สะเทือนทั้งวงการ! Ford เบรกเกม EV ยกเลิกออเดอร์แบต 2 แสนล้านบาท กระทบเกาหลีเต็ม ๆ LG

สะเทือนทั้งวงการ! Ford เบรกเกม EV ยกเลิกออเดอร์แบต 2 แสนล้านบาท กระทบเกาหลีเต็ม ๆ LG
Spread the love
Advertisement Advertisement

Ford ถอยเกม EV กระทบซัพพลายเชนแบตเตอรี่: ยกเลิกออเดอร์ LG มูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ และยุติ JV กับ SK On

สรุปใจความ: Ford ปรับลดความทะเยอทะยานด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และกลับไปโฟกัสรถกระบะเครื่องยนต์สันดาปมากขึ้น ส่งผลให้ยกเลิกคำสั่งซื้อแบตเตอรี่จาก LG Energy Solution (LGES) และยุติบริษัทร่วมทุนกับ SK On กระทบต่อการลงทุน การจ้างงาน และทิศทางอุตสาหกรรมแบตเตอรี่โดยรวม

อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในบทความ: 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 31.42 บาท

ภาพรวม การ “รีเซ็ต” กลยุทธ์ EV ของ Ford ส่งแรงสะเทือนไกลกว่าสหรัฐฯ

การพัฒนาแบตเตอรี่แรงดันสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องที่ “สั่งวันนี้-ส่งพรุ่งนี้” แต่เป็นงานระบบที่ต้องล็อกสเปก ออกแบบแพ็ก ทดสอบความทนทาน ซอฟต์แวร์ BMS ความปลอดภัย และกำลังการผลิตล่วงหน้าหลายปี ดังนั้นเมื่อผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ “เบรก” หรือ “เลื่อน” แผน EV กลางทาง ผลกระทบจะตกลงไปที่ซัพพลายเชนทันที โดยเฉพาะผู้ผลิตเซลล์แบตเตอรี่และโรงงานประกอบแพ็กที่ลงทุนรองรับปริมาณไว้แล้ว

กรณีของ Ford รอบนี้ สะท้อนชัดว่าความผันผวนของนโยบายภาครัฐและการคาดการณ์ดีมานด์ EV สามารถ “เปลี่ยนแผนลงทุน” ระดับหลายพันล้านดอลลาร์ได้ภายในเวลาไม่นาน และทำให้การตัดสินใจของคู่ค้าทั้งระบบต้องปรับตามแบบลูกโซ่

ประเด็นใหญ่ #1: Ford ยกเลิกออเดอร์แบตเตอรี่จาก LG มูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์

Ford ยกเลิกคำสั่งซื้อแบตเตอรี่ที่ทำไว้กับ LG Energy Solution (LGES) มูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเดิมวางแผนให้ LGES ส่งมอบแบตเตอรี่เพื่อรองรับการผลิต EV ในช่วงหลายปีข้างหน้า

แปลงมูลค่าเงินเป็นเงินบาทไทย (ตามเรต 31.42 บาท/ดอลลาร์)

รายการ มูลค่า (ดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่า (บาท)
มูลค่าคำสั่งซื้อแบตเตอรี่ที่ถูกยกเลิก 6.5 พันล้านดอลลาร์ 204,230,000,000 บาท (ประมาณ 204.23 พันล้านบาท)
คำนวณจาก 6,500,000,000 × 31.42 = 204,230,000,000 บาท

ทำไม “ยกเลิกออเดอร์แบต” ถึงเจ็บสำหรับอุตสาหกรรม

  • Lead time ยาว: ซัพพลายเออร์ต้องเตรียมไลน์ผลิตตามสเปกของรถรุ่นนั้น ๆ ตั้งแต่เซลล์ โมดูล ไปจนถึงแพ็กและระบบระบายความร้อน
  • ต้นทุนจม (Sunk Cost): การเตรียมกำลังการผลิตและวัตถุดิบอาจเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ความเสี่ยงถูกผลักไปที่ผู้ผลิตแบต
  • กระทบความเชื่อมั่น: เมื่อคำสั่งซื้อระดับ “หลายแสนคัน” หายไป ตลาดจะประเมินความเสี่ยงซัพพลายเชนสูงขึ้น และทำให้การลงทุนใหม่ระมัดระวังมากขึ้น

ประเด็นใหญ่ #2: ดีมานด์ EV “คุมยาก” เมื่อปัจจัยนโยบายและกำไรจริงเป็นตัวชี้ขาด

แก่นของเรื่องไม่ได้อยู่แค่ “คนซื้อ EV น้อยลงหรือมากขึ้น” แต่รวมถึงภาพกำไรต่อคันและโครงสร้างแรงจูงใจทางการเงินในตลาดด้วย โดยเฉพาะกลุ่มรถกระบะไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ต้นทุนแบตสูง น้ำหนักมาก และต้องการการจัดการความร้อน/กำลังชาร์จที่ซับซ้อน

