“น้ำมันถูกทั่วโลก…แต่ไทยขึ้นภาษีน้ำมัน! เพื่อรักษาความมั่นคงเศรษฐกิจ เริ่ม 7 พฤษภาคมนี้”

สรุป กฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 42) พ.ศ. 2568 ประกาศวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และมีผลทันที
- ยกเลิก อัตราภาษีเดิมของน้ำมันเบนซินและดีเซล (รวมถึงน้ำมันที่คล้ายกัน) จากฉบับก่อนหน้า
- ปรับเปลี่ยนอัตราภาษีใหม่ สำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล
- เหตุผล: ราคาน้ำมันดิบลดลง จึงเพิ่มภาษีเพื่อ เพิ่มรายได้รัฐ และ รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการคลัง
สรุปสั้น: รัฐขึ้นภาษีน้ำมันเบนซิน-ดีเซล เพราะน้ำมันโลกราคาตก รัฐจึงเก็บภาษีเพิ่ม หวังเอาเงินเข้าคลัง
ประกาศ ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 มีผลบังคับใช้ทันที
ใจความหลัก:
- ยกเลิกและแก้ไขพิกัดภาษีสรรพสามิต สำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล (รวมถึงน้ำมันที่คล้ายกัน)
- เปลี่ยนแปลงรายการภาษีใน ประเภท 01.01 (น้ำมันเบนซิน) และ ประเภท 01.05 (น้ำมันดีเซล) ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงฉบับเดิม
เหตุผลในการปรับภาษี:
-
ราคาน้ำมันดิบโลกลดลง
-
รัฐต้องการ เพิ่มรายได้จากภาษี เพื่อเสถียรภาพทางการคลัง
-
เป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
ราคาน้ำมันไทยจะเพิ่มไหมแบบนี้
มีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันในประเทศไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะอันใกล้นี้ เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล ตามกฎกระทรวงที่ประกาศเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะมีแนวโน้มลดลง แต่การเพิ่มภาษีดังกล่าวจะส่งผลให้ต้นทุนของน้ำมันสำเร็จรูปสูงขึ้น ซึ่งอาจสะท้อนถึงราคาขายปลีกที่สูงขึ้นในประเทศ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันในประเทศไทย:
- การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต: การเพิ่มภาษีจะทำให้ต้นทุนของน้ำมันสำเร็จรูปสูงขึ้น ส่งผลต่อราคาขายปลีกในประเทศ
- ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก: แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะลดลง แต่ต้นทุนอื่น ๆ เช่น ภาษีและค่าการตลาด ยังมีผลต่อราคาขายปลีกในประเทศ
- ค่าเงินบาท: การอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้ต้นทุนนำเข้าน้ำมันสูงขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะลดลงก็ตาม
- โครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศ: ราคาน้ำมันในประเทศไทยประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ เช่น ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าการตลาด และเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลต่อราคาขายปลีก
ข้อความจาก ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ กฎกระทรวง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 42) พ.ศ. 2568
วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ กฎกระทรวง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 42) พ.ศ. 2568 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความใน (1) (2) (3) (4) และ (5) ในประเภทที่ 01.01 น้ำมันเบนซิน และน้ำมันที่คล้ายกัน ตอนที่ 1 สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 41) พ.ศ. 2568 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ข้อ 3 ให้ยกเลิกความใน (1) และ (2) ในประเภทที่ 01.05 น้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ตอนที่ 1 สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 41) พ.ศ. 2568 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ข้อ 4 ให้ยกเลิกความใน (5) (5/1) (5/2) (5/3) (5/4) และ (5/5) ในประเภทที่ 01.05 น้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ตอนที่ 1 สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 41) พ.ศ. 2568 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง สมควรเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น อันเป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและเสถียรภาพทางการคลังของรัฐ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ภาษีน้ำมันใหม่ ไทย ขึ้นกว่า 1 บาท ในขณะที่โลกน้ำมันลง
วิเคราะห์จุดเปลี่ยนที่สำคัญ:
1. ภาษีสรรพสามิต: เพิ่มขึ้นทุกชนิด
ULG95: เพิ่มขึ้นจาก 6.50 → 7.50 บาท (เพิ่มขึ้น +1.00)
Gasohol 95/91 E10: เพิ่มขึ้นจาก 5.85 → 6.75 บาท (+0.90)
Gasohol E20: จาก 5.20 → 6.00 บาท (+0.80)
Gasohol E85: เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 0.975 → 1.125 บาท
H-Diesel: จาก 5.99 → 6.92 บาท (+0.93)
2. ภาษีท้องถิ่น: ทุกชนิด “เพิ่มขึ้น” เล็กน้อย
เช่น ULG95 จาก 0.65 → 0.75 บาท, H-Diesel จาก 0.599 → 0.692 บาท
3. กองทุนน้ำมันฯ: “ลดลง” เกือบทุกชนิด
Gasohol 95/91 E10: ลดจาก 4.40 → 3.70 บาท
Gasohol E20: ลดจาก 2.70 → 2.40 บาท
H-Diesel: ลดจาก 3.42 → 3.00 บาท
ULG95: ลดลงเล็กน้อย (10.71 → 10.50)
E85: เท่าเดิม (3.60)
ผลกระทบโดยรวม:
แม้ กองทุนน้ำมันจะลดลง แต่ ภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้น มาก ทำให้ ต้นทุนน้ำมันโดยรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
E85 ยังคงถูกสนับสนุน ด้วยภาษีต่ำสุด แต่ก็มีการปรับขึ้นเช่นกัน
น้ำมันดีเซล (H-Diesel) โดนขึ้นภาษีสูงสุดอันดับต้น ๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อค่าขนส่งและราคาสินค้าต่อเนื่อง
สรุปประเด็นเด่น
“รัฐปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกชนิด – เบนซิน-ดีเซลขยับขึ้นแรงสุด!”
“กองทุนน้ำมันฯ ลดภาระ แต่ไม่พอชดเชยภาษีใหม่ – ราคาน้ำมันจ่อขยับขึ้น!”
“Gasohol E85 ยังราคาประหยัดสุด แม้ถูกเก็บภาษีเพิ่มเล็กน้อย”