ครึ่งปีแรก GEELY Group ขายรถรวม 1.40 ล้านคัน กำไรรวม 30,098 ล้านบาท เฉลี่ยกำไรคันละ 21,361 บาท



จี่ลี่ (Geely) ยักษ์ใหญ่ยานยนต์จีน บทพิสูจน์จากโรงงานมอเตอร์ไซค์สู่มหาอำนาจรถยนต์โลก
ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อสามสิบปีก่อน คงไม่มีใครคิดว่าบริษัทท้องถิ่นเล็กๆ จากเมืองหางโจว ประเทศจีน ที่เริ่มต้นจากการทำตู้เย็นและมอเตอร์ไซค์ จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกได้ แต่ “จี่ลี่” หรือ Geely วันนี้ คือยักษ์ใหญ่ที่ไม่เพียงครองตลาดในประเทศ แต่ยังขยายอิทธิพลสู่ทุกทวีป
จุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดา
-
ปี 1986 ลี่ซูฝู (Li Shufu) ก่อตั้งบริษัท Geely Group เริ่มจากผลิตตู้เย็น
-
ต่อมาเข้าสู่ธุรกิจมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์ราคาประหยัด จนสร้างฐานทุนและประสบการณ์ด้านการผลิต
-
ปี 1997 ก้าวเข้าสู่วงการรถยนต์ โดยผลิตรถซีดานราคาย่อมเยา จับตลาดคนจีนชั้นกลาง–ล่างที่กำลังขยายตัว
การเติบโตด้วยกลยุทธ์ “ซื้อเพื่อโต”
จี่ลี่เข้าใจดีว่าการพัฒนารถยนต์ต้องใช้เทคโนโลยีและเวลา จึงเลือกใช้กลยุทธ์เข้าซื้อกิจการเพื่อก้าวกระโดด
- 2010 ซื้อกิจการ Volvo Cars จาก Ford กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ได้ทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัย แพลตฟอร์ม และเครือข่ายทั่วโลก
- 2017 ซื้อหุ้นใหญ่ใน Lotus Cars (อังกฤษ) ปรับภาพลักษณ์สู่ตลาดพรีเมียม–สปอร์ต
- ลงทุนใน Proton (มาเลเซีย) และ London Electric Vehicle Company (LEVC) ผู้ผลิตแท็กซี่ไฟฟ้าในลอนดอน
- ตั้งแบรนด์ใหม่อย่าง Lynk & Co, Geometry, ZEEKR เพื่อรุกตลาดวัยรุ่นและกลุ่มพรีเมียม EV
ความสำเร็จล่าสุด
ครึ่งปีแรก 2025 คืออีกก้าวสำคัญ
-
รายได้รวม 150.3 พันล้านหยวน (+27% YoY) หรือ 679,256 ล้านบาท
-
กำไรสุทธิหลัก 6.66 พันล้านหยวน (+102% YoY) หรือ 30,098 ล้านบาท
-
ยอดขายรวม 1.409 ล้านคัน (+47% YoY) ส่วนแบ่งตลาดทะลุ 10%
-
ยอดขาย รถพลังงานใหม่ (NEV) 725,000 คัน (+126% YoY)
หรือกำไรเฉลี่ยคันละ 21,361 บาท
แบรนด์ ZEEKR และ Galaxy เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดย Galaxy จับตลาดแมส ส่วน ZEEKR รุกตลาดพรีเมียม EV ได้ดี
ความท้าทายที่ยังต้องฝ่า
แม้เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่จี่ลี่ยังมีจุดอ่อน
- ภาพลักษณ์และการสื่อสารแบรนด์ – เคยถูกลูกค้าตำหนิเรื่องไม่ประกาศแผนอัปเกรดล่วงหน้า ทำให้รู้สึก “ถูกหักหลัง”
- ยอดส่งออกลดลง 8% – ตามหลังคู่แข่งจีนรายอื่น แม้ตลาดในประเทศจะเติบโตแรง
