เลิกขาย ฟอร์จูนเนอร์ TOYOTA ออสเตรเลีย ยืนยัน กลางปี 2026 ลุย Hilux & Prado ยุคใหม่
Toyota Fortuner ปิดตำนานในออสเตรเลีย หลังขายมาเกือบ 10 ปี – ปรับทัพสู่ยุคใหม่ของ Hilux และ LandCruiser
หลังจากโลดแล่นในตลาดออสเตรเลียมากว่าทศวรรษ ล่าสุด Toyota Australia ประกาศยุติการจำหน่าย Toyota Fortuner อย่างเป็นทางการภายใน กลางปี 2026 ถือเป็นจุดสิ้นสุดของหนึ่งใน SUV สายลุยที่ขายช้าที่สุดของโตโยต้าในแดนจิงโจ้ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาด SUV ที่กำลังเข้าสู่ยุค “พรีเมียม + ไฮบริด”
ความนิยมที่ค่อย ๆ จางหาย
Sean Hanley รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Toyota Australia กล่าวอย่างตรงไปตรงมาในงานแถลงข่าวว่า
“Fortuner เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมของเรา และมีฐานแฟนคลับที่ภักดี แม้จะไม่ใหญ่ แต่มีความหลงใหลในรถรุ่นนี้มาก”
“อย่างไรก็ตาม เมื่อรสนิยมของลูกค้าในออสเตรเลียเปลี่ยนไป เราจึงตัดสินใจยุติการจำหน่าย Fortuner”
ตลาด SUV ในออสเตรเลียช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนทิศทางไปอย่างชัดเจน — ลูกค้าหันไปซื้อรถอเนกประสงค์ที่ “ขับสบายขึ้น หรูหราขึ้น และใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น” มากกว่าจะเน้นรถโครงสร้างกระบะ (Body-on-frame) แบบ Fortuner ที่เดิมออกแบบมาเพื่อความทนทานและลุยทางโหด
ยอดขายที่ไม่อาจตามทันคู่แข่ง
ข้อมูลยอดขายระหว่าง มกราคม–ตุลาคม 2025 สะท้อนภาพชัดเจนว่า Fortuner กำลังสูญเสียพื้นที่ทางการตลาด
-
Toyota Fortuner: 2,928 คัน
-
Isuzu MU-X: 12,499 คัน
-
Ford Everest: 21,915 คัน
แม้ Toyota จะมีชื่อเสียงเรื่องความทนทาน แต่ลูกค้าชาวออสเตรเลียกลับเลือก Everest และ MU-X ที่ให้ความรู้สึก “สมัยใหม่กว่า” โดยเฉพาะ Everest ที่มีออฟชั่นครบและขับสบายแบบรถหรู
จุดเริ่มต้นและความตั้งใจของ Fortuner
Fortuner เปิดตัวในออสเตรเลียปี 2015 ด้วยราคาเริ่มต้น 47,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 1.01 ล้านบาท ก่อนภาษีและค่าดำเนินการ — โตโยต้าวางตำแหน่งให้เป็น “SUV ดีเซลราคาย่อมเยา” ที่ใช้พื้นฐานจาก Hilux มีเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อให้เลือก
ในเวลานั้น โตโยต้าต้องการเติมช่องว่างระหว่าง Kluger (SUV เบนซินขับสบายในเมือง) กับ LandCruiser Prado (SUV หรูสายลุยระดับบน) เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ “ความทนทานของ Hilux แต่เป็น 7 ที่นั่ง”
คู่แข่งที่เหนือกว่าในทุกด้าน
Fortuner เปิดตัวพร้อมกับ Ford Everest ในปีเดียวกัน ซึ่งใช้พื้นฐานจาก Ford Ranger แต่ Ford วางตำแหน่ง Everest ให้ “เหนือกว่า” Fortuner ชัดเจน ทั้งในด้านขนาด อุปกรณ์ และภาพลักษณ์
