ตลาดกระบะออสซี่หิน! เปิดตัวเลขแท้ KIA Tasman ไปไม่ถึงเป้าหมาย 20,000 คันต่อปี

ตลาดกระบะออสซี่หิน! เปิดตัวเลขแท้ KIA Tasman ไปไม่ถึงเป้าหมาย 20,000 คันต่อปี
Spread the love
Advertisement Advertisement


Kia Tasman ยอดขายห่างไกลเป้า 20,000 คันต่อปี  วิเคราะห์จุดอ่อน กลยุทธ์กู้ยอด และอนาคตกระบะ Kia ในออสเตรเลีย

การบุกตลาดกระบะขนาดกลางของ Kia Tasman ถูกจับตามองมาตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว เพราะนี่ไม่ใช่แค่ “รถรุ่นใหม่” แต่คือจิ๊กซอว์สำคัญที่ Kia หวังใช้ปูทางสู่สมรภูมิกระบะที่แข่งขันดุเดือดที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่าง ออสเตรเลีย ทว่าผลลัพธ์ในช่วงไม่กี่เดือนแรกกลับไม่ได้สวยหรูแบบที่วาดฝันเอาไว้

แม้ Kia จะตั้งเป้าหมายไว้ชัดว่า Tasman ควรมียอดขายแตะ 20,000 คันในปีแรก แต่ตัวเลขจริงกลับ “หลุดเป้า” อย่างเห็นได้ชัด จนกลายเป็นประเด็นให้ทั้งสื่อและคนในอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องหันมาวิเคราะห์ว่า เกิดอะไรขึ้นกับกระบะน้องใหม่คันนี้กันแน่?

ยอดขายจริงของ Kia Tasman ต่ำกว่าคาด ครึ่งต่อครึ่งของเป้าหมาย

ตามข้อมูลจากสื่อยานยนต์ต่างประเทศอย่าง GoAuto และ CarExpert รายงานตรงกันว่า นับตั้งแต่ Kia Tasman เปิดตัวทำตลาดในออสเตรเลียเป็นเวลาโดยประมาณราว 5 เดือน กลับทำยอดจดทะเบียนได้เพียง 3,716 คัน เท่านั้น เฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน มียอดจดทะเบียนเพียง 2,262 คัน ซึ่งเมื่อคำนวณจากอัตราการขายปัจจุบันแล้ว มีการประเมินว่า Tasman จะปิดปีด้วยยอดรวมราว ๆ 11,148 คัน/ปี เท่านั้น

เทียบเป้าหมาย vs ความเป็นจริง

หัวข้อ ตัวเลข หมายเหตุ
เป้ายอดขายปีแรกในออสเตรเลีย 20,000 คัน เป็นเป้าหมายที่ Kia ตั้งไว้แต่แรก
ยอดขายจริงโดยประมาณต่อปี (จากอัตราปัจจุบัน) 11,148 คัน ต่ำกว่าเป้าราว ครึ่งหนึ่ง
ยอดจดทะเบียนสะสม 5 เดือนแรก 3,716 คัน ตัวเลขจริงในช่วงเปิดตลาด
กำลังการผลิตในเกาหลีใต้ 60,000 คัน/ปี Tasman ใช้ฐานผลิตจากเกาหลีใต้
สัดส่วนการใช้กำลังผลิต (จากยอดขายจริง) ประมาณ 19% ต่ำกว่าศักยภาพที่วางไว้มาก

ขณะเดียวกัน CarExpert ยังระบุว่า Tasman มี ส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในกลุ่มกระบะขนาดกลางของออสเตรเลียเพียง 1 – 1.8% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้าง “เล็ก” เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายใหญ่ที่ยึดตลาดไว้แน่นหลายปี

เจาะจุดอ่อน รุ่นฟลีตและรุ่นล่าง คือห่วงใหญ่ที่สุดของ Tasman

จุดที่น่าแปลกใจคือ Kia Tasman ไม่ได้ขายไม่ออกทุกเกรด เพราะจากข้อมูลที่ Dennis Piccoli (Chief Operating Officer – Kia Australia) กล่าวในงานบรีฟสื่อระบุชัดว่า

“รุ่นท็อปอย่าง X-Line และ X-Pro ไปได้ค่อนข้างดี แต่ปัญหาคือรุ่นล่างที่คาดว่าจะเน้นขายฟลีต กลับไม่ทำยอดอย่างที่เราหวัง”

สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ฐานลูกค้าฟลีต (Fleet) และลูกค้างบจำกัด ยังไม่ “อิน” กับ Tasman มากพอ ในขณะที่ฝั่งคู่แข่งอย่าง Toyota, Ford หรือ Nissan สร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มนี้เอาไว้นานแล้ว ทั้งเรื่อง

  • ความทนทานที่พิสูจน์มาเป็นสิบปี
  • เครือข่ายบริการหลังการขายหนาแน่น
  • มูลค่าขายต่อ (Resale Value) ที่แข็งแรง
  • แพ็กเกจและดีลฟลีตที่คู่ค้าองค์กรคุ้นเคย

