติการด้านการประกันภัยเพื่อบริหารจัดการและช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติ หรือ Insurance Center for Disaster Management and Co-operation (ICD) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่าง คปภ. บริษัทประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสมและรวดเร็ว
บทบาทสำคัญของศูนย์ ICD ได้แก่ การรวบรวมข้อมูลความเสียหายจากพื้นที่ต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ การช่วยวางระบบการจัดการเคลมในภาวะวิกฤต การออกแนวปฏิบัติหรือคำแนะนำสำหรับบริษัทประกันภัย รวมถึงการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจนแก่ประชาชนในช่วงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด
สำนักงาน คปภ. สงขลาปิดทำการชั่วคราว และศูนย์สำรองในจังหวัดใกล้เคียง
จากระดับน้ำที่เพิ่มสูงจนเข้าท่วมอาคารสำนักงาน คปภ. จังหวัดสงขลา ส่งผลให้ไม่สามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ตามปกติ คปภ. จึงได้จัดตั้งศูนย์สำรองในพื้นที่จังหวัดอื่นเพื่อรองรับการให้บริการและช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
- สำนักงาน คปภ. จังหวัดพัทลุง
- สำนักงาน คปภ. จังหวัดนครศรีธรรมราช
- สำนักงาน คปภ. จังหวัดตรัง
- สำนักงาน คปภ. จังหวัดยะลา
- สำนักงาน คปภ. จังหวัดนราธิวาส
ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และต้องการติดต่อเรื่องการประกันภัย สามารถติดต่อบริษัทประกันภัยที่เปิดทำการในพื้นที่ หรือใช้ช่องทางของ คปภ. ได้ดังนี้
- สายด่วน คปภ. 1186
- ไลน์ @OICconnect เพื่อใช้ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
มุมมองเชิงลึก อุทกภัยภาคใต้กับบทเรียนด้านประกันภัยของไทย
อุทกภัยภาคใต้ครั้งนี้ไม่เพียงเป็นวิกฤตด้านภัยธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบสำคัญของระบบประกันภัยไทยในหลายมิติ ทั้งในด้านการจัดการความเสี่ยง ความพร้อมของภาคธุรกิจประกันภัย และการสื่อสารกับประชาชน
1. ความสำคัญของความคุ้มครองน้ำท่วมในประกันภัยรถยนต์และทรัพย์สิน
ตัวเลขรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายมากกว่า 1,258 คัน และทรัพย์สินที่เสียหายกว่า 506 ราย
สะท้อนให้เห็นว่าความคุ้มครองด้านอุทกภัยในกรมธรรม์ประกันภัย ทั้งประกันภัยรถยนต์และประกันภัยทรัพย์สิน
มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก
2. การปรับปรุงแบบจำลองความเสี่ยงของบริษัทประกันภัย
ระดับความรุนแรงของน้ำท่วมที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าที่เคยประเมินไว้
เป็นสัญญาณเตือนให้บริษัทประกันภัยต้องทบทวนแบบจำลองการประเมินความเสี่ยง
โดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความถี่ของภัยพิบัติที่เพิ่มมากขึ้น
3. ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
การผนึกกำลังระหว่างสำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัยในครั้งนี้
แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
ในการบริหารจัดการภัยพิบัติ ทั้งด้านการวางระบบ การสื่อสาร การช่วยเหลือ และการเยียวยาประชาชน
คปภ. ย้ำประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องการเคลมประกันภัย
สำนักงาน คปภ. และภาคอุตสาหกรรมประกันภัยยืนยันว่า พร้อมยืนเคียงข้างประชาชนชาวภาคใต้และพื้นที่อื่น ๆ ที่ประสบเหตุอุทกภัย โดยจะให้การดูแลด้านการประกันภัยอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในช่วงเกิดเหตุ ระหว่างการฟื้นฟู และระยะยาวหลังผ่านพ้นวิกฤต
คปภ. ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการขอเคลมประกันภัย เพียงติดต่อมายังช่องทางที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกันภัย สำนักงาน คปภ. ในพื้นที่ศูนย์สำรอง หรือสายด่วน 1186 ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและช่วยประสานงานอย่างใกล้ชิด
สรุป ก้าวผ่านวิกฤตอุทกภัยไปด้วยกัน
อุทกภัยภาคใต้ในครั้งนี้เป็นทั้งบทเรียนและบททดสอบของทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคธุรกิจประกันภัย การผนึกกำลังของ สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการดูแลประชาชนให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกรมธรรม์อย่างเต็มที่
เป้าหมายสำคัญที่สุด คือการทำให้ประชาชนสามารถฟื้นฟูความเสียหายในด้านต่าง ๆ ทั้งบ้านเรือน รถยนต์ ทรัพย์สิน และการประกอบอาชีพ
เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถกลับมายืนได้อีกครั้ง
รถจมน้ำทั้งคัน 2–3 วัน ซ่อมคุ้มไหม หรือ คืนทุน ระหว่างรถสันดาป (ICE) กับรถไฟฟ้า BEV
