
ในเดือนตุลาคม 2022 Ford Motor Company ประกาศว่า Fiesta ซับคอมแพคแฮทช์แบ็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นที่ยาวนานที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในยุโรป จะถูกยกเลิกในฤดูร้อนปี 2023 เป็นการอำลาก่อนเปิดทางผลิต Electric Explorer SUV ไฟฟ้าคันใหม่ในยุโรป
เวลาของ Ford Fiesta หมดแล้ว และ รถยนต์คันสุดท้ายที่จะผลิตออกจากโรงงานโคโลญจน์ในวันที่ 7 กรกฎาคม ตามรายงานจากAutocar
การสิ้นสุดของ Ford Fiesta เปิดทางการผลิต FORD Explorer SUV ไฟฟ้าที่ Cologne Electric Vehicle Center ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 มิถุนายน “เราตัดสินใจสร้างรถยนต์ไฟฟ้าปริมาณมากคันแรกของเราที่นี่ในโคโลญ” Martin Sander ผู้จัดการทั่วไปของ Ford Model e Europe กล่าวกับAutocarในเดือนธันวาคม 2022
“มาถึงจุดที่เราต้องการพื้นที่สำหรับการก่อสร้าง เพราะเรากำลังเปลี่ยนโรงงาน Fiesta ให้เป็นโรงงานไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ทั้งหมด นี่คือเหตุผลที่เราต้องตัดสินใจหยุดการผลิต Fiesta”
Cologne EV Center เป็นโรงงานปลอดคาร์บอนแห่งแรกของ Ford คาดว่าจะเริ่มผลิต Ford Explorer SUV ไฟฟ้าในปีนี้หลังจากลงทุนไป 2 พันล้านดอลลาร์
Ford เลื่อนการเปิดตัว Electric Explorer ในยุโรปออกไปอีก 6 เดือน ก่อนหน้านี้ทางฟอร์ดมีแผนการเปิดตัว Explorer SUV ในช่วงต้นปี 2024 ทำให้การเปิดตัวดังกล่าวเลื่อนไปถึงกลางปีหน้า เป็นต้นไป
เพื่อพิจารณากฎความปลอดภัยใหม่ทั่วโลกที่จะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจที่จะเลื่อนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าว หนังสือพิมพ์ระบุ รายงานดังกล่าวไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ “กฎความปลอดภัยสากล” ที่ฟอร์ดพูดถึง
สหภาพยุโรปจะบังคับใช้ระบบช่วยเหลือเพิ่มเติมบางอย่างสำหรับรถยนต์ใหม่ทุกคันที่เริ่มในปี 2024 สำหรับรถยนต์ที่เพิ่งผ่านการคัดสภาพใหม่จะมีผลใช้ตั้งแต่ 6 กรกฏาคม 2022 และต้นปี 2024 จะบังคับใช้
ก่อนหน้านี้ โคโลญจน์ เยอรมนี 21 มีนาคม 2023 Ford และ Volkswagen ร่วมกันเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โฉมใหม่ล่าสุดนามว่า Ford Explorer EV พัฒนาบนสถาปัตยกรรม Modular electric drive matrix (MEB) ของ VW โดยทำตลาดในยุโรป
Ford Explorer EV ใหม่ได้รับการออกแบบที่โด่ดเด่น ด้วยกระจังหน้าแบบปิด ภายนอกมีกลิ่นอายของ VW ID.4 ค่อนข้างมาก ไฟหน้าแบบ LED รูปตัว L โลโก้แบรนด์ Ford มีการเพิ่มขอบสีเงินรูปตัวยูที่ส่วนล่างของรถ กาบข้างสีดำ กรอบหน้าต่างสีดำ ความแตกต่างคือเสา C เพิ่มองค์ประกอบตกแต่งเฉพาะตัว ไฟท้ายรูปตัว C แบบ LED ล้ออัลลอยลายพิเศษขนาด 19 / 20 / 21 นิ้วตามเกรดรุ่น
ภายในห้องโดยสาร สัมผัสถึงเทคโนโลยีมากมาย หน้าจอสัมผัสแนวตั้งปรับมุมได้ 3 มุม ขนาด 14.6 นิ้ว SYNC Move รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย หน้าจอหน้าปัดดิจิตอลแบบลอยตัวขนาด 5 นิ้ว คอนโซลหน้าฝัง Sound Bar แบบแนบเนียน พวงมาลัย 3 ก้านท้ายตัดทรงสปอร์ต
ข้อมูลข่าวของ Ford มีรายละเอียดทางเทคนิคค่อนข้างน้อยอย่างน่าผิดหวัง และไม่ได้ระบุว่าระบบส่งกำลังและแบตเตอรี่ขนาดเท่าไหร่ แต่คาดเดาว่า จะหยิบมาจาก ID.4 เริ่มต้นที่แบตเตอรี่ 52kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 146 แรงม้า วิ่งได้ 359 กม./ชาร์จ WLTP ในรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลัง 262 แรงม้า ถึง 299 แรงม้า แบตเตอรี่ 77kWh สามารถวิ่งได้ 496 กม./ชาร์จ WLTP เป็นต้น
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ได้แก่ เป็นครั้งแรกในฟอร์ดในยุโรป ADAS ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วคงที่อัจฉริยะพร้อมฟังก์ชัน Stop & Go, ระบบช่วยก่อนการชน, ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถเข้าโค้งพร้อมระบบเบรกแบบแอ็คทีฟ, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ 2.0 และอื่นๆ
Assisted Lane Change สำหรับการเปลี่ยนเลนอย่างราบรื่นและปลอดภัยเพียงแค่กดก้านไฟเลี้ยว และ Clear Exit Assist ที่ช่วยเตือนเมื่อเข้าใกล้นักปั่นจักรยานก่อนที่จะเปิดประตูในที่ที่มีคนพลุกพล่าน ใจกลางเมือง
ครอสโอเวอร์ไฟฟ้ายังติดตั้งเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว กล้อง 5 ตัว เรดาร์ 3 ตัว ที่ร่วมกันตรวจสอบได้ 360 องศารอบตัวรถ เพื่อเปิดใช้งานระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่หลากหลาย