Mercedes-Benz Group เผยกำไรครึ่งปีแรกหด 56% เหลือ 100,500 ล้านบาท ขายรถได้ 1.07 ล้านคัน

รายการ	มูลค่า (ยูโร)	มูลค่า (บาท)	เปลี่ยนแปลงเทียบ H1 2024
รายได้รวม (Revenue)	€66.38 พันล้าน	≈ 2.48 ล้านล้านบาท	▼ -8.6%
EBIT (กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี)	€3.56 พันล้าน	≈ 133,100 ล้านบาท	▼ -54.9%
EBIT (ปรับปรุงแล้ว)	€4.53 พันล้าน	≈ 169,250 ล้านบาท	▼ -40.7%
กำไรสุทธิ (Net Profit)	€2.69 พันล้าน	≈ 100,500 ล้านบาท	▼ -55.8%
EPS (กำไรต่อหุ้น)	€2.69	≈ 100.5 บาท/หุ้น	▼ -53.7%
Free Cash Flow (ธุรกิจอุตสาหกรรม)	€4.22 พันล้าน	≈ 157,600 ล้านบาท	▲ +9.3%
Net Liquidity (สภาพคล่องสุทธิ ณ Q2)	€30.8 พันล้าน	≈ 1.15 ล้านล้านบาท	▲ จาก €27.4B ใน Q2/2024

Stuttgart, Germany – 30 กรกฎาคม 2025 Mercedes-Benz Group AG เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2025 โดยรายได้รวมลดลงเกือบ 9% ขณะที่ กำไรสุทธิ (Net Profit) หดตัวลงกว่า 56% เหลือเพียง 2.69 พันล้านยูโร สาเหตุหลักมาจากต้นทุนภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากสงครามการค้า และการชะลอตัวของตลาดรถยนต์พรีเมียมในจีน

อย่างไรก็ตาม กลุ่ม Mercedes-Benz ยังคงแสดงให้เห็นถึง ความแข็งแกร่งทางการเงิน ด้วย กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่ม “สภาพคล่องสุทธิ” (Net Liquidity) แตะระดับสูงกว่า 30 พันล้านยูโร สะท้อนถึงศักยภาพการบริหารต้นทุน และกลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่นในภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

---

กำไรหายเกินครึ่ง แต่กระแสเงินสดยังสดใส

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 Mercedes-Benz Group มีรายได้รวม 66.4 พันล้านยูโร (ราว 2.48 ล้านล้านบาท) ลดลงจาก 72.6 พันล้านยูโรในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ EBIT (กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี) ร่วงจาก 7.9 พันล้านยูโร เหลือเพียง 3.56 พันล้านยูโร หรือลดลงกว่า 54.9%

เมื่อหักปรับรายการพิเศษ เช่น ค่าใช้จ่ายจากการขายโรงงานในอาร์เจนตินา และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร กลุ่มจึงมีกำไร EBIT ปรับปรุงแล้วที่ 4.53 พันล้านยูโร (-40.7%)

กำไรสุทธิ (Net Profit) ลดลงจาก 6.1 พันล้านยูโรใน H1 ปี 2024 เหลือเพียง 2.69 พันล้านยูโร หรือประมาณ 100,500 ล้านบาท ขณะที่ กำไรต่อหุ้น (EPS) ลดลงเหลือ 2.69 ยูโรต่อหุ้น

ในทางตรงกันข้าม กระแสเงินสดอิสระจากกิจกรรมอุตสาหกรรม (Free Cash Flow – Industrial Business) กลับเพิ่มขึ้น 9.3% แตะระดับ 4.22 พันล้านยูโร (≈ 157,600 ล้านบาท) โดยเน้นไปที่การบริหารต้นทุนอย่างเข้มข้น และการชะลอการใช้จ่ายในบางภาคส่วนชั่วคราว

---

ภาษี + ตลาดจีน ฉุดกำไรกลุ่มรถหรู

ธุรกิจ Mercedes-Benz Cars และ Mercedes-Benz Vans ซึ่งเป็นรายได้หลักของกลุ่ม ได้รับผลกระทบหนักจากภาษีศุลกากรใหม่ที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงการแข่งราคาที่รุนแรงในตลาดจีน ทำให้กำไรจากการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

• EBIT ปรับปรุงของ Mercedes-Benz Cars อยู่ที่ 3.0 พันล้านยูโร (▼ -41.1%)

• EBIT ปรับปรุงของ Mercedes-Benz Vans อยู่ที่ 916 ล้านยูโร (▼ -43.9%)

• กลุ่ม Mobility เป็นหน่วยเดียวที่มีกำไรเพิ่มขึ้น โดย EBIT ปรับปรุงโต 4.9%

---

เดินหน้าลงทุน – ปรับกลยุทธ์รับสงครามการค้า

แม้ผลประกอบการจะอ่อนตัวลง Mercedes-Benz ยังประกาศเดินหน้าลงทุนด้านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ เช่น CLA รุ่นใหม่, Maybach SL Monogram Series, และรถคอนเซ็ปต์ AMG GT XX ที่โชว์เทคโนโลยีขับเคลื่อนยุคหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าโครงการ “Next Level Performance” เพื่อยกระดับประสิทธิภาพเชิงโครงสร้างทั้งองค์กร และเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก รองรับสภาวะภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

mercedes