นี่คือเหตุผลลับ! ทำไมรถไฟฟ้า BEV ในชีวิตจริง ‘กินไฟ’ กว่าที่คิด เพราะอะไร ?

นี่คือเหตุผลลับ! ทำไมรถไฟฟ้า BEV ในชีวิตจริง ‘กินไฟ’ กว่าที่คิด เพราะอะไร ?
Spread the love
Advertisement Advertisement

ทำไมรถ EV ที่ระบุวิ่งได้ 500 กม. แต่ใช้งานจริงได้แค่ 350 กม.?

เปิดเบื้องหลังมาตรฐานทดสอบ, สภาพการใช้งานจริง และเทคโนโลยีอนาคต ที่จะทำให้ “โรคกลัวแบตหมด” หายไปอย่างถาวร

เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว โดยเฉพาะในโซนเหนือของประเทศจีนและยุโรป ผู้คนต่างเริ่มสวมเสื้อกันหนาวและใส่ชุดลุยอากาศ -5°C ถึง -20°C แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หนาวไม่แพ้อากาศ คือ “ระยะทางตกฮวบ” รถหลายรุ่นที่บนสเปกระบุวิ่งได้ 500 กม. แต่พอใช้งานจริงกลับทำได้เพียง 330–380 กม. เท่านั้น

คำถามคือ… นี่เป็นเพราะ อากาศหนาว, สภาพการใช้งาน, หรือว่า ผู้ผลิตเคลมเกินจริง?

“ระยะทางตามสเปก” มาจากไหน? — ทำความรู้จักมาตรฐาน CLTC

ก่อนจะบอกว่าตัวเลขไม่ตรง ต้องเข้าใจก่อนว่าผู้ผลิตทุกแบรนด์ ไม่ได้เลือกตัวเลขตามใจชอบ แต่ใช้มาตรฐานบังคับที่ชื่อว่า CLTC (China Light-duty Vehicle Test Cycle) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่จีนกำหนดในการทดสอบรถ EV ทั้งหมด

CLTC คืออะไร?

CLTC คือ “โหมดการทดสอบบนเครื่องวัดกำลังล้อในห้องแล็บ” ที่สร้างจากข้อมูลจริงกว่า

  • 41 เมือง
  • 5,000 คัน
  • 12 ล้านกิโลเมตรของการขับขี่จริง

เพื่อสะท้อนพฤติกรรมผู้ใช้รถในเมืองจีน เช่น รถติดหนัก, ขับช้า, ออกตัวบ่อย และความเร็วเฉลี่ยต่ำ

ทำไม CLTC ถึงให้ตัวเลขสวย?

เพราะทดสอบในเงื่อนไขสุดสมบูรณ์แบบ เช่น

  • อุณหภูมิ 20–30°C (เหมาะที่สุดสำหรับแบต)
  • ปิดแอร์/ฮีตเตอร์
  • ปิดเบาะอุ่น/เบาะระบายอากาศ
  • ไม่มีสัมภาระ
  • ไม่มีลมต้าน
  • วิ่งบนเครื่อง ไม่ใช่ถนนจริง
  • ความเร็วเฉลี่ยเพียง 28.5 km/h

สรุป CLTC คือ “ตัวเลขเปรียบเทียบภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน” แต่มันไม่ใช่ระยะทางที่จะเกิดขึ้นในโลกจริง 100%

สูตรคำนวณระยะทางที่รถ EV วิ่งได้จริง

จะเห็นว่า “ความจุแบต” ไม่ได้เปลี่ยน แต่ “อัตราสิ้นเปลือง” เปลี่ยนขึ้นง่ายมาก ทำให้ระยะทางวิ่งลดลงได้ทุกเมื่อ

5 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถวิ่งได้ไม่ถึง 500 กม.

ความเย็น = ศัตรูตัวฉกาจของแบตเตอรี่ลิเธียม

ในอุณหภูมิต่ำกว่า 10°C

  • การเคลื่อนที่ของลิเธียมไอออนช้าลง
  • ปฏิกิริยาเคมีลดลง
  • การจ่ายไฟทำได้น้อยกว่า → ทำให้ “รถกินไฟมากขึ้น”

โดยเฉพาะแบต LFP (ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต) ที่แพ้อากาศเย็นกว่าแบต NCM นอกจากนี้ เพื่อให้ห้องโดยสารอุ่น เราจะเปิด ฮีตเตอร์แบบ PTC ซึ่งใช้ไฟสูงถึง 2–4 kW ทำให้แบตลดเร็วมากในฤดูหนาว

Advertisement Advertisement

รถติด = เปลืองไฟกว่าที่คิด

ในสภาพรถติด

  • เร่งหนัก–เบรกบ่อย
  • แอร์/ฮีตเตอร์ทำงานตลอด
  • ความเร็วเฉลี่ยต่ำ → สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าการวิ่ง 60–80 km/h หลายเท่า

วิ่งเร็วเกิน 110–120 km/h = ระยะทางหายฮวบ

แรงต้านลมเพิ่มขึ้นตาม “กำลังสองของความเร็ว” จาก 80 → 120 km/h แรงต้านลมเพิ่มขึ้น เกือบ 2 เท่า → สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นแบบก้าวกระโดด วิ่งทางด่วนยาว ๆ อาจทำให้ระยะทางน้อยลงกว่าในเมืองถึง 80–120 กม.

