ก่อนเปิดตัวไทย 10 พ.ย.นี้ NEW TOYOTA Hilux TRAVO พร้อมการออกแบบใหม่ ทั้งภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร

ก่อนเปิดตัวไทย 10 พ.ย.นี้ NEW TOYOTA Hilux TRAVO พร้อมการออกแบบใหม่ ทั้งภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร
Spread the love
Advertisement Advertisement

 

 

 

All-New Toyota Hilux 2026 เปิดตัว 10 พฤศจิกายนนี้ — ยุคใหม่ของกระบะโลก พร้อมรุ่นไฟฟ้า BEV ครั้งแรก

กว่า 55 ปีที่ชื่อ “Hilux” ถูกยืนยันบนถนนทุกทวีปในฐานะรถกระบะที่ทนทาน ใช้งานได้จริง และเป็นสัญลักษณ์ความแข็งแกร่งของ Toyota นับจากปี 1968 จนถึงปัจจุบัน Hilux คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีบทบาททั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมยานยนต์ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เป็น “หนึ่งในฐานการผลิตหลักของโลก” และมีส่วนแบ่งตลาดกระบะสูงสุดกว่า 50% ในบางปี

ปีนี้จึงไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนโฉม แต่นี่คือ “จุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์” ของ Toyota ในตลาดกระบะระดับโลก เพราะ Hilux Travi ใหม่ไม่ใช่แค่ “รุ่นถัดไป” แต่เป็นการประกาศก้าวสู่ยุคที่กระบะต้องเป็นทั้งรถทำงาน–รถครอบครัว–รถสมาร์ทคาร์–รถพลังงานไฟฟ้า ในครั้งนี้

Hilux 2026  การเปลี่ยนผ่านจาก “ความแกร่ง” สู่ “ความอัจฉริยะ”

ตลอดหลายเจนที่ผ่านมา Hilux ถูกวางภาพลักษณ์ฐานหลักคือ “ความทนทานใช้งานได้จริง” เหมาะกับฟาร์ม, หน่วยงาน, งานเกษตร, งานบรรทุก รวมถึงกองกำลังทหารในหลายประเทศ แต่ Hilux เจนใหม่ต้องแบกรับโจทย์ที่ต่างออกไป:

  • ลูกค้ายุคใหม่คาดหวังความสบายระดับ SUV
  • ตลาดโลกเริ่มผลักดันพลังงานไฟฟ้า (EV / BEV / PHEV)
  • กฎหมายสิ่งแวดล้อมเข้มขึ้น (Euro 6 / CO2 Target)
  • คู่แข่งอย่าง Ford Ranger, Mitsubishi Triton, Isuzu D-MAX พลิกโฉมไปก่อนหน้าแล้ว
  • Toyota ต้องปกป้องตำแหน่งกระบะขายดีในหลายประเทศ รวมถึงไทย

คำตอบจึงไม่ใช่ “ไมเนอร์เชนจ์” แต่เป็น “การออกแบบใหม่ทั้งคัน” ตั้งแต่โครงสร้างตัวถัง, แพลตฟอร์ม, ดีไซน์, ระบบความปลอดภัย, ขุมพลัง และการเพิ่มรุ่นไฟฟ้า 100% ครั้งแรก

ยกเลิกเครื่อง 2.4  ใช้ 2.8 ดีเซลทั้งไลน์อัป

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดคือ Toyota ประกาศ “ยุติการใช้เครื่องยนต์ 2.4 ลิตรดีเซล” ที่ใช้มายาวนานใน Smart Cab / Double Cab หลายรุ่น และปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด โดยเปลี่ยนมาใช้ เครื่องยนต์ 2.8 ลิตรเทอร์โบดีเซล เป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย

เหตุผลเชิงผลิตภัณฑ์

  • เครื่อง 2.8 เดิมให้แรงบิดสูงกว่า 2.4 อย่างมีนัยสำคัญ
  • รองรับมาตรฐานไอเสีย Euro 6 ซึ่งเริ่มบังคับใช้ในหลายประเทศ
  • รองรับน้ำมัน B20 และเชื้อเพลิงไบโอดีเซลอนาคต
  • ปรับโครงสร้างต้นทุนการผลิต ลดจำนวนรหัสเครื่องยนต์ในระบบ