Piccoli ยังเสริมภาพรวมของตลาดกระบะในออสเตรเลียว่า

“ตลาดกระบะดับเบิ้ลแค็บทุกวันนี้แตกแขนงออกไปมาก ทั้งด้านขุมพลัง (ดีเซล / ไฮบริด / ไฟฟ้า) และจำนวนแบรนด์ที่ยึดรถกระบะเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ทำให้การแข่งขันยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ”

คู่แข่ง “ท็อปฟอร์ม” – Hilux, Ranger, Navara ยังเดินเกมรุกต่อเนื่อง

ยิ่งไปกว่านั้น ปีถัดไปยังถูกมองว่าเป็น ปีที่ท้าทายหนักขึ้น สำหรับ Tasman เพราะต้องเจอกับการเคลื่อนไหวรอบใหม่จากค่ายใหญ่ เช่น

  • Toyota Hilux รุ่นใหม่ – ไอคอนของตลาดกระบะออสเตรเลียที่มีฐานลูกค้าเหนียวแน่น
  • Nissan Navara รุ่นปรับโฉม – ขยับปรับเทคโนโลยีและภาพลักษณ์ให้ทันคู่แข่ง
  • Ford Ranger – ยังคงเดินหน้าอัปเดตและเสริมไลน์รุ่นต่อเนื่องในฐานะหนึ่งในกระบะขายดีของตลาด

เมื่อ “เจ้าถิ่น” ยังฟิตเต็มที่แบบนี้ Tasman จึงต้องพยายามมากกว่าปกติเพื่อดึงสายตาลูกค้าให้หันมามอง โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่เคยใช้ Kia มาก่อน

Advertisement Advertisement

Kia เดินเกมอย่างไร? ใช้ทั้งฟลีต ดีลองค์กร และโปรโมชั่นแรงเข้าช่วย

แม้ตัวเลขในช่วงแรกจะไม่เข้าเป้า แต่ Dennis Piccoli ยืนยันว่า Kia ยังไม่ยอมถอยจากเกมนี้ง่าย ๆ และมองว่า “จุดเปลี่ยน” ของ Tasman จะเริ่มชัดในช่วง ต้นปี 2026 เป็นต้นไป

เขาระบุว่า ปัจจุบัน Kia Australia กำลังนั่งอยู่บนคำสั่งซื้อฟลีตจากองค์กรขนาดใหญ่หลายราย ทั้ง เอกชนและหน่วยงานรัฐ ที่อยู่ระหว่างทดลองใช้รถเพื่อประเมินประสิทธิภาพ และฟีดแบ็กโดยรวมถือว่า “ออกมาค่อนข้างดี”

ดึงยอดด้วยโปรโมชั่น – ส่วนลดเงินดาวน์และดีลดีลเลอร์

เพื่อต่อยอดจากเสียงตอบรับดังกล่าว Kia จึงใช้กลยุทธ์ด้านราคาเข้าช่วย กระตุ้นให้ทั้งลูกค้าปลีกและฟลีตตัดสินใจง่ายขึ้น โดยมีมาตรการสำคัญ เช่น

  • ส่วนลดเงินดาวน์ (Deposit Contribution)
    • รุ่น S, SX, SX+ – สนับสนุนเงินดาวน์ 2,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
    • รุ่น X-Line และ X-Pro – สนับสนุนเงินดาวน์สูงสุด 4,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
  • ส่วนลดจากดีลเลอร์ – มีรายงานว่าโชว์รูมบางแห่งปล่อยส่วนลดมากกว่า 10% ของราคารถ เพื่อเร่งระบายสต็อกและดึงดูดลูกค้าใหม่

อย่างไรก็ตาม Piccoli ก็พูดตรง ๆ ว่า การจะดันตัวเลขให้ถึง 20,000 คัน/ปี อาจต้องใช้เวลามากกว่า 12 เดือนตามแผนเดิม และอยู่ที่ว่า Kia จะเลือก “ทุ่มสุดตัว” เพื่อไล่ตัวเลขให้แตะเป้าหรือไม่ “ทำได้ไหม? ทำได้แน่นอน แต่คำถามคือ เราพร้อมจะลงไปแข่งแบบสุดตัวด้วยวิธีที่จำเป็นหรือเปล่า… นั่นคือคำถามใหญ่”

เขายังเน้นว่า Tasman ไม่ใช่ “ศูนย์กลางทั้งหมด” ของแบรนด์ Kia

“เราไม่อยากเป็นบริษัทที่ขายแต่ Tasman หรือขายแต่ Carnival เราต้องการพอร์ตผลิตภัณฑ์ที่สมดุล และมีส่วนผสมของรุ่นต่าง ๆ ที่ทำให้ธุรกิจโดยรวมแข็งแรง”

ปรับไลน์รุ่นให้เหมาะสม ลดความซับซ้อน – เตรียมส่งรุ่นหัวเดี่ยวลงตลาด

ในมุมของการวางแผนผลิตภัณฑ์ Roland Rivero ผู้จัดการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ของ Kia Australia ยอมรับว่า โครงสร้างไลน์รุ่นของ Tasman มีความซับซ้อน และอาจต้อง “ปรับลดให้กระชับ” มากกว่าขยายเพิ่มรุ่นย่อยแบบกระจายตัว