อุปกรณ์กินไฟเต็มคันในรถ EV ยุคใหม่

อุปกรณ์ทุกชิ้นใช้ไฟจากแบต เช่น

  • จอ 12–15 นิ้ว
  • ระบบความบันเทิง
  • ตู้เย็น
  • เบาะนวด เบาะอุ่น
  • ระบบเซนเซอร์ 30–40 ตัว
  • คอมพิวเตอร์ ADAS

เมื่อรวมกันจึงกินไฟมากกว่าที่คิด

น้ำหนักบรรทุก + ลมยางอ่อน = ฮีโร่ทำระยะตก

  • ยางลมอ่อน → ต้านทานเพิ่ม
  • บรรทุกของหนัก → มอเตอร์ทำงานหนักขึ้น → ระยะทางลดลงทันที

“แล้วจะทำให้วิ่งไกลขึ้นเหมือนในสเปกได้ไหม?”

ทำได้! แม้ไม่เท่าตัวเลข CLTC แต่สามารถเพิ่มระยะจริงได้ 30–80 กม.

ขับแบบนุ่มนวล

  • ไม่เร่งแรง
  • ไม่เบรกแรง
  • รักษาความเร็วคงที่ → ลดการสูญเสียพลังงานได้มาก

ใช้ระบบ Regen ให้เป็น

  • ใช้โหมด Regen (ชาร์จพลังงานกลับ) ให้เหมาะกับตัวเอง จะช่วยประหยัดได้มหาศาล

ลดความเร็วบนทางด่วน

  • 70–100 km/h ประหยัดที่สุด

อุ่นแบตล่วงหน้า (Pre-conditioning)

เปิดผ่านแอปก่อนออกเดินทาง 10–20 นาที
→ ทำให้แบตอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม
→ ลด “การสูญเสียแบบเฉียบพลัน” ตอนแบตเย็นจัด

เทคโนโลยีอนาคตที่จะทำให้ “ระยะทางไม่พอ” กลายเป็นอดีต

แบตโซลิดสเตต (Solid-state)

เหตุผลที่ถูกเรียกว่าการปฏิวัติครั้งใหญ่

  • ความหนาแน่นพลังงานเพิ่มขึ้น ~70–120%
  • ระยะทางอาจวิ่งเกิน 1,000 กม.
  • ทนหนาวได้ดีกว่า
  • ปลอดภัยกว่า ไม่ติดไฟง่าย
  • เสื่อมช้ากว่า

ผู้ผลิตอย่าง Toyota, Nissan, CATL กำลังเตรียมผลิตเชิงพาณิชย์

ระบบชาร์จเร็ว 4C–5C บนแพลตฟอร์ม 800V

เทคโนโลยีนี้ทำให้

  • ชาร์จ 10 นาที → วิ่งได้ 300–400 กม.
  • ชาร์จ 20 นาที → 80–90%

เป็นเวลาที่ไม่ต่างจากการเข้าห้องน้ำ + ซื้อกาแฟเลย

ระบบจัดการพลังงาน AI (Energy Management AI)

รถรุ่นใหม่มีระบบที่วิเคราะห์

  • อุณหภูมิภายนอก
  • สุขภาพแบต
  • รูปแบบการขับ
  • การใช้ไฟของอุปกรณ์ต่าง ๆ

แล้วปรับการจ่ายพลังงานแบบอัตโนมัติ → ทำให้ระยะทางเสถียรขึ้น แม้อากาศจะ -20°C

สรุป ระยะทาง 500 กม. บนสเปก คือ “มาตรฐานกลาง” ไม่ใช่ตัวเลขโกหก

ผู้ผลิตไม่ได้หลอกลวง แต่ใช้มาตรฐาน CLTC ที่สร้างมาเพื่อให้

  • รถทุกยี่ห้อเทียบกันได้
  • ทดสอบในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้
  • วัดประสิทธิภาพครั้งแรกตอนรถใหม่

สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง คือ ปัจจัยแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้ เช่น อากาศหนาว รถติด วิ่งเร็ว และอุปกรณ์กินไฟ จึงทำให้ตัวเลขแตกต่างกัน 20–40% เป็นเรื่องปกติ

ข่าวดีคือ… ด้วยเทคโนโลยีแบตเจนใหม่ + ระบบชาร์จเร็ว + AI บริหารพลังงาน โรคกลัวแบตหมด (Range Anxiety) อาจหายไปภายใน 3–5 ปีข้างหน้า

Mydrive

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้