ข้อสังเกตสำคัญ

  • นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ Toyota “ตัดรุ่นเครื่องยนต์ยอดนิยม” อย่าง 2.4 ซึ่งในไทยเป็นตัวเลขขายสูงสุดในกลุ่มฟลีทและรถครอบครัว
  • ตลาดอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงราคา–ตำแหน่งตลาดของ Smart Cab และ Double Cab
  • สื่อหลายสำนักตีความว่า Toyota กำลัง “บีบให้ลูกค้ากระโดดขึ้นรุ่นสูง” และผลัก Hilux ให้เป็นกระบะที่พรีเมียมขึ้น

โครงสร้างรุ่นย่อยใหม่ (Model Lineup)

STANDARD CAB 4×4

  • 2.8 Entry MT

  • 2.8 Entry AT
    → กลุ่มงานเกษตร / หน่วยงานภาครัฐ / งานบรรทุกหนัก

SMART CAB 4×2 (ยกเลิกเครื่อง 2.4)

  • 2.8 Entry MT / AT

  • 2.8 Mid MT / AT
    → รุ่น “คุ้มค่าสำหรับบุคคลทั่วไป–ธุรกิจฟลีท” / ไม่มีรุ่น ROCCO 2.4 อีกต่อไป

SMART CAB 4×4

  • 2.8 Mid MT

  • 2.8 Mid AT (เพิ่มใหม่)
    → Toyota ปรับให้รุ่น 4×4 เข้าถึงง่ายขึ้น

DOUBLE CAB 4×2

  • 2.8 Entry MT / AT

  • 2.8 Mid MT / AT

  • 2.8 Rocco AT

  • 2.8 Rocco Safety AT
    → Toyota รวม “High” และ “Rocco” เข้าด้วยกัน เหลือเฉพาะชื่อ Rocco ชัดเจน

DOUBLE CAB 4×4

  • 2.8 Mid MT

  • 2.8 Rocco Safety AT (ตัวท็อปดีเซล)

Hilux BEV จุดเริ่มต้นของยุคกระบะไฟฟ้า Toyota

แม้ Toyota จะยังไม่เปิดสเปกเต็ม แต่ยืนยันแล้วว่า Hilux BEV จะเปิดตัวพร้อมกันในปี 2026 และใช้พื้นฐาน IMV-0 platform ที่รองรับระบบไฟฟ้าโดยตรง

รายละเอียดเบื้องต้น

รายการ เบื้องต้น
พื้นฐาน IMV-0 (ไฟฟ้าเต็มระบบ)
รูปแบบตัวถัง Single Cab / Double Cab
ระยะทางวิ่ง ประมาณ 300–400 km (WLTP)
ฐานการผลิต ยังไม่ยืนยัน (ไทยมีโอกาสสูง)
กลุ่มตลาด เมือง / ฟลีทรัฐ / กลุ่มองค์กรลดคาร์บอน

ดีไซน์ใหม่ทั้งคัน Tough & Tech ดุดันขึ้นแต่ล้ำสมัยกว่าเดิม

Toyota ใช้แนวคิด “Tough & Tech” ในการพัฒนา Hilux รุ่นปี 2026 โดยเป็นการออกแบบที่ผสมผสาน “ความเป็นรถใช้งานจริงแบบกระบะดั้งเดิม” เข้ากับภาพลักษณ์ “รถสมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีสูง” ซึ่งเป็นทิศทางใหม่ที่ Toyota ต้องการวางให้กับกระบะในยุคหลังปี 2025

ไฮไลต์ภายนอกใหม่

  • ไฟหน้า Full LED พร้อมลาย Signature Light แบบโฉบเฉี่ยว (แนว Land Cruiser / Tacoma)
  • กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแนวตั้ง ขนาดใหญ่ขึ้น เน้นความบึกบึน
  • ฝากระโปรงหน้าและซุ้มล้อออกแบบใหม่ เพิ่มมิติเส้นสายให้ดูทรงพลัง
  • กันชนหน้าทรงใหม่ แยกสัดส่วนชัดเจน พร้อมช่องดักลมใหญ่ขึ้น
  • คิ้วล้อและบันไดข้างดีไซน์ใหม่ (Smart Cab / Double Cab)
  • ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ (Rocco ใช้ขนาด 18 นิ้ว ลายเฉพาะ)
  • ฝาท้ายกระบะดีไซน์ใหม่ พร้อมโลโก้นูน “TOYOTA” สีดำ
  • กันชนหลังพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ ครบตั้งแต่รุ่น Mid ขึ้นไป

