มีลุ้นขายไทย! XPENG P7+ EREV ใหม่ วิ่งไฟฟ้าล้วน 430 กม. CLTC


Xpeng P7+ รุ่นปี 2026 เปิดทางเลือก BEV + EREV ปรับใหม่ทั้งคัน 104 จุด BEV วิ่ง 725 กม. / EREV ระยะรวม 1,550 กม. (CLTC) พร้อมบุก 36 ประเทศ
วันที่ 29 ธันวาคม Xpeng ประกาศรายละเอียดสำคัญของ Xpeng P7+ รุ่นปี 2026 ว่าจะทำตลาดทั้งแบบ BEV (ไฟฟ้าล้วน) และ EREV (ขยายระยะทางด้วยเครื่องยนต์ปั่นไฟ) พร้อมระบุว่ามีการอัปเกรดรวม 104 รายการ และเป็นการ “ปรับโฉม/ออกแบบใหม่ทั้งคัน” (complete redesign) รวมถึงการวางตำแหน่งเป็น โมเดลระดับโลก ที่เตรียมเปิดตัวใน 36 ประเทศ งานนี้ไทยมีลุ้นแน่นอน
หัวใจของข่าวนี้คือ “การเพิ่มรุ่น EREV ในรถซีดานที่เดิมขายแบบ BEV อย่างเดียว” ซึ่งสะท้อนทิศทางตลาดจีนยุค 2025–2026 ที่ผู้ผลิตเริ่มวางไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทั้งผู้ใช้สายไฟฟ้าล้วน และผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่นด้านระยะทาง/โครงสร้างการชาร์จ
1) ไฮไลต์สำคัญของ Xpeng P7+ ปี 2026
- เพิ่มไลน์รุ่น EREV ควบคู่ BEV (เดิมขาย BEV เท่านั้น)
- อัปเกรด 104 รายการ + ระบุว่าเป็นการออกแบบใหม่ทั้งคัน
- ระยะทาง BEV: 725 กม. (CLTC)
- ระยะทาง EREV: ไฟฟ้าล้วน 430 กม. (CLTC) และ ระยะรวม 1,550 กม. (CLTC)
- BEV ใช้แพลตฟอร์ม 800V และรองรับ ชาร์จเร็ว 5C
- เปิดตัวใน 36 ประเทศ ย้ำบทบาท “Global Model”
2) รุ่น BEV ปี 2026: 800V + 5C คือ “ตัวชี้ความพร้อมใช้งานจริง”
ฝั่ง BEV (ไฟฟ้าล้วน) ของ P7+ ปี 2026 ถูกย้ำว่าได้แพลตฟอร์ม 800V และรองรับการชาร์จระดับ 5C ซึ่งในภาษาตลาดรถไฟฟ้า หมายถึงการ “ลดเวลาจอดชาร์จ” ให้ใกล้เคียงการใช้งานรถน้ำมันมากขึ้น (แต่ผลลัพธ์จริงยังขึ้นกับกำลังของสถานีชาร์จ อุณหภูมิแบต และช่วงเปอร์เซ็นต์แบตที่ชาร์จ)
ระยะทางที่ประกาศสำหรับ BEV คือ 725 กม. (CLTC) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับสเปกของ P7+ รุ่นปัจจุบันบางรุ่นที่มีแบตขนาดใหญ่ในตระกูลนี้อยู่แล้ว
สรุปสาระของ 800V/5C (ในมุมผู้ใช้)
- 800V ช่วยให้รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงได้มีประสิทธิภาพขึ้น (ในเงื่อนไขที่สถานีรองรับ)
- 5C มักถูกใช้เป็นตัวชี้ว่ารถถูกออกแบบให้ “ชาร์จเร็วจริง” ในเชิงฮาร์ดแวร์ (ระบบไฟแรงดันสูง/ความสามารถรับกระแส)
- แต่ ประสบการณ์จริง ยังต้องดู “กราฟการชาร์จ” และความเสถียรของความเร็วชาร์จในโลกจริง
3) รุ่น EREV ปี 2026: ไฟฟ้าล้วน 430 กม. และระยะรวม 1,550 กม. (CLTC)