แม้ราคาของ Everest จะแพงกว่า (เริ่มที่ 54,990 ดอลลาร์ออสเตรเลีย) แต่ลูกค้าก็ยอมจ่าย เพราะรู้สึกว่าได้ “รถระดับเดียวกับ Prado ในราคาถูกกว่า”
ในปี 2024 Everest ทำยอดขายสูงถึง 26,494 คัน แซง Toyota LandCruiser Prado ได้เป็นครั้งแรก ส่วน Fortuner ทำได้เพียง 3,042 คัน เท่านั้น แม้ Prado จะมีปัญหาสินค้าขาดช่วงเปลี่ยนโฉมก็ตาม
ตัวเลขไม่โกหก ยอดเฉลี่ยต่ำกว่า 4,000 คัน/ปี
ยอดขายเฉลี่ยของ Fortuner ระหว่างปี 2016–2024 อยู่ที่เพียง 3,481 คันต่อปี แม้ในปีที่ดีที่สุด (2022) Fortuner จะทำได้ 4,614 คัน แต่ก็ยังตามหลัง Everest (10,314 คัน) และ MU-X (10,987 คัน) อย่างมาก
ในตลาดออสเตรเลียที่รถออฟโรดได้รับความนิยมสูง Fortuner กลับถูกมองว่า “อยู่กึ่งกลาง” — ไม่ได้ลุยสุดเท่า Prado แต่ก็ไม่หรูพอจะดึงกลุ่มครอบครัวเหมือน Kluger หรือ RAV4
โตโยต้า “Fortuner ไม่ใช่ความล้มเหลว”
แม้ยอดขายจะต่ำกว่าเป้า แต่ โตโยต้าออสเตรเลียไม่มองว่า Fortuner เป็นความล้มเหลว Hanley กล่าวอย่างชัดเจนว่า
“รถแต่ละรุ่นมีหน้าที่เฉพาะของมัน เราไม่เคยตั้งเป้าให้ Fortuner เป็นรุ่นขายอันดับหนึ่งของโตโยต้า”
“Fortuner ประสบความสำเร็จในบทบาทที่ได้รับ — แต่เมื่อ Hilux รุ่นใหม่มีไลน์อัพกว้างขึ้น และเราต้องจัดโครงสร้างผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับตลาด การยุติ Fortuner จึงเป็นเรื่องของกลยุทธ์ธุรกิจปกติ”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โตโยต้ามองว่า Fortuner ทำหน้าที่ “ถ่วงสมดุล” ในไลน์อัพได้ครบแล้ว ถึงเวลาส่งต่อบทบาทให้รุ่นอื่นในยุคใหม่
ก้าวต่อไป Hilux & Prado ยุคใหม่
หลังจากเปิดตัว LandCruiser Prado เจเนอเรชันใหม่ ในปลายปี 2024 โตโยต้าก็ประกาศ ขยายไลน์ Hilux รุ่นใหม่ ที่ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องดีเซล 48V mild hybrid ไปจนถึงรุ่นไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Hilux BEV) ซึ่งจะมาทำตลาดในปี 2025–2026
กลยุทธ์นี้ทำให้ Fortuner “หมดหน้าที่” เพราะลูกค้าสามารถเลือก Hilux 4 ประตูรุ่นขับสบาย หรือขยับขึ้นไปยัง Prado ได้โดยตรง โดยไม่ต้องมี Fortuner คั่นกลางอีกต่อไป
การยุติที่ไม่ใช่ความพ่ายแพ้
การเลิกขาย Toyota Fortuner ในออสเตรเลีย จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจนัก แต่เป็นการปรับทัพให้เข้ากับยุคของ “SUV ไฮบริด–ไฟฟ้า–พรีเมียม” ที่โตโยต้ากำลังรุกเต็มตัว
แม้ Fortuner จะจากไป แต่ชื่อของมันยังเป็นสัญลักษณ์ของ “ยุคทองแห่งรถออฟโรดดีเซล” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นขวัญใจผู้ชอบลุยทุกเส้นทาง และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความแข็งแกร่งนั้นจะถูกส่งต่อไปยัง Hilux TRAVO และ Prado ใหม่ ที่เตรียมขับเคลื่อนยุคต่อไปของตระกูล Toyota SUV