เจาะรายละเอียดเพิ่มเติม

  • Rocco รุ่นใหม่ ติดตั้งกันชนหน้าทรงล่างใหม่ + สปอร์ตบาร์ลายใหม่ + แต่งลุคกึ่งออฟโรด
  • รุ่น Entry / Mid ถูกปรับภาพลักษณ์ให้ดูพรีเมียมขึ้น แม้ยังคงกลุ่มลูกค้าฟลีท

Toyota พยายามเลิกภาพ “กระบะเพื่อทำงาน” แล้วย้าย Hilux ไปยืนในตลาดเดียวกับ Ford Ranger / Triton โฉมใหม่ ที่ถูกพัฒนามาให้เป็น “Lifestyle Pickup” มากขึ้น รองรับทั้งครอบครัว, คนทำงาน, และกลุ่ม Weekend Adventure

ห้องโดยสารใหม่ ยกระดับสู่ความรู้สึกแบบ SUV ระดับ Land Cruiser

หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของ Hilux 2026 คือ “ภายในใหม่เต็มระบบ” โดยใช้แรงบันดาลใจจาก Toyota Land Cruiser 300 / 250 และ Tacoma ใหม่ในสหรัฐฯ

คุณสมบัติเด่นภายใน

  • แผงคอนโซลหน้าใหม่ (ออกแบบแนวเส้นขวาง + ช่องแอร์ทรงเหลี่ยม)
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงใหม่แบบ 4 ก้าน
  • หน้าจอกลาง 12.3 นิ้ว (ตั้งแต่รุ่น Mid) รองรับ Wireless Apple CarPlay / Android Auto
  • หน้าจอมาตรวัดดิจิทัล 7 นิ้ว / 12.3 นิ้ว (ขึ้นกับรุ่น)
  • คอนโซลกลางยกสูง + คันเกียร์แบบสั้นแนวสปอร์ต
  • เบรกมือไฟฟ้า EPB (ครั้งแรกของ Hilux)
  • Wireless Charger + Smart Entry + Push Start
  • เบาะคนขับปรับดันหลังไฟฟ้า (เฉพาะ Rocco)
  •  ระบบเสียง 8 ลำโพง ติดตั้งลำโพงบนเพดาน (เหมือน Land Cruiser Prado)

สิ่งที่ชัดเจนคือ Toyota ต้องการให้ Hilux ไม่ใช่ “กระบะทำงาน” อีกต่อไป แต่เป็น “รถที่พร้อมใช้แทน SUV ได้” — กลยุทธ์นี้ชัดเจนมาก

ระบบความปลอดภัย  Toyota Safety Sense เวอร์ชันใหม่

Hilux 2026 มาพร้อม Toyota Safety Sense รุ่นล่าสุด ซึ่งมีการเพิ่มขีดความสามารถหลัก 3 ด้าน

ฟีเจอร์ ความสามารถใหม่
PCS (Pre-Collision) ตรวจจับรถ/คน/จักรยาน/มอเตอร์ไซค์ + เข้าแยก + ลดแรงม้า
DRCC ควบคุมตามรถทุกความเร็ว + ลดความเร็วเมื่อเข้าโค้ง + ตอบสนองรถแทรก
LTA / LDA คุมเลนอย่างต่อเนื่อง + เบี่ยงหลบสิ่งกีดขวางข้างทาง

เพิ่มฟีเจอร์ใหม่:

  • ไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)

  • ดิสก์เบรกหลัง (ตั้งแต่รุ่น Mid)

  • เซ็นเซอร์รอบคัน + ถุงลมนิรภัย 7 ใบ

ความสำคัญเชิงกลยุทธ์

  • Toyota ถูกมองว่า “มาช้ากว่า Ford / Isuzu” ด้านระบบ ADAS

  • Hilux 2026 จึงเป็นจุดที่ Toyota “อัปสถานะ” ยานยนต์เชิงความปลอดภัยอย่างจริงจัง

  • สื่อญี่ปุ่นรายงานว่าระบบใหม่นี้พัฒนาให้ “ตรวจจับกว้างขึ้น 30% และตอบสนองเร็วขึ้น 40%”

ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยีออฟโรด  Multi-Terrain Select 6 โหมด

