เปิดขายจีน 1.45 ล้านบาท Li Auto i8 MPV 6 ที่นั่งใหม่ 720 กม./ชาร์จ CLTC ชาร์จ 10 นาทีวิ่งได้ 500 กม.

Li Auto (理想汽车) ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ชื่อดังจากจีน เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุด “Li i8” ในเดือนกรกฎาคม 2025 โดยวางตำแหน่งเป็น SUV ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายที่เน้นความพรีเมียม เทคโนโลยีล้ำ และความปลอดภัยระดับสูง ภายใต้รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวแต่ยังตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่

Li Auto i8 ปี 2025 ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศจีน มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย

*คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน ≈ 4.5 บาท

จุดเด่น!

• วิ่งได้ไกลสุด 720 กม. ต่อชาร์จ (CLTC)
• ชาร์จเพียง 10 นาที ได้ระยะทางถึง 500 กม.
• ใช้แพลตฟอร์ม 800V SiC รองรับชาร์จเร็วพิเศษ
• มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
• กำลังรวม 543 แรงม้า
• เร่ง 0–100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที
• ไฟหน้า LED ทรงเรียบหรู
• ตัวถังทรงล้ำ ขนาดใหญ่แต่แฝงความโฉบเฉี่ยว
• ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ + ตัวเลือกสีภายนอกพรีเมียม
• จัดวางเบาะแบบ 2+2+2
• เบาะแถว 2 ปรับไฟฟ้า 14 ทิศทาง + นวด 8 จุด
• ฟังก์ชัน Zero Gravity Seat เพื่อความผ่อนคลายสูงสุด
• ระบบ AD Max ใช้ชิป Nvidia Orin‑X / Thor-U
• รองรับขับขี่อัตโนมัติทั้งในเมืองและทางด่วน (NOA)
• ผสาน LiDAR + กล้อง + แผนที่ความละเอียดสูง
• โครงสร้างรับแรงชนแบบ Ultra-High Strength
• ผ่านการชนทดสอบกับรถบรรทุก 8 ตันแบบสุดโหด
• ระบบช่วยเบรก, เตือนชน, เลี่ยงรถตัดหน้า ฯลฯ ครบครัน

ระบบขับเคลื่อนและสมรรถนะ

• มอเตอร์คู่ไฟฟ้า:

  • หน้า: มอเตอร์เหนี่ยวนำ 203 แรงม้า PS

  • หลัง: มอเตอร์แม่เหล็กถาวร 339 แรงม้า PS

  • รวมกำลังสูงสุด: 400 kW หรือประมาณ 543 แรงม้า PS

• อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม.: ประมาณ 4.5 วินาที

• ความเร็วสูงสุด: จำกัดที่ 180 กม./ชม.

แบตเตอรี่และระยะทางขับขี่

• แพลตฟอร์ม 800V SiC รองรับการชาร์จเร็วระดับสูง

• รุ่นแบตเตอรี่:

  • ขนาด 90.1 kWh → วิ่งได้ประมาณ 670 กม. (มาตรฐาน CLTC)

  • ขนาด 97.8 kWh → วิ่งได้ประมาณ 720 กม.

• รองรับชาร์จเร็ว 5C:

  • ชาร์จเพียง 10 นาที วิ่งได้ไกลถึง 500 กม. (เมื่อใช้หัวชาร์จแรงสูง)

มิติตัวถังและห้องโดยสาร

• ขนาดตัวรถ:

  • ยาว: 5,285 มม.

  • กว้าง: 1,960 มม.

  • สูง: 1,740 มม.

  • ระยะฐานล้อ: 3,050 มม.