- ราคาขายเฉลี่ยต่อคันลดลง – แม้กำไรเพิ่ม แต่ราคาขายเฉลี่ยลดลง 14,000 หยวนเพราะยอดขายรถแมสเพิ่ม
แนวทางรับมือ
- ประกาศนโยบาย “ผู้ใช้มาก่อน” ให้ข้อมูลล่วงหน้าและสิทธิ์เลือกเต็มที่
- ปรับโครงสร้างทีมส่งออก ขยายเครือข่ายตลาดโลก
- เปิดตัวรุ่นไฮเอนด์ครึ่งปีหลัง เช่น Lynk & Co 900, ZEEKR 9X, Galaxy M9 เพื่อดึงราคาขายเฉลี่ยและกำไรกลับขึ้น
วิสัยทัศน์สู่อนาคต
นายกุ้ย เซิงเยว่ ซีอีโอ GEELY เชื่อว่าการ “ต่อต้านการแข่งขันที่ไม่สร้างสรรค์” ไม่ได้หมายถึงแค่หยุดสงครามราคา แต่ต้องเรียนรู้ข้อดีคู่แข่ง ไม่โจมตี และทำงานของตนให้ดีที่สุด พร้อมตั้งเป้าให้จี่ลี่เป็นแบรนด์ที่ผู้ใช้ทั่วโลกเชื่อมั่น
จากจีนสู่โลก
วันนี้ จี่ลี่ไม่ได้เป็นเพียง “ค่ายรถจีน” แต่กลายเป็นเครือข่ายยานยนต์ข้ามชาติ ที่ครอบคลุมตลาดตั้งแต่เอเชีย ยุโรป จนถึงอเมริกาใต้ ด้วยสายผลิตภัณฑ์ตั้งแต่รถแมสราคาเข้าถึงง่าย ไปจนถึงรถหรูและซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า
กลุ่ม Geely (Geely Holding Group) ประกอบด้วยหลายบริษัทและแบรนด์ยานยนต์ทั้งในจีนและต่างประเทศ แบ่งได้เป็นกลุ่มหลัก ๆ ดังนี้
1. กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในจีน
-
Geely Auto – แบรนด์รถยนต์หลัก ครอบคลุมทั้ง ICE, HEV, PHEV และ BEV
-
Lynk & Co – รถกลุ่มพรีเมียม–สปอร์ต พัฒนาในจีนและยุโรปร่วมกับ Volvo
-
Zeekr – รถไฟฟ้าพรีเมียม
-
Geometry – รถไฟฟ้ากลุ่มราคาจับต้องได้
-
Radar Auto – แบรนด์รถกระบะไฟฟ้า
2. กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ต่างประเทศในเครือ
-
Volvo Cars – ครอบครองสิทธิ์ทั้งหมด
-
Lotus Cars – ถือหุ้นส่วนใหญ่ (อังกฤษ)
-
Proton – ถือหุ้นใหญ่ใน Proton Holdings (มาเลเซีย)
-
Smart – ร่วมทุนกับ Mercedes-Benz Group AG
-
London Electric Vehicle Company (LEVC) – ผู้ผลิตแท็กซี่ไฟฟ้าในลอนดอน
3. กลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม
-
Geely Commercial Vehicles – รถเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงรถบรรทุกและรถโดยสารไฟฟ้า
-
Farizon Auto – รถเพื่อการพาณิชย์พลังงานใหม่
-
Geely Technology Group – ลงทุนด้านพลังงานใหม่ แบตเตอรี่ และเทคโนโลยีขั้นสูง
-
Aero HT – โครงการรถบินได้ (flying car)
4. การลงทุนด้านอื่น ๆ
-
Terrafugia – บริษัทสตาร์ทอัพรถบินได้ในสหรัฐฯ
-
Yikatong Technology – บริการด้านการเชื่อมต่อและระบบนิเวศดิจิทัลรถยนต์
-
การถือหุ้นใน Aston Martin (สัดส่วนบางส่วน) และความร่วมมือกับ Renault Group ในตลาดเกาหลีใต้