Hilux 2026 มาพร้อมระบบช่วยขับออฟโรดที่ฉลาดขึ้นแบบเดียวกับ Land Cruiser

โหมด ใช้งานสำหรับ
AUTO ระบบเลือกอัตโนมัติ
DIRT ถนนลูกรัง / ดินร่วน
SAND ทรายนุ่ม / ชายหาด
MUD โคลนหนา
DEEP SNOW หิมะลึก
ROCK ไต่หิน / หินหลวม

ระบบนี้ทำงานร่วมกับ 4H / 4L และโหมดปรับแรงบิดเฉพาะล้อ Hilux จึงไม่ใช่แค่ “ทนทาน” แต่เริ่มกลายเป็น “รถออฟโรดที่วิเคราะห์พื้นผิวได้”

 

 

ล่าสุดทดสอบวิ่งกระบะตอนเดียวสำหรับ Hilux Travo ใหม่ ก่อนเปิดตัวปลายปีนี้

ขออนุญาติเจ้าของภาพนะครับ

ภาพโดย คุณ Pom Buddy / Revo GR Sport Club

เปิดตัวช่วงพฤศจิกายนในไทย NEW TOYOTA HILUX / TRAVO ใหม่ พร้อมการปรับปรุงภายนอก ภายในห้องโดยสาร

 

 

Advertisement Advertisement

bestcarweb

เครดิตภาพคุณ รัตน์ ระยอง

 

All-New Toyota Hilux 2026 — ยุคใหม่ของกระบะโลก ยกเครื่องดีไซน์ ยกระดับเทคโนโลยี พร้อมขุมพลัง BEV ครั้งแรก

กำหนดการเปิดตัว: วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้

Hilux ก้าวสู่ยุคใหม่ จากความแกร่ง สู่ความอัจฉริยะ

กว่า 55 ปีที่ชื่อ “Hilux” ยืนหนึ่งในฐานะกระบะระดับตำนานของ Toyota — จากรุ่นแรกในปี 1968 ที่เน้นความทนทาน บึกบึน และใช้งานได้ทุกสภาพถนน จนถึงปี 2026 Toyota พร้อมยกระดับกระบะขวัญใจคนไทยและทั่วโลกอีกครั้ง ด้วย All-New Toyota Hilux รุ่นปี 2026 ที่เปลี่ยนใหม่เกือบทั้งคัน ทั้งด้านดีไซน์ ภายใน เทคโนโลยี ระบบขับเคลื่อน และที่สำคัญคือการมาของ “รุ่น BEV” หรือขุมพลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Hilux

รุ่นย่อยและการจัดไลน์อัปใหม่ ยกเลิกเครื่อง 2.4 ดีเซลทั้งหมด

Toyota ปรับโครงสร้างไลน์อัปของ Hilux ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยยุติการใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร เดิมที่ใช้มายาวนาน และเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เทอร์โบดีเซล ทั้งหมด ซึ่งมีแรงบิดสูงกว่าเดิม พร้อมรองรับมาตรฐานไอเสียยุโรปและการใช้งานน้ำมัน B20

รุ่นเครื่องยนต์เบนซินยังไม่ถูกเปิดเผยในช่วงเปิดตัวแรก เนื่องจาก Toyota มุ่งเน้นไปที่รุ่น “ยกสูง (High-Floor)” และรุ่น BEV เป็นหลักในรอบแรก


รายละเอียดรุ่นย่อย (Model Lineup)

STANDARD CAB 4×4

  • 2.8 Entry MT

  • 2.8 Entry AT

สำหรับสายงานเกษตรหรือฟลีทรถหน่วยงานที่ต้องการระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมความทนทาน

SMART CAB 4×2 (ยกเลิกเครื่อง 2.4 เปลี่ยนเป็น 2.8)

  • 2.8 Entry MT / AT

  • 2.8 Mid MT / AT

จุดเด่นคือความสมดุลระหว่างราคาและอุปกรณ์ เหมาะกับทั้งลูกค้าทั่วไปและภาคธุรกิจ โดย Toyota ตัดรุ่น 2.4 Rocco AT ออกไป เพื่อให้ตำแหน่งตลาดไม่ทับกับรุ่น Rocco ตัวท็อป

SMART CAB 4×4

  • 2.8 Mid MT

  • 2.8 Mid AT (รุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้น)

