Mazda ทุ่มลงทุน 5,000 ล้านบาท ตั้งไทยเป็นฐานผลิต MHEV ส่งออกทั่วโลก เริ่มเดินสายการผลิตปี 2570

Mazda ทุ่มลงทุน 5,000 ล้านบาท ตั้งไทยเป็นฐานผลิต MHEV ส่งออกทั่วโลก เริ่มเดินสายการผลิตปี 2570
Spread the love
Advertisement Advertisement

Mazda ทุ่มลงทุน 5,000 ล้านบาท ตั้งไทยเป็นฐานผลิต MHEV ส่งออกทั่วโลก เริ่มเดินสายการผลิตปี 2570

Mazda Motor Corporation ประกาศเดินหน้าแผนลงทุนใหม่ในประเทศไทย มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาไลน์ผลิตรถยนต์กลุ่ม Mild Hybrid Electric Vehicle (MHEV) หรือไฮบริดกำลังเสริม พร้อมตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานผลิตสำคัญสำหรับตลาดญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอาเซียน สอดรับมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีสะอาดของรัฐบาลไทย

ไทยกลับมาเป็น “ฐานแม่” ของ Mazda ในเอเชีย

การตัดสินใจลงทุนครั้งนี้สะท้อนว่า Mazda ให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เชิงกลยุทธ์ของภูมิภาค โดยไลน์ผลิตใหม่จะรองรับการผลิตรถยนต์กลุ่ม B-SUV พ่วงระบบ Mild Hybrid กำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี ซึ่งมากพอที่จะตอบสนองทั้งตลาดในประเทศและการส่งออกระยะยาว

Mazda ยังยืนยันว่าไลน์ผลิตนี้จะใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ (Local Content) ในสัดส่วนสูงกว่า 70% ตามเป้าหมายที่ภาครัฐตั้งไว้ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งของซัพพลายเชนไทยทั้งด้านเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำคัญ

เริ่มลงทุนปี 2569 – เปิดสายการผลิตจริงกลางปี 2570

จากข้อมูลที่ยื่นต่อบีโอไอ Mazda จะเริ่มลงทุนตั้งแต่ต้นปี 2569 โดยใช้เวลาปรับโครงสร้างโรงงานและเตรียมกำลังการผลิตประมาณ 18 เดือน ก่อนจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงกลางปี 2570 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโครงการอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของ Mazda นอกประเทศญี่ปุ่น

เหตุผลสำคัญที่ Mazda เลือกไทยผลิต Mild Hybrid

หนึ่งในแรงผลักดันหลักคือ มาตรการส่งเสริม MHEV ของบอร์ดอีวี ที่เพิ่งประกาศใช้ ซึ่งกำหนดว่าโครงการไฮบริดแบบ MHEV จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและการลงทุนหากปฏิบัติตามเงื่อนไข เช่น

  • ภาษีสรรพสามิตพิเศษคงที่ 10–12% นาน 7 ปี (2569–2575)
  • บังคับใช้แบตเตอรี่ผลิตในไทย หรือมีหน่วยประกอบหลัก (Cell/Module/Pack) อยู่ภายในประเทศ
  • ต้องมีระบบ ADAS อย่างน้อย 4 รายการจาก 6 อุปกรณ์สำคัญ เช่น AEB, LKA, ACC
  • ต้องพัฒนาอุตสาหกรรมต้นน้ำ เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า (Traction Motor) และระบบควบคุมพลังงาน

มาตรการนี้ทำให้ Mazda สามารถคาดการณ์ต้นทุนการผลิตระยะยาวได้ชัดเจน และทำให้ไทยสามารถแข่งขันกับศูนย์ผลิตในญี่ปุ่นหรืออินโดนีเซียได้อย่างสูสี

Advertisement Advertisement

MHEV คืออะไร? ทำไมค่ายญี่ปุ่นแห่กลับมาลงทุน

MHEV หรือ Mild Hybrid เป็นระบบไฮบริดแบบไม่ซับซ้อน ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กช่วยเครื่องยนต์ ลดภาระการเร่งต้น เพิ่มความประหยัด และลดมลพิษลงอย่างมีนัยสำคัญ เหมาะกับตลาดที่ต้องการสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ

ค่ายญี่ปุ่นหลายแบรนด์เริ่มกลับมาเน้น MHEV เพราะต้นทุนต่ำกว่า HEV/PHEV แต่ยังผ่านมาตรฐานไอเสียรุ่นใหม่ และช่วยผลักดันรถรุ่นย่อยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ากว้างที่สุด โดยไม่กระทบเครือข่ายซ่อมบำรุงมากนัก

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

การลงทุนของ Mazda ครั้งนี้มีความหมายสำคัญต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไทยอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV และ HEV

  • ดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่กว่า 5,000 ล้านบาท เข้าสู่โครงสร้างยานยนต์ไฟฟ้าบางส่วน
  • ผลักดันไทยสู่ฐานผลิตรถ MHEV รายใหญ่ของเอเชีย
  • สร้างงานซัพพลายเชนใหม่ เช่น แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์
  • เสริมความมั่นคงให้โรงงาน Mazda ในไทยช่วง 10 ปีข้างหน้า

รถรุ่นใหม่ของ Mazda ที่คาดว่าจะผลิตในไทย

แม้ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการ แต่มีแนวโน้มสูงว่า Mazda เตรียมใช้ไทยผลิตรถกลุ่ม B-SUV Mild Hybrid เจเนอเรชันใหม่ รองรับทั้งตลาดเอเชียและโอเชียเนีย โดยอาจเป็นโมเดลสืบทอดจาก CX-30 หรือพัฒนาขึ้นใหม่แบบเฉพาะตลาด

สรุป

Mazda เดินเกมยานยนต์พลังงานทางเลือกอย่างรอบคอบ โดยเลือกไทยเป็นฐานผลิตสำคัญในกลุ่ม Mild Hybrid ที่ยังมีดีมานด์สูงทั่วโลก การลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทครั้งนี้ช่วยตอกย้ำศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และตอบโจทย์มาตรการสนับสนุน EV รุ่นใหม่ของรัฐบาลที่กำลังผลักดันให้ไทยกลับมาเป็นผู้นำอาเซียนในสายการผลิตรถยนต์อีกครั้ง

MAZDA CX-20 Mild HYBRID SUV ขนาดเล็ก เตรียมขายไทย เน้นตลาดอาเซียน * ภาพจินตนาการ

MAZDA CX-20 Mild HYBRID SUV ขนาดเล็ก เตรียมขายไทย เน้นตลาดอาเซียน * ภาพจินตนาการ

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้