ไฮไลต์ใหญ่สุดคือการเพิ่มรุ่น EREV และการประกาศว่า P7+ EREV ทำระยะทาง ไฟฟ้าล้วน 430 กม. (CLTC) ซึ่งถูกสื่อสารว่าเป็น “ซีดานเรนจ์เอกซ์เทนเดอร์ที่วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ไกลที่สุด” พร้อมตัวเลข ระยะรวม 1,550 กม. (CLTC) ที่ตั้งใจปิดเกมความกังวลเรื่องระยะทางแบบเด็ดขาด
ชุดขับเคลื่อน EREV (ตามข้อมูลที่เปิดเผย)
- เครื่องยนต์ 1.5T ทำหน้าที่เป็น Range Extender (ปั่นไฟ) กำลังสูงสุด 110 kW (148 hp)
- มอเตอร์ไฟฟ้า 180 kW (241 hp)
- แบตเตอรี่ LFP (Lithium Iron Phosphate)
- ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.
ความหมายเชิงตลาด: การทำ EREV ให้ “วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ยาว” คือการพยายามรวมข้อดีของ BEV (ต้นทุนพลังงาน/ความเงียบ/ความลื่นไหล) กับความมั่นใจเวลาเดินทางไกลของรถที่มีแหล่งพลังงานสำรอง โดยเฉพาะในประเทศ/พื้นที่ที่โครงสร้างชาร์จยังไม่ครอบคลุมเท่ากันทุกเมือง
4) มิติตัวถังรุ่น EREV และความหมายต่อแพ็กเกจจิ้ง
ข้อมูลการยื่นจดทะเบียนก่อนหน้า ระบุว่ารุ่น P7+ EREV มีมิติตัวถังดังนี้:
| รายการ | ตัวเลข |
|---|---|
| ความยาว | 5,071 มม. |
| ความกว้าง | 1,937 มม. |
| ความสูง | 1,512 มม. |
| ฐานล้อ | 3,000 มม. |
| น้ำหนักรถ | 2,160 กก. |
โดยความยาวตัวถัง เพิ่มขึ้น 15 มม. เมื่อเทียบรุ่น BEV ที่จำหน่ายอยู่ การเพิ่มความยาวเพียงเล็กน้อยอาจสะท้อนการ “จัดแพ็กเกจ” เพื่อรองรับองค์ประกอบของระบบ EREV (อุปกรณ์ปั่นไฟ/ระบบระบายความร้อน/การจัดวางถังน้ำมันหรือระบบท่อ) ในขณะที่ยังคงสัดส่วนของรถซีดานให้ใกล้เคียงรุ่นเดิม
5) ทบทวน Xpeng P7+ รุ่นปัจจุบัน: จุดตั้งต้นก่อนอัปเกรดปี 2026
P7+ รุ่นปัจจุบันเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ พฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยมีเฉพาะรุ่น BEV ช่วงราคา 186,800–208,800 หยวน
จุดเด่นทางวิศวกรรม (รุ่นปัจจุบัน)
- ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.206 Cd
- ทุกรุ่นเป็น ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD)
- มอเตอร์แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลัง 2 ระดับ:
- 180 kW (241 hp) / 450 Nm
- 230 kW (308 hp) / 450 Nm
- แบต LFP 3 ขนาด:
- 60.7 kWh ระยะทาง 615 กม. (CLTC)
- 76.3 kWh ระยะทาง 725 กม. (CLTC)
- 74.9 kWh ระยะทาง 685 กม. (CLTC)
- รองรับชาร์จเร็ว:
- รุ่นท็อปรองรับ 5C
- รุ่นอื่นรองรับ 3C
- ชาร์จ 30–80% ใช้เวลาโดยประมาณ 12 นาที (5C) และ 20 นาที (3C)
ความจุสัมภาระ (รุ่นปัจจุบัน)
- ความจุท้ายรถปกติ 725 ลิตร