การเพิ่มรุ่น Mid AT ทำให้ตลาดกลุ่มผู้ใช้ 4×4 มีทางเลือกมากขึ้น โดยตัดรุ่น High และ Rocco เดิมออก เพื่อให้เรียบง่ายและเน้นเฉพาะรุ่นขายดี

DOUBLE CAB 4×2

รวมรุ่น “High” และ “Rocco” เดิมให้เหลือเพียง “Rocco” และ “Rocco Safety”

  • 2.8 Entry MT / AT

  • 2.8 Mid MT / AT

  • 2.8 Rocco AT (แทน 2.4 High AT เดิม)

  • 2.8 Rocco Safety AT (แทน 2.4 Rocco AT เดิม)

Toyota ปรับกลยุทธ์ “รวมรุ่น” เพื่อให้ลูกค้าเลือกง่าย และผลักดัน Rocco เป็นภาพลักษณ์ใหม่ของ Hilux ยุค 2026

DOUBLE CAB 4×4

  • 2.8 Mid MT

  • 2.8 Rocco Safety AT (รุ่นท็อปสุดของไลน์ดีเซล) ชูจุดขายด้านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเต็มรูปแบบ พร้อมระบบ Multi-Terrain Select รุ่นใหม่

Hilux BEV (Battery Electric Vehicle)

Hilux BEV หรือรุ่นไฟฟ้า 100% จะเปิดตัวเป็นไฮไลต์ของปี 2026 ใช้พื้นฐานร่วมกับแพลตฟอร์ม IMV-0 ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับระบบไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดย Toyota คาดว่าจะมีให้เลือกทั้งแบบ Single Cab และ Double Cab พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ให้ระยะทางต่อการชาร์จราว 300–400 กิโลเมตร (WLTP)

รุ่น GR Sport Wide Tread จะยังไม่จำหน่ายในช่วงเปิดตัวแรก

ดีไซน์ใหม่ทั้งคัน — ความแข็งแกร่งที่ทันสมัยกว่าเดิม

Hilux 2026 มาพร้อมเส้นสายใหม่หมดจด โดย Toyota ยึดคอนเซ็ปต์ “Tough & Tech” — ดุดัน แข็งแรง แต่แฝงความล้ำสมัย

ภายนอก

  • ไฟหน้าใหม่แบบ Full LED พร้อม Signature Light

  • กระจังหน้าแนวตั้งทรงหกเหลี่ยม พร้อมลายซี่ขนาดใหญ่

  • ฝากระโปรงหน้าและแก้มข้างออกแบบใหม่ เพิ่มความบึกบึน

  • คิ้วล้อ และบันไดข้างดีไซน์ใหม่ (เฉพาะ Smart Cab / Double Cab)

  • ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ (Rocco ใช้ขนาด 18 นิ้ว)

  • ฝาท้ายกระบะใหม่ พร้อมโลโก้ “TOYOTA” สีดำแบบปั๊มนูน

  • กันชนท้ายทรงใหม่ พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ

ชุดแต่ง Rocco ใหม่

  • กันชนหน้าส่วนล่างใหม่

  • ชิ้นตกแต่งข้างกันชนใหม่

  • สปอร์ตบาร์ลายใหม่แนวล้ำยุค

  • ล้ออัลลอย 18 นิ้วลายเฉพาะ

ห้องโดยสารใหม่หมด — จากกระบะสู่ระดับ SUV

ภายในของ Hilux 2026 ได้แรงบันดาลใจจาก Toyota Land Cruiser และ Tacoma รุ่นล่าสุด ผสมผสานวัสดุ Soft-touch เข้ากับการจัดวางที่ดูพรีเมียมแต่ใช้งานง่าย

จุดเด่นภายในใหม่

  • แผงคอนโซลหน้าและช่องแอร์ดีไซน์ใหม่
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันทรงใหม่
  • คอนโซลกลางยกสูงพร้อมคันเกียร์สั้นแนวสปอร์ต
  • เบรกมือไฟฟ้า (EPB)
  • หน้าจอสัมผัส 12.3 นิ้ว (ตั้งแต่ Mid ขึ้นไป)
  • หน้าจอมาตรวัดดิจิทัล 7 นิ้ว / 12.3 นิ้ว (Rocco ขึ้นไป)
  • Wireless Charger และระบบ Smart Entry + Push Start
  • เบาะคนขับปรับดันหลังไฟฟ้า (เฉพาะ Rocco)
  • ระบบเสียง 8 ลำโพง พร้อมลำโพงบนเพดาน

