TOYOTA ยืนยัน 3 เบนซินใหม่ จะพลิกโฉมวงการ ประสิทธิภาพมากขึ้น ขนาดเครื่องเล็กลง

โตโยต้าจับมือ Subaru–Mazda เปิดตัวเครื่องยนต์สันดาปตระกูลใหม่ ลุยตลาดปี 2027 พร้อมรองรับเชื้อเพลิงอนาคต
แม้กระแสรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ “โตโยต้า” ยืนยันชัด เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ยังคงมีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบัน และมีอนาคตที่สดใส ล่าสุดประกาศความร่วมมือกับ Subaru และ Mazda พัฒนาเครื่องยนต์สี่สูบเรียงตระกูลใหม่ ทั้งขนาด 1.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร พร้อมรองรับเชื้อเพลิงหลากหลาย ตั้งแต่น้ำมันฟอสซิล เชื้อเพลิงชีวภาพ ไฮโดรเจน ไปจนถึงน้ำมันสังเคราะห์
ก่อนหน้านี้ ฮิโรคิ นากาจิมะ (Hiroki Nakajima) กรรมการบริษัทรองประธานบริหารโตโยต้า ให้สัมภาษณ์กับ Automotive News ว่า เครื่องยนต์ใหม่นี้เป็น “โซลูชันตัวเปลี่ยนเกม” และ “แตกต่างอย่างสิ้นเชิง” จาก ICE ปัจจุบัน ด้วยการปรับระยะชักลูกสูบให้สั้นลง ช่วยปรับปรุงการไหลของอากาศ เพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ และลดน้ำหนักลง ขณะที่แรงบิดที่หายไปจะถูกชดเชยด้วยการตอบสนองรวดเร็วของมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ชุดนี้ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานในระบบไฮบริดเป็นหลัก
เครื่องยนต์ต้นแบบ 3 รุ่น
- 1.5 ลิตร NA – เล็กและเตี้ยกว่ารุ่นเดิมราว 10% น้ำหนักลดลงประมาณ 10% และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ – ขนาดเล็กกว่ารุ่น 2.5 ลิตร NA เดิมถึง 20% เตี้ยลง 15% ให้สมรรถนะเท่าเดิม พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพราว 30%
- 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ – เล็กกว่ารุ่น 2.4 ลิตรเทอร์โบเดิม 10% เตี้ยลง 10% กำลังเพิ่มขึ้น และประหยัดน้ำมันมากขึ้นประมาณ 30%
- Toyota เปิดเผยว่าเครื่องยนต์เทอร์โบ 2.0‑ลิตรรุ่นใหม่ (ในโค้ด G20E) ให้กำลังสูงสุดประมาณ 400 แรงม้า ในเวอร์ชันมาตรฐาน และสามารถเพิ่มขึ้นเกิน 600 แรงม้า ได้โดยง่ายหากปรับใช้เทอร์โบเดิมขนาดใหญ่—แม้ในด้านการใช้งานจริงอาจต้องปรับกำลังลงเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนด CO₂ ที่เข้มงวด
จากการลดขนาดเครื่องยนต์ โตโยต้าสามารถออกแบบฝากระโปรงให้ต่ำลง เพิ่มประสิทธิภาพการไหลของลม ส่งผลดีต่อการประหยัดเชื้อเพลิง ขณะเดียวกัน Subaru จะใช้เทคโนโลยีนี้ในเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ไฮบริดรุ่นใหม่ ส่วน Mazda จะใช้เครื่องยนต์โรตารีเป็นเครื่องปั่นไฟ (Range Extender)
โตโยต้าวางแผนเปิดตัวรถรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์ใหม่นี้ในปี 2027 พร้อมจับมือผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ของญี่ปุ่น เช่น Idemitsu Kosan, Eneos และ Mitsubishi Heavy Industries เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานเชื้อเพลิงคาร์บอนเป็นกลาง เพื่อให้เครื่องยนต์สันดาปภายในยังคงอยู่ได้ในยุคการลดการปล่อยคาร์บอน
อากิโอะ โตโยดะ ประธานโตโยต้า ย้ำว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จะครองตลาดไม่เกิน 30% และความหลากหลายของระบบขับเคลื่อนยังคงเป็นกุญแจสำคัญสู่การลดการปล่อยคาร์บอนในอนาคต
ที่มา: โตโยต้า / Motor1