Ford ปิดตำนาน Escape ในสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ หลังทำตลาดยาว 25 ปี

Ford ปิดตำนาน Escape ในสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ หลังทำตลาดยาว 25 ปี
Spread the love
Advertisement Advertisement

 

Ford ปิดตำนาน Escape ในสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ หลังทำตลาดยาว 25 ปี ดีลเลอร์หวั่น สูญเสียลูกค้าระดับเริ่มต้นให้คู่แข่ง

:contentReference[oaicite:0]{index=0} ยืนยันอย่างเงียบ ๆ ว่าได้ยุติการผลิตและจำหน่าย Ford Escape ในตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยรถคันสุดท้ายได้ออกจากสายการผลิตที่โรงงาน :contentReference[oaicite:1]{index=1} เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ปิดฉากหนึ่งในรถ SUV คอมแพ็กต์ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดของแบรนด์ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี

Escape รถ SUV ที่สร้างฐานลูกค้าให้ Ford มาตั้งแต่ปี 2000

Ford Escape เปิดตัวครั้งแรกในปี 2000 และกลายเป็นหนึ่งในรถ SUV ขนาดเล็ก-กลางที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของ Ford ในสหรัฐฯ ด้วยจุดเด่นด้านขนาดตัวถังที่พอดีกับการใช้งาน ราคาที่เข้าถึงได้ และภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วไป

Escape ทำหน้าที่เป็น “รถด่านหน้า” ในโชว์รูม Ford มาโดยตลอด โดยเฉพาะลูกค้าซื้อรถคันแรก ครอบครัวเริ่มต้น และผู้ที่ต้องการ SUV ใช้งานง่าย ก่อนจะขยับไปสู่รุ่นที่ใหญ่ขึ้นอย่าง Explorer หรือ Edge ในอนาคต

ตัวเลขยอดขายสะท้อนความสำคัญ แม้จะอยู่ในช่วงขาลง

ในช่วงพีคของตลาดปี 2017 Ford Escape มียอดขายในสหรัฐฯ สูงกว่า 308,000 คัน ต่อปี ก่อนที่กระแสรถกระบะ, SUV สายลุย และ EV จะเริ่มเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค

  • ปี 2023: ประมาณ 141,000 คัน
  • ปี 2024: เกือบ 147,000 คัน
  • 11 เดือนแรก ปี 2025: 132,471 คัน

ตัวเลขดังกล่าวใกล้เคียงกับยอดขายของ ซึ่งทำได้ 132,216 คัน ในช่วงเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ดีลเลอร์จำนวนมากชี้ว่า Escape ต้องใช้กลยุทธ์ส่วนลดเพื่อกระตุ้นยอดขายมากกว่า ขณะที่ Bronco Sport มักขายได้ใกล้ราคา MSRP

Advertisement Advertisement

Ford เลือกเดินเกมใหม่ ทิ้งช่องว่างรถ SUV ราคาจับต้องได้

การยุติการผลิต Escape เกิดขึ้นพร้อมกับ :contentReference[oaicite:3]{index=3} เพื่อเปิดทางให้ Ford ลงทุนปรับปรุงโรงงาน Louisville ด้วยงบประมาณกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

โรงงานแห่งนี้กำลังถูกเตรียมเพื่อผลิตรถกระบะไฟฟ้าขนาดกลางรุ่นใหม่ บนแพลตฟอร์ม Ford Universal EV Platform โดยตั้งเป้าเริ่มสายการผลิตในปี 2027 ขณะที่ Corsair มีแนวโน้มจะยังทำตลาดต่อในบางประเทศในรูปแบบการผลิตจากจีน

เสียงสะท้อนจากดีลเลอร์ “Escape คือรถทำมาหากิน”

Doug North ประธานบริษัท North Bros. ในดีทรอยต์ ให้สัมภาษณ์ว่า Escape คือรถที่สร้างยอดขายหลักให้โชว์รูม

“มันคือรถทำมาหากิน เป็นรถขายดี และอยู่ในกลุ่มราคาที่เข้าถึงได้ เราจำเป็นต้องมีรถแบบนี้เพื่อดึงลูกค้าใหม่เข้าสู่แบรนด์”

เขายอมรับว่าเข้าใจเหตุผลเชิงกลยุทธ์ของ Ford แต่ก็เห็นว่าการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้การรักษาลูกค้าในระยะยาวยากขึ้น

ความเสี่ยงจากการละทิ้งลูกค้าระดับเริ่มต้น

Nick Anderson ผู้จัดการทั่วไปของ Chuck Anderson Ford ระบุว่า ประเด็น “ความสามารถในการเข้าถึง” คือหัวข้อหลักที่ดีลเลอร์พยายามผลักดันกับ Ford มาโดยตลอด

“การยกเลิก Escape คือการเดินผิดทิศ มันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะรถกลุ่มนี้คือประตูบานแรกของลูกค้า”

ขณะที่ Nathan Meckley จาก Downtown Ford of Sacramento กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า หากเสียลูกค้าระดับเริ่มต้นไป ก็เท่ากับเสียลูกค้าทั้งเจเนอเรชัน

มุมมอง Ford เดิมพันอนาคตด้วยรุ่นใหม่ภายในปี 2030

แม้เสียงสะท้อนจากดีลเลอร์จะชัดเจน แต่ Ford ยังคงมั่นใจในทิศทางของตน โดยเชื่อว่า Bronco Sport และ จะสามารถรับบทบาทแทนได้ นอกจากนี้ Ford ยังยืนยันว่ากำลังพัฒนารถ “ราคาจับต้องได้” อย่างน้อย 5 รุ่นใหม่ ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ดีลเลอร์จำเป็นต้องรับมือกับช่องว่างของตลาดที่ Escape ทิ้งเอาไว้

บทสรุป การปิดตำนาน Escape ไม่ใช่แค่การหยุดผลิตรถหนึ่งรุ่น

การยุติ Ford Escape ไม่ได้เป็นเพียงการปิดสายการผลิตรถรุ่นเก่า แต่สะท้อนการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ของ Ford ที่เลือกโฟกัสรถกำไรสูง รถภาพลักษณ์ชัด และ EV มากขึ้น

คำถามสำคัญคือ ในช่วงเวลาที่ราคารถใหม่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง Ford จะสามารถรักษาฐานลูกค้าระดับเริ่มต้นไว้ได้หรือไม่ หรือช่องว่างนี้จะกลายเป็นโอกาสของคู่แข่งอย่าง Toyota, Honda และ Hyundai ในตลาดสหรัฐฯ

 Carscoop

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้