- ขยายได้สูงสุด 2,221 ลิตร
6) ยอดขาย 88,000 คันใน 1 ปี: ทำไม P7+ ถึงถูกจับตา
หลังทำตลาดราว 1 ปี P7+ ถูกระบุว่าทำยอดขายสะสมแล้ว มากกว่า 88,000 คัน และเป็นผู้นำยอดขายในกลุ่มซีดานไฟฟ้าขนาดกลางถึงใหญ่ในช่วงราคา 150,000–200,000 หยวน ต่อเนื่องยาวนาน (ตามการรายงานของสื่อที่อ้างอิงในข่าว)
นัยสำคัญ: เมื่อฐานยอดขายแข็งแรง การทำ “รุ่นปี 2026” ให้เป็นก้าวกระโดด (104 อัปเกรด + เพิ่ม EREV + ขยายตลาดต่างประเทศ) คือการยกระดับโมเดลจาก “ขายดีในประเทศ” ไปสู่ “เรือธงที่ทำตลาดข้ามประเทศ” และสร้างเสถียรภาพให้ไลน์ผลิตภัณฑ์
7) วิเคราะห์เชิงลึก: ทำไม “เพิ่ม EREV” ถึงเป็นเกมใหญ่ของ Xpeng
7.1 ปิดช่องว่างการใช้งานจริง (Practicality Gap)
แม้ BEV จะชาร์จเร็วขึ้นและวิ่งไกลขึ้น แต่รูปแบบการเดินทางบางกลุ่มยังต้องการ “ความแน่นอน” เวลาเดินทางไกล/ต่างเมือง/สภาพอากาศสุดโต่ง หรือพื้นที่ที่หัวชาร์จความเร็วสูงยังไม่หนาแน่น การเพิ่ม EREV ทำให้ P7+ ครอบคลุมลูกค้าได้กว้างขึ้นทันที
7.2 ทำให้ “ระยะไฟฟ้าล้วน” ของ EREV กลายเป็นจุดขายหลัก
EREV ยุคใหม่ในจีนไม่ได้ขายด้วยการ “มีเครื่องยนต์สำรอง” อย่างเดียว แต่ขายด้วยความสามารถ “ใช้ไฟฟ้าล้วนในชีวิตประจำวันได้จริง” ยิ่งตัวเลขไฟฟ้าล้วนสูง (เช่น 430 กม. CLTC) ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของ EREV ใกล้ BEV มากขึ้น ทั้งด้านต้นทุนพลังงานและความรู้สึกการขับ
7.3 ต่อยอดสู่ Global Model
การประกาศเปิดตัวใน 36 ประเทศบอกว่า Xpeng ต้องการขยายตลาดนอกจีนอย่างเป็นระบบ ซึ่งการมีทั้ง BEV และ EREV ช่วยให้ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับแต่ละประเทศได้ดีขึ้น (เช่น ประเทศที่โครงสร้างชาร์จพร้อมมากอาจดัน BEV; ประเทศที่สถานีชาร์จยังจำกัดอาจให้ EREV เป็นหัวหอก)
8) ประเด็นที่ควรจับตาก่อนเปิดตัวจริง
- รายละเอียด “104 อัปเกรด”: อัปเกรดที่กระทบประสบการณ์จริงมากที่สุดคือ แพลตฟอร์มไฟฟ้า, ระบบช่วยขับ, NVH, ช่วงล่าง, และคุณภาพงานประกอบ
- กราฟการชาร์จ 800V/5C: ต้องดูความเร็วชาร์จเฉลี่ยใน 10–80% และความสม่ำเสมอเมื่ออุณหภูมิต่างกัน
- สเปกแบตของ EREV: ข่าวยืนยันว่าเป็น LFP แต่ “ความจุแบต/อัตราสิ้นเปลือง/ถังน้ำมัน” จะเป็นตัวกำหนดความสมเหตุสมผลของ 1,550 กม. (CLTC)
- ราคาและรุ่นย่อย: จุดตัดสินเกมคือการวางราคาให้ชนคู่แข่งโดยตรงในเซกเมนต์เดียวกัน
- โรดแมปต่างประเทศ: 36 ประเทศ “ประเทศไหนบ้าง” และจะใช้สเปกเดียวกันหรือปรับให้เข้ากฎระเบียบท้องถิ่น
FAQ
Q: P7+ ปี 2026 มีอะไรต่างจากรุ่นเดิมแบบชัด ๆ?
