ฮุน เซน สั่งตัดท่อ! ให้ ปตท. เขมร เลิกซื้อน้ำมันจากไทย สามารถจัดหาน้ำมันจากเวียดนาม, มาเลเซีย, หรือสิงคโปร์แทนได้

Advertisement
สรุปประเด็นสำคัญ
- คำสั่ง สมเด็จเตโช ฮุน เซน เรียกร้องให้ปั๊มน้ำมัน ปตท. (PTT) ทุกแห่งในกัมพูชา เปลี่ยนไปซื้อน้ำมันจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทย
- ทางเลือก สามารถจัดหาน้ำมันจากเวียดนาม, มาเลเซีย, หรือสิงคโปร์แทนได้
- เงื่อนไขไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อแบรนด์ ยังคงสามารถจำหน่ายน้ำมันในนาม ปตท. ได้ตามปกติ
- สาเหตุ เป็นการตอบโต้การกระทำของไทยที่สมเด็จเตโชระบุว่าเป็นการ “ข่มขู่” และการปิดด่านชายแดนฝ่ายเดียว
- เป้าหมายใหญ่ เพื่อให้กัมพูชาสามารถพึ่งพาตนเองได้ใน 4 ด้านสำคัญ (ไฟฟ้า, อินเทอร์เน็ต, เชื้อเพลิง และอื่นๆ) และลดการพึ่งพาจากไทย
- เงื่อนไขการเจรจา กัมพูชายังต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย แต่จะกลับมาเจรจาด้วยก็ต่อเมื่อไทยเปิดพรมแดนให้กลับสู่สถานะปกติเหมือนก่อนวันที่ 7 มิถุนายน
สมเด็จเตโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้เรียกร้องให้เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ในประเทศกัมพูชา พิจารณาจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศไทย โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงชื่อแบรนด์ของสถานี
สมเด็จเตโชกล่าวเสริมว่า สถานีบริการน้ำมันสามารถจัดซื้อเชื้อเพลิงจากเวียดนาม มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ได้
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม ในระหว่างการพบปะกับนักเรียนและคณาจารย์ ณ ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมเจียซิม กมจายเมียร์ จังหวัดเปรยแวง
สมเด็จเตโชได้อธิบายว่า “ปตท. เป็นบริษัทของรัฐบาลไทย แต่สามารถนำเข้าน้ำมันจากเวียดนาม สิงคโปร์ หรือมาเลเซีย และยังคงจำหน่ายภายใต้ชื่อเดิมได้ เพียงแค่หลีกเลี่ยงการจัดหาจากประเทศไทย”
ในบริบทนี้ สมเด็จเตโชเน้นย้ำว่า “พวกเขาข่มขู่ เราก็ลงมือทำ ในขณะที่พวกเขาขู่ เราก็เคลื่อนไหว” พร้อมทั้งระบุถึง 4 ประเด็นหลักที่กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตจากไทย ได้แก่ ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต เชื้อเพลิง และอื่นๆ อีกทั้งยังกล่าวว่า แม้จะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งเป็นการพิสูจน์ถึงความเข้มแข็งและการพึ่งพาตนเองที่เพิ่มขึ้น
แม้จะมีความตึงเครียด สมเด็จเตโช ฮุน เซน ยังคงยืนยันถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการรักษาสัมพันธภาพอันดีและมิตรภาพที่ใกล้ชิดกับประเทศไทยต่อไป อย่างไรก็ตาม ท่านได้ย้ำว่าการดำเนินการล่าสุดเป็นการตอบสนองโดยตรงต่อการคุกคามอย่างต่อเนื่องและการที่ไทยปิดจุดผ่านแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว พร้อมทั้งกล่าวอย่างชัดเจนว่าการเจรจาเพิ่มเติมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจุดผ่านแดนต่างๆ กลับมาเปิดทำการตามปกติเหมือนก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น