2 ปี 4 แสนล้านบาทหายวับ! Ford ขาดทุนธุรกิจ EV อาจเลิกขายกระบะไฟฟ้า Lightning

Ford อาจยุติ F-150 Lightning? สัญญาณสะเทือนตลาดกระบะไฟฟ้าอเมริกา เมื่อความจริงสวนทางความคาดหวัง
จาก “รถกระบะแห่งอนาคต” สู่จุดเปลี่ยนที่ไม่มีใครคาดคิด
ย้อนกลับไปปี 2021–2022 ช่วงที่ Ford เปิดตัว F-150 Lightning พร้อมประกาศว่า “นี่คือยุคใหม่ของรถกระบะอเมริกัน” ทั้งสื่อ นักวิเคราะห์ และนักลงทุนต่างเชื่อว่ารถกระบะไฟฟ้าจะกลายเป็นตัวเร่งให้ตลาด EV ของสหรัฐฯ เติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะ “รถกระบะ” คือหัวใจของตลาดรถยนต์อเมริกา
แต่เพียง 3 ปีให้หลัง คำมั่นสัญญาเริ่มสั่นคลอน — Ford ประกาศ “ระงับการผลิต Lightning แบบไม่มีกำหนด” และมีรายงานจาก Wall Street Journal ว่าผู้บริหารกำลัง “หารืออย่างจริงจัง” ถึงความเป็นไปได้ในการยุติรุ่นนี้โดยสมบูรณ์
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของรถรุ่นหนึ่งขายไม่ดี แต่เป็นสัญญาณว่า “ยุคทองของรถกระบะไฟฟ้า” อาจไม่เคยมาถึงเลยตั้งแต่แรก
Ford หยุดสายการผลิต F-150 Lightning จุดเปลี่ยนที่บ่งบอกทิศทางธุรกิจ
-
สายการผลิต Rouge Electric Vehicle Center ถูกสั่งหยุด
-
พนักงานถูกย้ายไป Dearborn Truck Plant เพื่อผลิตรุ่นเครื่องยนต์สันดาป
-
Ford ให้เหตุผลว่า “ต้องการผลิตรถที่ทำกำไรได้มากกว่า และใช้อลูมิเนียมน้อยกว่า”
คำแถลงดูสุภาพ แต่ในเชิงธุรกิจคือการยอมรับว่า EV Pickup ไม่ทำกำไร และไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ภายใต้สภาวะต้นทุนปัจจุบัน
ยอดขายต่ำกว่าคาดหวังหนัก F-150 Lightning กลายเป็นหนึ่งในรถที่ขายแย่ที่สุดของ Ford
| รุ่น (Ford / Lincoln / อเมริกาเหนือ) | ยอดขาย Q1–Q3 2024 |
|---|---|
| Mustang | 32,818 |
| E-Series | 30,195 |
| Lincoln Nautilus | 26,237 |
| F-150 Lightning | 23,034 |
แม้ Lightning จะเป็น “รถกระบะไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในอเมริกา” แต่ตัวเลขจริงห่างไกลจากเป้าหมายเดิมที่ Ford เคยตั้งไว้กว่า 150,000 คัน/ปี
Ford ขาดทุนกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์จากธุรกิจ EV
ตั้งแต่ปี 2023 Ford สูญเงินไปแล้ว 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ => คิดเป็นประมาณ 421,000 ล้านบาท นี่คือหนึ่งในตัวเลข “ขาดทุนจาก EV” ที่สูงที่สุดในบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์โลก
สาเหตุหลัก
- ต้นทุนแบตเตอรี่ยังสูง และไม่ลดลงตามที่คาด
- EV ขายราคาสูง แต่กำไรขั้นต้นกลับ “ติดลบ”
- การลงทุนแพลตฟอร์มใหม่ โรงงานใหม่ ซัพพลายเชนใหม่ = ใช้เงินมหาศาล
- ความต้องการตลาดจริงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมิน
ทำไม EV Pickup ถึง “ไม่รอด” ในโลกจริง?
1. ราคาแพงเกินกำลังผู้ใช้กระบะทั่วไป ลูกค้ากระบะส่วนใหญ่ในอเมริกาใช้งานเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่ไลฟ์สไตล์แบบ Tesla
2. แบตเตอรี่หนัก – กินไฟหนักเวลาลากพ่วง ลากพ่วง 1,500–3,000 กก. หรือบรรทุกหนัก → ระยะทางเหลือครึ่งเดียว
3. ชาร์จนาน ไม่เหมาะกับงานเร่งด่วน เติมน้ำมัน 5 นาที vs ชาร์จเร็ว 30–60 นาที หรือช้ากว่านั้น
4. ต้นทุนวัตถุดิบสูง (ลิเธียม, นิกเกิล, อลูมิเนียม) Lightning ใช้อะลูมิเนียมมากกว่า F-150 รุ่นน้ำมัน → ต้นทุนสูงขึ้น
5. รัฐเริ่มลดแรงจูงใจด้านภาษี EV ตลาดไม่ถูกกระตุ้นเหมือนช่วงปี 2021–2022
ไม่ใช่แค่ Ford , GM และ Ram ก็กำลังถอย
| ผู้ผลิต | รุ่น EV Pickup | ยอดขาย 2024 (Q1–Q3) |
|---|---|---|
| Chevrolet | Silverado EV | 9,379 |
| GMC | Sierra EV | 6,147 |
| GMC | Hummer EV (SUV+Pickup) | 13,233 |
| Ram | 1500 REV | ถูกยกเลิกก่อนขายจริง |
ตัวเลขขายของ Sierra EV น้อยกว่า “BrightDrop” รถตู้ EV ที่เพิ่งถูก GM ปิดโครงการไป ทั้งที่ขายได้ 3,976 คันเท่านั้น นั่นหมายความว่า สัญญาณการถอยของตลาด EV Pickup กำลังเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งอุตสาหกรรม
แล้ว F-150 Lightning จะเกิดอะไรต่อไป?
มี 3 ทางเลือกที่ Ford กำลังชั่งน้ำหนัก สิ่งที่ Ford ชัดเจนที่สุด ณ ตอนนี้คือ “จะกลับไปมุ่งผลิตรถกระบะน้ำมันและ Hybrid ที่ทำกำไรได้มากกว่า”
| ทางเลือก | ความเป็นไปได้ |
|---|---|
| ยุติรุ่น Lightning | สูง |
| รีดีไซน์ใหม่ / ใช้แพลตฟอร์มถูกลง | ปานกลาง |
| เปลี่ยนเป็น Hybrid / PHEV | เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น |
บทสรุปเชิงวิเคราะห์
- ตลาด EV Pickup ของสหรัฐฯ ไม่ได้เติบโตตามแผนที่นักลงทุนเคยเชื่อ
- โจทย์จริงไม่ใช่ “รถไฟฟ้าไม่ดี” แต่เป็น “รถไฟฟ้าไม่เหมาะกับงานของรถกระบะ”
- การหดตัวของตลาด EV ทำให้ค่ายรถต้องกลับมาพึ่ง Hybrid และ PHEV
- Lightning อาจเป็นตัวอย่างสำคัญของ “บทเรียน EV เฟสแรก”
- ท้ายที่สุด… Ford อาจกลับไปใช้กลยุทธ์เดิม: ขายรถกระบะที่ทำกำไรสูง และปล่อยให้ EV โตตามธรรมชาติ ไม่เร่งแบบเดิม