ความปลอดภัยล้ำยุค — Toyota Safety Sense รุ่นล่าสุด

Hilux 2026 นำเสนอชุดระบบความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจาก Toyota ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มี “ขอบเขตการตรวจจับกว้างขึ้น” และ “ตอบสนองเร็วขึ้น”

รายละเอียดการอัปเกรด Safety Sense

Pre-Collision System (PCS)

  • ตรวจจับรถ คน มอเตอร์ไซค์ และจักรยาน
  • ตรวจจับข้ามทางแยก
  • ควบคุมพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวาง
  • ลดแรงเครื่องยนต์ในความเร็วต่ำ

Dynamic Radar Cruise Control (All-Speed)

  • ตรวจจับรถด้านหน้า 2 คัน
  • ลดความเร็วเมื่อเข้าโค้ง
  • ตอบสนองเมื่อมีรถแทรกในเลน
  • ปรับการทำงานเมื่อเปิดไฟเลี้ยว
  • ตั้งค่าการทำงานง่ายกว่าเดิม

Lane Departure Alert & Lane Tracing Assist

  • เสริมแรงพวงมาลัยเมื่อเบี่ยงออกนอกเลน
  • ตรวจจับวัตถุข้างทางและเลนข้างเคียง
  • ควบคุมให้อยู่กลางเลนแม้ขณะเข้าโค้ง
  • มีระบบเบี่ยงเล็กน้อยอัตโนมัติเมื่อเจอสิ่งกีดขวางใกล้เคียง เพิ่มระบบไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) และดิสก์เบรกหลังตั้งแต่รุ่น Mid

ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยีออฟโรด — Multi-Terrain Select

Hilux 2026 ได้ระบบ Multi-Terrain Select ใหม่ ซึ่งยกระดับสมรรถนะออฟโรดให้ฉลาดกว่าเดิม โดยสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 6 แบบ

  • AUTO – ให้ระบบเลือกตามสภาพพื้นผิว

  • DIRT – พื้นดินร่วนหรือถนนลูกรัง

  • SAND – ทรายนุ่มหรือชายหาด

  • MUD – โคลนหนา

  • DEEP SNOW – หิมะลึก

  • ROCK – พื้นหินหรือไต่ก้อนหิน

ระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้โหมด 4H หรือ 4L เพื่อให้การยึดเกาะและแรงบิดเหมาะสมในทุกสภาพพื้นผิว

จากข้อมูลในตอนนี้ HILUX TRAVO ใหม่ อาจไม่มี 2.4 แล้ว อนาคตของ 2.4 จะเป็นอย่างไร ?

กว่า 10 ปีที่ผ่านมา เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ดีเซล 2GD-FTV ถือเป็น “หัวใจของ Hilux Revo” และ Toyota Fortuner ที่ขายดีที่สุดในไทย เพราะมันคือเครื่องที่ สมดุลที่สุด ระหว่างแรง – ประหยัด – ทน – ต้นทุนบำรุงรักษาต่ำ โดยเฉพาะในกลุ่มกระบะใช้งานและรถฟลีต เช่น
  • Hilux Revo Smart Cab / Double Cab รุ่น E / Prerunner
  • Revo Rocco รุ่นล่าง
  • Fortuner รุ่น 2.4 V
แต่ตอนนี้… กระแสข่าวจากหลายสำนักตรงกันว่า Hilux Travo รุ่นใหม่ (เจนเนอเรชันต่อไป) อาจจะ “ไม่มีเครื่อง 2.4” ในไลน์อัปหลักอีกต่อไป

เหตุผลหลักที่ Toyota อาจเลิกเครื่อง 2.4 ลิตร

การปรับสู่ยุค Hybrid และ EV Pickup

Toyota มีแผนชัดเจนว่าจะเริ่ม ผลิตกระบะไฟฟ้า Hilux BEV ที่โรงงานในไทยภายใน ปี 2025 พร้อมทดลองใช้งานจริงในจังหวัดภูเก็ตไปแล้วตั้งแต่ปี 2024 【Reuters, Apr 2024】 เมื่อ Toyota ตั้งใจจะ “ไฟฟ้า-ไลน์” ทั้งกระบะและ SUV มันจึงไม่จำเป็นต้องคงเครื่องยนต์ดีเซลหลายขนาดไว้ เพราะ
– เครื่อง 2.8 จะถูกใช้ร่วมกับระบบไฟฟ้า 48V (Diesel Mild Hybrid / Hybrid Strong)
– เครื่อง 2.4 จึงอาจถูกตัดทิ้งเพื่อลดความซ้ำซ้อนของการผลิตและพัฒนา