• ที่นั่ง: 6 ที่นั่ง (2+2+2)

• เบาะแถวสอง: เบาะแยกซ้าย-ขวา ปรับไฟฟ้า 14 ทิศทาง + นวดไฟฟ้า 8 จุด + ฟังก์ชัน Zero Gravity

• พื้นที่เก็บของท้าย: ความลึกประมาณ 565 มม. (เมื่อกางเบาะ 3 แถว)

การออกแบบภายนอก

• กระจังหน้าทึบ ดีไซน์เรียบสะอาดตา
• ไฟหน้าแบบ LED พร้อม Daytime Running Light แบบเส้นคาดยาว
• กันชนหน้าทรงหนา บ่งบอกความแข็งแรงและความสปอร์ต
• โลโก้ LI เรืองแสงกลางกระจังหน้า
• ซุ้มล้อใหญ่ ล้ออัลลอยขนาด 20–22 นิ้ว
• มือจับประตูแบบเรียบฝังในตัวรถ (Pop-up Handle)
• เส้นหลังคาลาดลงท้ายเล็กน้อย สไตล์ Crossover-Coupe
• ไฟท้าย LED คาดยาวเชื่อมทั้งสองฝั่ง ลวดลายแบบพิกเซล เสริมความล้ำสมัย
• กันชนท้ายแบบปิดเรียบ ไม่มีปลายท่อไอเสียตามสไตล์ EV

การออกแบบภายในห้องโดยสาร

• ห้องโดยสาร 6 ที่นั่งแบบ 2+2+2

  • แถวที่ 1 และ 2 เป็นเบาะเดี่ยวแบบ Captain Seat แยกอิสระ

  • แถวที่ 3 รองรับผู้โดยสารเต็มตัว พร้อมพื้นที่วางขาสบาย

• เบาะแถวที่ 2 หรูหราในระดับ First Class

  • ปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทาง พร้อมระบบนวดไฟฟ้า 8 จุด

  • ฟังก์ชัน Zero Gravity Seat ช่วยลดแรงกดทับ ลดความเมื่อยล้า

  • ที่วางแขนกลาง เบาะหุ้มหนังพรีเมียม เย็นสบายทุกสภาพอากาศ

• วัสดุและบรรยากาศภายในระดับหรูหรา

  • ใช้วัสดุตกแต่งภายในแบบ Soft-touch รอบคัน

  • พื้นที่เงียบเป็นพิเศษด้วยฉนวนกันเสียงหลายชั้น

  • แสง Ambient Light ปรับได้หลายเฉดสี สร้างบรรยากาศเหมือนเลานจ์ส่วนตัว

• พื้นที่เก็บสัมภาระยืดหยุ่น

  • แถวที่ 3 พับเก็บได้แบบแยกอิสระ ช่วยเพิ่มพื้นที่ท้ายรถ

  • รองรับการเดินทางไกลของทั้งครอบครัว พร้อมกระเป๋าใบใหญ่

เทคโนโลยีภายในและระบบอัจฉริยะ

• หน้าจอแสดงผล 3 ตำแหน่งแบบไร้ปุ่ม

  • หน้าจอหลักแนวนอนขนาดใหญ่สำหรับผู้ขับและผู้โดยสารหน้า

  • หน้าจอผู้ขับแบบ Full LCD พร้อม Head-Up Display (HUD)

  • หน้าจอด้านหลัง (บางรุ่น) สำหรับความบันเทิงผู้โดยสารแถวหลัง

• ระบบผู้ช่วยเสียง AI “Li Xiang Tong Xue”

  • พัฒนาด้วย AI ภาษาแบบ GPT รุ่นพิเศษ

  • รองรับคำสั่งเสียงธรรมชาติ เช่น สั่งเปิดแอร์ นำทาง โทรศัพท์ หรือสนทนา

  • เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้งาน และตอบโต้ได้เสมือนมนุษย์

• ระบบปฏิบัติการ Li OS รุ่นใหม่ล่าสุด

  • อินเทอร์เฟซลื่นไหล เชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ภายในบ้าน

  • รองรับการอัปเดต OTA เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในอนาคต

  • ควบคุมฟังก์ชันทั้งคันผ่านจอเดียวได้ครบ

• ระบบเสียงรอบทิศคุณภาพสูง

  • ลำโพงเกรดพรีเมียมหลายตำแหน่ง พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน

