รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจจะไม่ได้ขายดีอย่างที่ผู้ผลิตคาดหวังไว้ แต่ข่าวเกี่ยวกับเหตุไฟไหม้เรือขนส่งรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังเตือนเราได้ว่ารถไฟฟ้าก็มีความเสี่ยงเรื่องการติดไฟอยู่ดี เรือขนส่งลำนี้กำลังเดินทางจากเอเชียไปยังอเมริกาเหนือ แต่เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นจนลูกเรือต้องทิ้งเรือกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ทิ้งรถยนต์ใหม่หลายพันคันไว้บนเรือ
เรือ Morning Midas ออกเดินทางจากจีนไปเม็กซิโกเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม โดยบรรทุกรถยนต์ประมาณ 3,000 คัน ซึ่งมีรถไฟฟ้าราว 800 คัน แต่หลังจากออกเดินทางไปได้ 8 วัน ในคืนวันที่ 3 มิถุนายน ตามเวลา UTC (ประมาณ 1 ทุ่ม EST) พบควันพวยพุ่งออกมาจากชั้นหนึ่งของเรือ เจ้าของเรือ Zodiac Maritime จากสหราชอาณาจักรได้ยืนยันว่าไฟไหม้เกิดขึ้นในส่วนที่บรรทุกรถยนต์ไฟฟ้า
ความพยายามดับไฟไม่ประสบความสำเร็จ
“ลูกเรือได้เริ่มปฏิบัติการดับไฟฉุกเฉินโดยใช้ระบบดับเพลิงบนเรือทันที” Zodiac Maritime เจ้าของเรือกล่าวกับ Lloyd’s List “แต่ถึงแม้จะพยายามแล้ว สถานการณ์ก็ยังไม่สามารถควบคุมได้”
หลังจากติดต่อหน่วยรักษาฝั่งสหรัฐฯ ลูกเรือ 22 คนจึงตัดสินใจทิ้งเรือ ลงเรือชูชีพ และได้รับความช่วยเหลือจากเรือพาณิชย์ที่อยู่ใกล้เคียง ขณะนี้ไฟยังคงลุกไหม้และสภาพของรถยนต์หลายพันคันที่อยู่บนเรือยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรือขนส่งรถไฟฟ้าเกิดไฟไหม้กลางทะเล เมื่อสามปีก่อน เรืออีกลำที่บรรทุกรถยนต์ 4,000 คัน รวมถึงรถ Porsche, Bentley และ Lamborghini ก็เกิดไฟไหม้ในมหาสมุทรแอตแลนติก มีความพยายามลากเรือ Felicity Ace ไปยังที่ปลอดภัย แต่หลังจากไฟไหม้นานสองสัปดาห์ เรือก็ล่มลงใกล้เกาะอาซอเรส
ลูกเรือ 22 คนก็รอดชีวิตในเหตุการณ์นั้นเช่นกัน แต่ Volkswagen Group แจ้งว่าบริษัทประกันต้องจ่ายเงินทดแทนรถยนต์ที่สูญเสียไปประมาณ 155 ล้านดอลลาร์ Lamborghini ถึงกับต้องกลับมาเริ่มผลิต Aventador รุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว เพื่อทดแทนรถยนต์ของลูกค้าที่สูญหายจากเหตุการณ์นี้
บริษัทขนส่งบางแห่ง เช่น Havila Kystruten จากนอร์เวย์ เลือกที่จะไม่รับขนส่งรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมองว่าความเสี่ยงสูงเกินไป แต่เนื่องจากรถไฟฟ้าคาดว่าจะกลายเป็นรถหลักในตลาดในอนาคต จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่รถไฟฟ้าจะต้องถูกขนส่งข้ามโลก และวิธีที่เป็นไปได้จริงก็คือการขนส่งทางเรือ
เราไม่พบคลิปวิดีโอของเรือ Morning Midas ขณะเกิดไฟไหม้ แต่มีคลิปบน YouTube ที่แสดงภาพเรือในช่วงเวลาที่ยังปกติดีให้ชมอยู่
Carscoop