A: แตกต่างหลักคือเพิ่มทางเลือก EREV ควบคู่ BEV พร้อมระบุว่าเป็นการปรับใหม่ทั้งคันและอัปเกรด 104 รายการ รวมถึง BEV ได้แพลตฟอร์ม 800V และ 5C
Q: ตัวเลข 725 กม. และ 1,550 กม. เป็นมาตรฐานไหน?
A: เป็นตัวเลขตามมาตรฐาน CLTC ซึ่งมักให้ตัวเลขสูงกว่าการใช้งานจริงในหลายสภาพแวดล้อม ควรรอทดสอบภาคสนาม/รีวิวเชิงลึก
Q: EREV ต่างจาก PHEV อย่างไร?
A: โดยหลัก EREV เน้น “มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนเป็นหลัก” และเครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟ (ในหลายการออกแบบ) ขณะที่ PHEV บางระบบเครื่องยนต์สามารถขับล้อโดยตรงได้ แต่รายละเอียดจริงขึ้นกับสถาปัตยกรรมของแต่ละค่าย
Q: P7+ รุ่นปัจจุบันขายดีแค่ไหน?
A: มีรายงานว่ายอดขายสะสมเกิน 88,000 คันในราว 1 ปี และเป็นผู้นำยอดขายในกลุ่มซีดานไฟฟ้าช่วงราคา 150,000–200,000 หยวนต่อเนื่อง (ตามการรายงานของแหล่งข่าว)








XPENG MOTORS ประกาศราคาพิเศษสำหรับ XPENG P7+ เริ่มต้นที่ 166,800 หยวน หรือประมาณ หลังจากเงินอุดหนุนระดับชาติ 757,000 บาท
วันที่ 7 พฤศจิกายน Xpeng P7+ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในประเทศจีนทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ราคา 186,800 – 218,800 หยวน หรือประมาณ 848,000 – 993,000 บาท พร้อมติดตั้งระบบ AI Dimensity XOS 5.4.0, โซลูชันการขับขี่อัจฉริยะ AI Eagle Vision และชิป 8295P ระดับเรือธงของ Qualcomm
|
车型 |
售价(万元) |
|
长续航 Max |
18.68 |
|
超长续航 Max |
19.88 |
|
限定版 Max |
21.88 |
XPENG P7+ คือโมเดลใหม่ของ Xpeng ที่มีชื่อรหัสภายในว่า F57 ซึ่ง CnEVPost รายงานเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งจะไม่ใช้ LiDAR โดยระบบการขับขี่อัจฉริยะจะเปลี่ยนไปใช้โซลูชันที่อิงตามการมองเห็นอย่างหมดจดคล้ายกับของ Tesla
ในแง่ของรูปลักษณ์ Xpeng P7+ ยังคงรักษาสไตล์การออกแบบของแบรนด์ โดยใช้ภาษาการออกแบบ “Robot Face” ที่ด้านหน้า เพิ่มแถบไฟ LED กลุ่มไฟหน้าเป็นรูปตัว X สัดส่วนด้านหน้าค่อนข้างแบน ตัวถังแบบฟาสต์แบ็ค ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ ส่วนท้ายรถมีสปอยเลอร์สีดำ แถบไฟ LED ในตัว และดีไซน์ไฟท้ายค่อนข้างเพรียว
ขนาดตัวถัง
- ยาว 5,056 มม.
