MAZDA ยอดขายโตกว่า 37,660 คันในสหรัฐฯ (+21%) CX-70 เพิ่มกว่า 13,928% เมษายน 2025

สรุปข่าวยอดขาย Mazda สหรัฐฯ เม.ย.
- ยอดขายรวมเดือนเมษายน: 37,660 คัน (+21% เทียบกับปีที่แล้ว)
-
รุ่นขายดีสุด:
- CX-5: 12,590 คัน
- CX-50: 7,753 คัน (+48.4%)
- CX-90: 5,402 คัน (+46.2%) – ทำสถิติเดือนเมษายนดีที่สุด
- ยอดขายสะสมปี (YTD): 147,976 คัน (+12.8%)
- CX-30: รุ่นเดียวที่ยอดขายลดลง (-24.5%)
- รถใช้แล้วแบบ Certified Pre-Owned: 6,855 คัน (+9%)
หมายเหตุสำคัญ:
- Mazda นำเข้ารถ 81% ของยอดขายในสหรัฐฯ
- เสี่ยงกระทบหนักจากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์
- เป็นผู้ผลิตที่มีความเสี่ยงสูงอันดับ 3 รองจาก Jaguar Land Rover และ Volvo
ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น ผู้บริโภคจึงแห่กันซื้อสินค้าราคาสูงล่วงหน้า โดยหนึ่งในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกระแสนี้คือผู้ผลิตรถยนต์ และ Mazda ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยยอดขายเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รวมขายได้ 37,660 คัน โดยรุ่น CX-5 ซึ่งถือว่าเก่าแล้ว กลับยังคงขายดีสุด ขายได้ถึง 12,590 คัน
รุ่น CX-50 ก็ไปได้สวย ยอดขายพุ่งขึ้น 48.4% คิดเป็นจำนวน 7,753 คัน ส่วน CX-90 มียอดขายเพิ่มขึ้น 46.2% ขายได้ 5,402 คัน นับว่าเป็นเดือนเมษายนที่ดีที่สุดของรุ่นนี้ ส่วน CX-30 และ CX-50 ก็มีผลงานเป็นเดือนเมษายนที่ดีอันดับสอง
ด้วยแรงซื้อที่พุ่งสูง ยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้น 12.8% รวมอยู่ที่ 147,976 คัน โดยเกือบทุกรุ่นมียอดขายเพิ่มขึ้น ยกเว้น CX-30 ที่ลดลง 24.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นอกจากรถใหม่ Mazda ยังมีความต้องการในตลาดรถใช้แล้วที่ผ่านการรับรอง (Certified Pre-Owned) สูงขึ้นเช่นกัน โดยเดือนเมษายนมียอดขายเพิ่มขึ้น 9% อยู่ที่ 6,855 คัน
โดยรวมแล้ว Mazda ทำยอดขายเดือนเมษายนได้เป็นอันดับสองที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทในสหรัฐฯ นับว่าเป็นข่าวดี แต่อนาคตอาจเจอแรงกระแทก เพราะ Mazda พึ่งพาการนำเข้าสูงถึง 81% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งจัดว่าเป็นแบรนด์ที่มีความเสี่ยงต่อภาษีอันดับสาม รองจาก Jaguar Land Rover และ Volvo หากมีการขึ้นภาษีจริง อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรง แม้ว่าสถานการณ์จะยังไม่แน่นอนในตอนนี้
Mazda April U.S. Sales