
วันที่ 17 เมษายน 2023 MG Cyberster สปอร์ตไฟฟ้าเปิดประทุน เผยภาพใหม่ครั้งแรก พร้อมจัดแสดงภายในงาน Auto Shanghai 2023 และสัญญาว่าจะนำรุ่นการผลิตออกสู่ตลาดในช่วงฤดูร้อนปีหน้า
MG ยังไม่ยืนยันว่า Cyberster จะใช้ขุมพลังใด แต่รายละเอียดที่รั่วไหลออกมาระบุว่ารถเปิดประทุนจะมีสามรุ่นให้เลือก รุ่นมอเตอร์เดี่ยวจะเป็นตัวเลือกพื้นฐาน โดยมีการตัดแต่งมอเตอร์คู่ ด้านหน้า 101 แรงม้า ด้านหลัง 215 แรงม้า
ขณะรุ่นสมรรถนะสูงให้กำลังด้านหน้า 201 แรงม้า ด้านหลัง 335 แรงม้า รวมกำลังอาจมาถึง 530 แรงม้า ตัวเลขยังไม่เป็นทางการ และ ขนาดแบตเตอรี่ยังไม่ระบุ
แน่นอนว่า MG Cyberster เวอร์ชั่นต้นแบบไม่สามารถผลิตแบบนั้นได้ เพราะต้องมีการปรับปรุงหลายอย่าง ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดคือหลังคา เพราะรถต้นแบบไม่มีหลังคา นอกจากนี้ MG ยังเลือกใช้รถคูเป้หหลังคาแบบแข็งยึดหดได้ เป็นการสร้างโรสเตอร์ในอดีตยุค 1960 – 1970 กลับมาอีกครั้ง
ด้านข้างดูค่อนข้างยาวไปหน่อย รอบพับข้างมีการออกแบบหรูหรา ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับต้นแบบ หลังคาจะเก็บไว้ใต้แผงดาดฟ้าด้านหลัง พร้อมการออกแบบไฟรูปลูกศร สปอยเลอร์ในตัว ไร้มือจับประตู
Cyberster พัฒนาโดยทีมงานที่ MG Advanced Design Centre ในลอนดอนโดยนำสัญลักษณ์บางอย่างมาจาก MGB Roadster เช่นไฟหน้าทรงกลม “Magic Eye” กระจังหน้าแบบบาง แถบ LED ด้านหน้า ไฟท้ายแบบ LED พร้อมกราฟิกคล้ายธงชาติอังกฤษ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วแบบหลายก้าน
ขนาดตัวถัง
MG Cyberster มันจะกลายเป็นคู่แข่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับ Tesla Roadster สปอร์ต 2 ประตูไฟฟ้า
ภายในห้องโดยสารออกแบบในธัม ดิจิตอลไฟเบอร์ เน้นการตกแต่งที่เอนเอียงไปทางด้านคนขับ เพื่อนำเสนอความสปอร์จสองที่นั่งแบบคลาสสิก เน้นการออกแบบเรียบง่าย พวงมาลัยแบบแป้นเกม ทุกอย่างสามารถควบคุมได้ด้วยพวงมาลัย
Carl Gotham ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ สตูดิโอออกแบบของ MG ในเมือง Marylebone กรุงลอนดอน กล่าวว่า Cyberster ใหม่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ “บทใหม่” สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของสไตล์ที่เคารพต่อมรดกอันยาวนานของแบรนด์ ในขณะที่ยังคงผลักดันขอบเขตของการออกแบบที่ทันสมัย
นอกจากนี้ในด้านของเทคโนโลยียังสามารถรองรับระบบการเชื่อมต่อแบบ 5G และติดตั้งระบบขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) เป็นรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 3 (Autonomous Level 3 : Conditional Automation) MG Cyberster จะวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรและยุโรปควบคู่ไปกับรถ SUV และรถซีดานรุ่นปัจจุบันของแบรนด์ตั้งแต่ต้นฤดูร้อนปี 2024 ยังไม่มีการเสนอรายละเอียดสำหรับราคา