Advertisement Advertisement

ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ Ford ปรับทิศ

  1. ความสามารถทำกำไร: รถบางกลุ่มยังทำกำไรยาก แม้ยอดขายดีในเชิง “เซ็กเมนต์”
  2. ความไม่แน่นอนของนโยบาย: การปรับ/ยกเลิกแรงจูงใจ หรือการผ่อนคลายข้อกำหนดด้านประหยัดพลังงาน ทำให้สมการต้นทุน-ราคาขายเปลี่ยน
  3. พฤติกรรมผู้บริโภค: ตลาดสหรัฐฯ ยัง “รักรถกระบะ” และการตัดสินใจซื้อจำนวนมากผูกกับราคาและโปรโมชันแบบทันที
  4. กลยุทธ์ใหม่: หันไปให้ความสำคัญกับ EV ที่ “เล็กลง-ถูกลง-เข้าถึงง่ายกว่า” ผ่านแพลตฟอร์มใหม่

ประเด็นใหญ่ #3: ยุติ JV แบตเตอรี่ 11.4 พันล้านดอลลาร์กับ SK On และผลกระทบการจ้างงาน

อีกด้านหนึ่ง Ford ยังยุติบริษัทร่วมทุนแบตเตอรี่ (JV) กับ SK On ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนระดับ 11.4 พันล้านดอลลาร์ และมีรายงานการเลิกจ้างพนักงานที่โรงงานในรัฐเคนทักกี

แปลงมูลค่า JV เป็นเงินบาทไทย (ตามเรต 31.42 บาท/ดอลลาร์)

รายการ มูลค่า (ดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่า (บาท)
มูลค่าบริษัทร่วมทุนแบตเตอรี่ Ford–SK On 11.4 พันล้านดอลลาร์ 358,188,000,000 บาท (ประมาณ 358.19 พันล้านบาท)
คำนวณจาก 11,400,000,000 × 31.42 = 358,188,000,000 บาท

หมากต่อไป: หันไปโฟกัส ESS (ระบบกักเก็บพลังงาน)

ทั้ง Ford และฝั่งคู่ค้า มีแนวโน้ม “หาจุดยืนใหม่” ด้วยการเบนเข็มไปสู่ตลาด ESS (Energy Storage Systems) ซึ่งเติบโตตามดีมานด์จากศูนย์ข้อมูล AI และโครงการพลังงานหมุนเวียน การเคลื่อนตัวเช่นนี้สะท้อนว่า “แบตเตอรี่” ไม่ได้ผูกกับ EV เพียงอย่างเดียว แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานพลังงานของโลกยุคใหม่

มุมมองเชิงอุตสาหกรรม: นี่คือสัญญาณอะไรต่อ “ผู้ผลิตแบต” และ “ค่ายรถ”

ต่อผู้ผลิตแบตเตอรี่

  • ต้องกระจายความเสี่ยงลูกค้า: ไม่พึ่งออเดอร์รายเดียวจนเกินไป
  • ยืดหยุ่นกับหลายตลาด: EV, ESS, อุตสาหกรรม, และโซลูชันพลังงาน
  • บริหารกำลังการผลิต: วางแผนไลน์ให้ “สลับใช้” ได้มากที่สุด ลดความเสี่ยงจากการยกเลิกสัญญา

ต่อผู้ผลิตรถยนต์

  • กลยุทธ์ EV ต้องผูกกับกำไรจริง: ไม่ใช่แค่ยอดจองหรือภาพลักษณ์
  • แพลตฟอร์มใหม่เป็นหัวใจ: ลดต้นทุนต่อคัน เพิ่มความเร็วในการพัฒนา และเพิ่มความสามารถแข่งขันด้านราคา
  • พอร์ตโฟลิโอต้องบาลานซ์: ICE/Hybrid/EV/EREV/Commercial เพื่อรับมือความไม่แน่นอนของตลาด

บทสรุป เกม EV ยังไม่จบ แต่ “กติกา” กำลังเปลี่ยน

ข่าว Ford ยกเลิกออเดอร์แบตและยุติ JV ไม่ได้แปลว่า EV ล้มเหลว แต่เป็นสัญญาณว่าอุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่เฟสที่ “เงินลงทุนต้องตอบโจทย์กำไร” และต้องรับมือความเสี่ยงนโยบาย/ดีมานด์ให้ได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้เล่นแบตเตอรี่เองก็ต้องพิสูจน์ความยืดหยุ่นด้วยการขยายไปสู่ ESS และตลาดพลังงานรูปแบบอื่น

สำหรับผู้ติดตามวงการยานยนต์ นี่คือเคสสำคัญที่ชี้ว่าอนาคตของ EV จะไม่ได้วัดกันที่ “ใครประกาศใหญ่กว่า” แต่จะวัดกันที่ “ใครทำต้นทุนได้จริง ขายได้จริง และปรับตัวได้ไวกว่า”

insideev

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้