  • สร้างประสบการณ์เสียงแบบโรงภาพยนตร์ในรถ

• ระบบปรับอากาศอัจฉริยะแบบแยกโซน

  • แยกควบคุมได้ 3 โซน พร้อมกรอง PM2.5 และฆ่าเชื้อในอากาศ

  • มีระบบปรับอากาศก่อนขึ้นรถผ่านแอปพลิเคชัน

• ชาร์จไฟและเชื่อมต่อครบทุกที่นั่ง

  • มีช่อง USB-C, Wireless Charger, และปลั๊ก 220V

  • ทุกแถวสามารถชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกัน

ระบบอัจฉริยะและขับขี่อัตโนมัติ

• ระบบช่วยขับ (ADAS)

  • กล้อง + LiDAR + แผนที่ความละเอียดสูง

  • รุ่น Max / Ultra ใช้ชิป Nvidia Orin-X (2 ตัว) หรือ Thor-U กำลังประมวลผล 508–700 TOPS

  • รองรับขับขี่อัตโนมัติระดับ NOA ทั้งทางด่วนและในเมือง

• ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ (AI Voice):

  • “Li Xiang Tong Xue” (理想同学) ใช้ LLM แบบ MindGPT พัฒนาโดย Li Auto

เทคโนโลยีความปลอดภัย

โครงสร้างตัวถังแข็งแรงระดับ Ultra-High Strength

ตัวถังของ Li i8 ใช้เหล็กแรงดึงสูงพิเศษ (Ultra High Strength Steel) โครงสร้างถูกออกแบบให้ดูดซับแรงกระแทกจากทุกทิศทาง
ผ่านการทดสอบชนกับรถบรรทุกหนัก 8 ตันแบบชนซ้ำทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของห้องโดยสารได้อย่างชัดเจน

ระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง (ADAS)

ระบบ ADAS ของรุ่น Max และ Ultra ทำงานร่วมกันระหว่าง LiDAR กล้อง เรดาร์ และเซนเซอร์รอบคัน
มีระบบความปลอดภัยสำคัญดังนี้

• ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)

• ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW)

• ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน (LKA)

• ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)

• ระบบช่วยขับในรถติด (TJA)

• ระบบขับขี่อัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ (NOA) ทั้งทางด่วนและในเมือง

กล้องและระบบเตือนรอบคัน

• Li i8 ติดตั้งกล้องรอบคันแบบ 360 องศา พร้อมมุมมองภาพเสมือน 3 มิติ
• มีระบบเตือนจุดอับสายตา เตือนรถตัดผ่านขณะถอยหลัง และเตือนเมื่อมีรถใกล้ขณะเปิดประตู (Door Open Warning)

ระบบควบคุมเสถียรภาพ

เพื่อให้รถทรงตัวและปลอดภัยในทุกสภาพถนน Li i8 มีระบบ

• ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC)

• ป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS)

• ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)

• ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)

• ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS)

ถุงลมนิรภัยและระบบป้องกันผู้โดยสาร

• Li i8 มีถุงลมนิรภัยรอบคัน ครอบคลุมคู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย และถุงลมเข่าสำหรับผู้ขับ
• พร้อมระบบเตือนเข็มขัดนิรภัยครบทุกที่นั่ง และจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX ทั่วห้องโดยสาร

ระบบช่วยเหลือฉุกเฉินหลังเกิดเหตุ

• ติดตั้งระบบโทรขอความช่วยเหลืออัตโนมัติ (eCall / SOS) ซึ่งสามารถส่งพิกัดตำแหน่งไปยังศูนย์ช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุรุนแรง
• ภายในรถมีปุ่มฉุกเฉินเพื่อโทรออกได้ทันทีในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน

การเปิดตัวและเริ่มส่งมอบ

• เปิดตัวอย่างเป็นทางการ: 29 กรกฎาคม 2025

  

• เริ่มส่งมอบ: ตั้งแต่ 20 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป

สรุปเปรียบเทียบแต่ละรุ่นย่อย