เขาระบุว่าในช่วง เดือนมกราคม – มีนาคม Kia เตรียมปล่อย รุ่นที่เน้นฟลีตมากขึ้น โดยเฉพาะ

  • รุ่นหัวเดี่ยว (Single-Cab) – ตอบโจทย์งานบรรทุกเชิงพาณิชย์
  • รุ่นราคาย่อมเยา – เจาะลูกค้าธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ใช้ที่มองหารถใช้งานล้วน ๆ

แต่สิ่งที่ยังไม่ชัดเจนคือ รุ่นฟลีตเหล่านี้จะมี ส่วนลดหรือดีลพิเศษเพิ่มเติม หรือไม่ เนื่องจาก Kia ยังไม่ยืนยันในจุดนี้

แผนระยะยาวของ Kia Tasman ไฮบริด, ไมเนอร์เชนจ์ และรุ่นลุยสไตล์ Weekender

นอกจากการปรับราคาหรือโครงสร้างรุ่นย่อยแล้ว Rivero ยังเปิดเผยว่า Tasman ถูกวางแผนให้มีการอัปเกรดต่อเนื่องตลอดอายุโมเดล ไม่ว่าจะเป็นด้านขุมพลังหรือภาพลักษณ์ของตัวรถเอง

การอัปเกรดสำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่

  • ขุมพลังไฮบริด – เพื่อตอบโจทย์ทั้งด้านสมรรถนะและการประหยัดเชื้อเพลิง ในยุคที่ตลาดเริ่มขยับจากดีเซลล้วน
  • การไมเนอร์เชนจ์ / เฟซลิฟต์ – ปรับดีไซน์และเทคโนโลยีให้ทันคู่แข่ง รวมถึงยกระดับภาพลักษณ์ให้ดูพรีเมียมขึ้น
  • รุ่นลุยสไตล์ Weekender – ดึงแรงบันดาลใจจาก Weekender Concept มาใช้กับรุ่นจำหน่ายจริง เจาะกลุ่มสายแคมป์ สายออฟโรด และคนชอบกระบะไลฟ์สไตล์

หาก Kia สามารถทำให้ Tasman มีบุคลิกชัดเจน แตกต่างจากคู่แข่ง ทั้งในด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และออปชันที่ตอบโจทย์การใช้จริง ก็มีโอกาสที่เส้นทางในตลาดกระบะออสเตรเลียจะเริ่มโล่งขึ้น

สรุป Tasman ยังไม่ใช่ “ขาลง” แต่เป็น “บททดสอบ” ว่า Kia จะเล่นเกมกระบะได้จริงแค่ไหน

ตัวเลขยอดขายของ Kia Tasman ในวันนี้อาจทำให้หลายคนมองว่าเป็น “งานหิน” สำหรับ Kia ในการบุกตลาดกระบะขนาดกลางของออสเตรเลีย แต่ในอีกมุมหนึ่ง นี่คือ บททดสอบสำคัญ ว่าค่ายเกาหลีรายนี้จะใช้กลยุทธ์ใดในการแชร์ส่วนแบ่งจากเจ้าถิ่นที่ยืนระยะมาเป็นสิบปี

สิ่งที่เราพอจะเห็นภาพได้ชัดในตอนนี้คือ

  • Kia รู้จุดอ่อนของตัวเองแล้ว ว่า “รุ่นฟลีตและรุ่นล่าง” ยังไม่ตอบโจทย์ตลาดเท่าที่ควร
  • มีการขยับทั้งด้านโปรโมชั่น ราคา และดีลฟลีตอย่างจริงจัง
  • มีแผนชัดเจนเรื่องขุมพลังไฮบริด ไมเนอร์เชนจ์ และรุ่นลุย Weekender

ส่วนคำถามที่ว่าสุดท้ายแล้ว Tasman จะ ไปถึงยอดขาย 20,000 คัน/ปีได้จริงหรือไม่? คงต้องรอดูผลของดีลฟลีต โปรโมชั่น และการอัปเกรดรุ่นในอีก 1–2 ปีข้างหน้า แต่สิ่งที่แน่นอนคือ Kia ไม่ได้มอง Tasman เป็นทุกอย่างของบริษัท หากแต่มองเป็นหนึ่งในหมากสำคัญในเกมยานยนต์ระดับโลกที่ต้องเดินอย่างรอบคอบ

สำหรับคนรักกระบะและคนที่ติดตามข่าวรถยนต์ต่างประเทศ Kia Tasman จึงเป็นเคสที่น่าจับตามองว่า “กระบะน้องใหม่” จะสามารถแจ้งเกิดในดินแดนที่ยกกระบะเป็นรถแห่งชาติอย่างออสเตรเลียได้มากน้อยแค่ไหนในระยะยาว

 

รวมภาพคันจริง ในออสเตรเลียรุ่นเริ่มต้น KIA Tasman 2025 ราคา 909,000 บาท ดีเซลเทอร์โบ 2.2 ลิตร 209 แรงม้า

Carexpert

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้