ต้นทุนและกฎมลพิษใหม่ (Euro 6 / มาตรฐานไทย)

ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ไทยจะเริ่มใช้มาตรฐานมลพิษ Euro 6 สำหรับรถดีเซล เครื่อง 2.4 GD รุ่นเดิมต้องลงทุนปรับระบบ EGR + SCR ใหม่เพื่อผ่านมาตรฐาน ซึ่งไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับยอดขายที่ลดลงเรื่อย ๆ จากเทรนด์ EV / Hybrid Toyota จึงอาจเลือก “รักษาเครื่อง 2.8 ไว้ตัวเดียว” แล้วปรับให้อยู่ในมาตรฐานแทน

การเปลี่ยนโฟกัสสู่กลุ่มพรีเมียม

Hilux Travo ถูกระบุว่าจะใช้แนวทาง “พรีเมียมขึ้น ใกล้ระดับ Tacoma ” โดยใช้ดีไซน์กล่องทรงแกร่ง + ช่วงล่างใหม่ + ระบบ Hybrid มาช่วยเสริมภาพลักษณ์ ดังนั้นเครื่อง 2.4 ซึ่งถูกมองว่า “ขาดแรงและไม่หรูพอ” อาจไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ใหม่ของรุ่น

แล้วเครื่อง 2.4 จะหายไปเลยไหม?

ไม่ครับ — “ยังไม่หาย” เพียงแต่อาจ ย้ายบ้านใหม่ เท่านั้น

ยังคงอยู่ใน Hilux Champ

Toyota ไทยเพิ่งเปิดตัว Hilux Champ รุ่น 2.4 ดีเซล ใช้โครงสร้างแบบ IMV 0 เพื่อเน้นตลาดรถใช้งาน (work truck) ราคาประหยัด ดูแลง่าย ซึ่งกลุ่มนี้เป็นฐานตลาดสำคัญของ 2.4 อยู่แล้ว ดังนั้น Toyota น่าจะ “กัน” เครื่อง 2.4 ไว้สำหรับ Champ / รุ่นฟลีต / รถดัดแปลง (เช่น ตู้เย็น / บรรทุกเบา)

อาจถูกใช้ในรถเพื่อส่งออก

บางตลาดใน เอเชีย และ อัฟริกา ยังต้องการเครื่อง 2.4 เพราะน้ำมันคุณภาพต่ำและต้องการความทน Toyota มักเก็บเครื่องรุ่นนี้ไว้ผลิตส่งออกภายใต้ชื่อ Hilux Workmate หรือ Hilux Fleet

ดีเซล 48V Technology 1GD-FTV 2.8 ลิตร สำหรับกระบะ TRAVO และ ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่

 

1GD-FTV (GD Super Power) ขุนพลดีเซลเทพ 2.8 จาก REVO สู่ TRAVO ใหม่

ราคา 2.14 ล้านบาทในสหรัฐฯ TOYOTA Tacoma Trailhunter i-FORCE MAX HYBRID 326 แรงม้า 9.78 กม./ลิตร EPA

สิ้นเปลือง 8.5 กม./ลิตร EPA TOYOTA TACOMA TRD PreRunner กระบะแค็บ 2 ประตู 2.4T i-FORCE 278 แรงม้า ขายในสหรัฐฯ 1.32 ล้านบาท

ภาพคันจริง TOYOTA TACOMA LIMITED i-Force MAX 2.4T ไฮบริด 326 แรงม้า ราคา 2.01 ล้านบาทในสหรัฐฯ

อัตราสิ้นเปลือง 8.5 กม./ลิตร EPA TOYOTA TACOMA SR รุ่นเริ่มต้น 2 ประตู และ 4 ประตู 2.4T i-FORCE 278 แรงม้า 1.28 ล้านบาทในสหรัฐฯ

https://www.car250.com/toyota-tacoma-trd-pro-i-force-max-10.html

TOYOTA TACOMA X-Runner i-FORCE MAX 3.4 Twin Turbo V6 ให้กำลัง 421 แรงม้า ต้นแบบในสหรัฐฯ

 

 

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้