TOYOTA Corolla มีแค่ไฮบริดให้เลือกในญี่ปุ่น ราคาเริ่ม 515,200 บาท

สรุปข่าว: Toyota Corolla ญี่ปุ่นเปลี่ยนเป็นไฮบริด 100%
-
ทุกรุ่นในญี่ปุ่นเปลี่ยนเป็นระบบไฮบริดทั้งหมด ไม่มีรุ่นเบนซินล้วนอีกต่อไป
-
ใช้ขุมพลังไฮบริด 1.8 ลิตร เป็นตัวเลือกเดียว
-
เครื่องยนต์เบนซิน 97 แรงม้า
-
มอเตอร์ไฟฟ้า 94 แรงม้า (รุ่นขับหน้าปกติ)
-
รุ่นขับสี่ E-Four มีมอเตอร์ไฟฟ้าหลังเพิ่มอีก 40 แรงม้า
-
-
เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นกลาง
-
กล้องหน้าหลังพร้อมระบบบันทึก
-
กุญแจดิจิทัล
-
ระบบช่วยขับขี่ เช่น Blind Spot Monitor, Safe Exit Assist, Parking Support Brake
-
-
รุ่น G ได้ล้ออัลลอย 16 นิ้ว และไฟตัดหมอก LED
-
รุ่น X ใช้ล้อเหล็ก 15 นิ้ว ไม่มีหน้าจออินโฟเทนเมนต์ ไม่มีไฟหน้าแบบใหม่
-
ทุกรุ่นติดตั้งไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED เป็นมาตรฐาน
-
ราคาเริ่มต้น 2,279,200 เยน (ประมาณ 15,700 ดอลลาร์)
-
วางจำหน่ายในญี่ปุ่น
-
รุ่นแฮทช์แบ็กเริ่มขายวันที่ 9 พฤษภาคม
-
รุ่นซีดานและแวกอนเริ่มขายวันที่ 19 พฤษภาคม
-
-
Corolla เจเนอเรชันใหม่ คาดเปิดตัวในปี 2026 พร้อมระบบไฮบริดปรับปรุงใหม่ ดีไซน์ใหม่ และเทคโนโลยีขั้นสูงกว่าเดิม
โตโยต้าเดินหน้ากลยุทธ์ไฮบริดในญี่ปุ่น ลุยเต็มที่ด้วยการเปลี่ยน Corolla ทั้งไลน์อัปให้เป็นไฮบริด 100%
โตโยต้าประกาศอัปเดตไลน์อัป Corolla ในตลาดญี่ปุ่น โดยมีไฮไลต์สำคัญคือ การเลิกขายรุ่นที่ไม่ใช่ไฮบริดทั้งหมดในประเทศบ้านเกิด นับเป็นก้าวสำคัญในแผนการสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ของค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น
เครื่องยนต์ไฮบริดเพียงหนึ่งเดียว
ลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่สนใจซื้อ Corolla ตอนนี้จะมีทางเลือกเดียวในเรื่องขุมพลัง ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร แบบไฮบริด ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่โตโยต้าเคยใช้ในตลาดยุโรปตั้งแต่ปี 2022 ที่เลิกขาย Corolla รุ่นไม่ใช่ไฮบริดไปแล้ว แต่ในยุโรปยังมีให้เลือกทั้งขุมพลัง 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร ส่วนในญี่ปุ่นจะมีเฉพาะ 1.8 ลิตรเท่านั้น
เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตรใน Corolla Hybrid ให้กำลัง 97 แรงม้า (72 กิโลวัตต์ / 98 PS) โดยในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (2WD) จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ให้กำลัง 94 แรงม้า (70 กิโลวัตต์ / 95 PS) ขณะที่รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (E-Four) จะเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่สองบริเวณเพลาหลังอีก 40 แรงม้า (30 กิโลวัตต์ / 41 PS)
อัปเกรดอุปกรณ์มาตรฐาน
แม้ว่า Corolla รุ่นปัจจุบัน (เจเนอเรชันที่ 12) จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2018 และได้รับไมเนอร์เชนจ์ในปี 2022 แต่โตโยต้าก็ยังคงปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความสดใหม่ โดยรุ่นปีล่าสุดนี้ เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นกลางมากขึ้น
ของใหม่ที่เพิ่มเข้ามา เช่น กล้องติดรถหน้าหลังพร้อมระบบบันทึกภาพอัตโนมัติ และระบบกุญแจดิจิทัล (Digital Key) ซึ่งกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในเกือบทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบช่วยขับขี่มากขึ้น เช่น Blind Spot Monitor, Safe Exit Assist และ Parking Support Brake
รุ่น G ทั้งแบบซีดานและ Touring (แวกอน) จะได้รับไฟตัดหมอก LED และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วดีไซน์ใหม่ ขณะที่รุ่นพื้นฐาน X ยังคงใช้ล้อเหล็กขนาด 15 นิ้วพร้อมฝาครอบ ไม่มีหน้าจออินโฟเทนเมนต์ ใช้หน้าปัดแบบอนาล็อก และไม่มีไฟหน้าแบบใหม่ แต่ทุกรุ่นจะมีไฟหน้าและไฟท้าย LED เป็นมาตรฐาน
ราคาและวันวางจำหน่าย
Corolla Sport (แฮทช์แบ็ก) รุ่นปรับโฉมจะเริ่มวางขายในญี่ปุ่นวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ ขณะที่รุ่นซีดานและ Touring จะเริ่มขายในวันที่ 19 พฤษภาคม
ราคาเริ่มต้น
-
รุ่นพื้นฐาน Corolla Hybrid X เริ่มต้นที่ 2,279,200 เยน (ประมาณ 515,200 บาท)
-
รุ่นท็อปสุด Touring Active Sport Hybrid E-Four รุ่นพิเศษ ราคา 3,416,600 เยน (ประมาณ 772,000 บาท)
ราคานี้แพงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า โดยรุ่นเริ่มต้นแพงขึ้น 139,400 เยน ส่วนการปรับขึ้นทั่วไลน์อัปอยู่ในช่วง 11,200 – 226,600 เยน แล้วแต่รุ่นย่อย
Corolla เจเนอเรชันใหม่กำลังมา
โตโยต้าไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับอนาคตของ Corolla มากนัก แต่คาดว่าโฉมใหม่ (เจเนอเรชันถัดไป) จะเปิดตัวในปี 2026 ซึ่งน่าจะมาพร้อมระบบไฮบริดประสิทธิภาพสูงขึ้น ดีไซน์ใหม่ และเทคโนโลยีล้ำสมัยยิ่งขึ้น