- กว้าง 1,937 มม.
- สูง 1,512 มม.
- ฐานล้อ 3,000 มม.
การออกแบบภายในมาพร้อมความพรีเมียม และ เรียบง่าย น้าจอมัลติมีเดียกลางขนาด 15.6 นิ้ว มีชิป Qualcomm 8295P ในตัว และติดตั้งระบบอัจฉริยะ AI Dimensity ในเวลาเดียวกัน มีแผงชาร์จไร้สายของโทรศัพท์มือถือ 50W สองแผงอยู่ใต้การควบคุมส่วนกลาง ในแง่ของการกำหนดค่าอื่นๆ ลำโพงไฮไฟความเที่ยงตรงสูง 20 ตัวรองรับเสียงรอบทิศทางแบบพาโนรามา 7.1.4 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับน้ำหอมรถยนต์หรูหรา 3 แบบ หลังคาพาโนรามา
เบาะนั่งด้านหลังรองรับการปรับพนักพิงด้วยไฟฟ้า ทั้งสี่ที่นั่งในรถมีฟังก์ชันระบายอากาศ ระบบทำความร้อน และการนวดเป็นมาตรฐาน ด้านหน้าเบาะนั่งด้านหลังยังมีหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ซึ่งสามารถควบคุมระบบความบันเทิง เบาะหลัง เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ทางด้านขวาของแถวหลังมีโต๊ะเล็กๆ เตรียมไว้ให้ด้วย เบาะหลังยังรองรับการพับอัตราส่วน 4/6 และมีพื้นที่ซ่อนอยู่ใต้พื้น พื้นที่ท้ายรถมีขนาด 725 ลิตร ซึ่งสามารถขยายเป็น 2221 ลิตรได้โดยการพับพนักพิงเบาะหลังลง
Xpeng P7+ ทั้งหมดมาพร้อมกับโซลูชันการขับขี่อัจฉริยะ AI Eagle Vision เป็นมาตรฐาน ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะประกอบด้วยหน่วยตรวจจับ 26 หน่วย รวมถึงกล้อง 11 ตัว เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และเรดาร์คลื่น 3 มิลลิเมตร ชิปดังกล่าวใช้ชิปขับเคลื่อนอัจฉริยะ NVIDIA สองตัว พร้อมพลังการประมวลผล 508TOPS
ติดตั้งระบบขับขี่อัจฉริยะด้วยการมองเห็นของรถยนต์รุ่นใหม่มีระยะการรับรู้ที่สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 125% และสามารถระบุสิ่งกีดขวาง ป้ายถนน สัญญาณไฟจราจร ฯลฯ ได้ 49 ประเภท ด้วยการร่วมมือกับระบบเวอร์ชัน AI Dimensity 5.4.0 ไม่เพียงแต่บรรลุความสามารถในการขับขี่อัจฉริยะของ AI โดยไม่คำนึงถึงสภาพถนนและเส้นทางเท่านั้น แต่ยังเปิดใช้งานการเปิดใช้งาน XNGP 0 สปีดและการสตาร์ทในสถานที่ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนของระดับสูงสุด ระดับความสามารถในการขับขี่อันชาญฉลาดของ Xpeng Motors
ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว
- ให้กำลัง 245 แรงม้า
- แบตเตอรี่ 60.7kWh
- สามารถวิ่งได้ 602 กม./ชาร์จ CLTC
- รองรับการชาร์จ 800V
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.8 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.
ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว
- ให้กำลัง 313 แรงม้า
- แบตเตอรี่ 76.3kWh
- สามารถวิ่งได้ 710 กม./ชาร์จ CLTC
- รองรับการชาร์จ 800V
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.6 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.

