Vinfast ใช้อินเดียเป็นสะพานสู่ตะวันออกกลาง-แอฟริกา หลังตลาดยุโรปไม่ง่าย ลงทุนกว่า 65,000 ล้านบาท

Vinfast ใช้อินเดียเป็นสะพานสู่ตะวันออกกลาง-แอฟริกา หลังตลาดยุโรปไม่ง่าย ลงทุนกว่า 65,000 ล้านบาท
Spread the love
Advertisement Advertisement

Advertisement

Vinfast บุกอินเดียเต็มกำลัง! เปิดโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า 500 ล้านดอลลาร์ หวังปั้นเป็นศูนย์กลาง EV แห่งเอเชียใต้

Thoothukudi, อินเดีย – วันที่ 4 สิงหาคม 2025 บริษัท Vinfast ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากเวียดนาม ประกาศเริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ในเมือง Thoothukudi รัฐทมิฬนาฑู ทางตอนใต้ของอินเดีย อย่างเป็นทางการ ด้วยมูลค่าการลงทุนเฟสแรก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 16,200 ล้านบาท) และมีแผนขยายการลงทุนในประเทศอินเดียรวมสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 65,000 ล้านบาท ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า

โรงงานดังกล่าวตั้งเป้าผลิตรถ EV เริ่มต้น 50,000 คันต่อปี และสามารถขยายกำลังการผลิตได้สูงสุด 150,000 คันต่อปี ในอนาคต โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัฐทมิฬนาฑู ซึ่งถือเป็น “ดีทรอยต์แห่งอินเดีย” ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

TRB Raaja รัฐมนตรีอุตสาหกรรมของรัฐกล่าวว่า
“การลงทุนของ Vinfast จะเป็นจุดเริ่มต้นของคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ในภาคใต้ ซึ่งจะช่วยให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลก”

เจาะตลาดอินเดีย: จุดเปลี่ยนกลยุทธ์ของ Vinfast

หลังจากเจออุปสรรคในตลาดสหรัฐฯ และยุโรป Vinfast จึงเบนเข็มสู่ภูมิภาคเอเชียเต็มตัว โดยโรงงานในอินเดียถือเป็นก้าวสำคัญต่อจากการลงทุนใน อินโดนีเซีย (200 ล้านดอลลาร์) และการขยายตัวใน ไทยและฟิลิปปินส์

ปี 2024 ที่ผ่านมา Vinfast มียอดขายทั่วโลก เกือบ 97,000 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2023 แต่ยอดขายนอกเวียดนามยังต่ำกว่า 10% ดังนั้น อินเดียจึงถูกวางเป็น ฐานการผลิตเพื่อการส่งออก สู่ตลาด เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา

อินเดีย: ตลาดรถยนต์ใหญ่สุดอันดับ 3 ของโลก กำลังตื่นตัวเรื่อง EV

อินเดียมีศักยภาพมหาศาล ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 1.4 พันล้านคน เป็นตลาดรถยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และกำลังเข้าสู่ยุคการใช้รถ EV อย่างจริงจัง

ในปี 2024 อินเดียมียอดขายรถ EV กว่า 6 ล้านคัน แต่ 86% เป็นรถจักรยานยนต์และสามล้อ ส่วนรถยนต์นั่ง EV ยังมีสัดส่วนเพียง 2.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด (ประมาณ 110,000 คัน) แต่ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากแค่ 1,800 คันเมื่อปี 2019

รัฐบาลตั้งเป้าให้ EV คิดเป็น หนึ่งในสามของรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 ซึ่งทำให้อินเดียกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของผู้ผลิต EV ทั่วโลก

Charith Konda นักวิเคราะห์จาก IEEFA ระบุว่า
“คนอินเดียเริ่มหันมาใช้ EV เพียง 3-4 ปีที่ผ่านมา รถรุ่นใหม่ที่สวย แบตทน ชาร์จเร็ว กำลังเร่งให้ตลาดโตเร็วมาก”

Vinfast VS จีน: ได้เปรียบเรื่องภาพลักษณ์และนโยบาย

แม้แบรนด์จีนอย่าง BYD และ MG (SAIC) จะครองตลาดในไทยและบราซิลได้ดี แต่เจาะตลาดอินเดียยากขึ้น หลังเกิดความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสองประเทศในปี 2020

อินเดียจึงปฏิเสธการสร้างโรงงานของจีนโดยตรง และเก็บภาษีนำเข้าสูง ส่งผลให้แบรนด์จีนต้องพึ่งพาการร่วมทุน เช่น MG Motor จับมือกับ JSW Group ในประเทศ

Vinfast ได้เปรียบจากการไม่ใช่แบรนด์จีน อีกทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีและที่ดินตามนโยบาย Make in India ที่ส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ

ท้าชน Tata – เจาะตลาดที่ยังเปิดกว้าง

ตลาด EV อินเดียปัจจุบันถูกครองโดย Tata Motors ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ด้วยโมเดลยอดนิยมอย่าง Nexon EV ขณะที่ Hyundai, Mahindra และ MG ก็รุกหนักในกลุ่มกลาง-พรีเมียม

Vinfast เตรียมส่ง VF6 และ VF7 SUV เจาะตลาดอินเดียช่วงปลายปีนี้ พร้อมตั้งโชว์รูม-ศูนย์บริการ 32 แห่งใน 27 เมือง และผลิตชิ้นส่วนหลักในประเทศ เช่น มอเตอร์-แบตเตอรี่ เพื่อควบคุมต้นทุน

Vivek Gulia จาก JMK Research ชี้ว่า
“หาก Vinfast ตั้งราคาถูกใจคนอินเดีย และสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและบริการหลังการขายได้ ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จ”

บทสรุป: Vinfast กำลังเล่นเกมระยะยาวในตลาดที่ท้าทาย

Vinfast อาจยังเป็นชื่อใหม่ในอินเดีย แต่ด้วยกลยุทธ์ลงทุนผลิตในประเทศ ได้เปรียบเรื่องภาพลักษณ์ ไม่ใช่จีน และมองเห็นโอกาสในตลาด EV ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว อินเดียอาจกลายเป็นหมากสำคัญที่สุดของ Vinfast บนเวทีโลกในทศวรรษนี้

หากทำได้สำเร็จ โรงงานใน Thoothukudi อาจเป็นมากกว่าฐานการผลิต – แต่มันจะกลายเป็นประตูบานใหญ่สู่การเป็น “มหาอำนาจ EV แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” อย่างแท้จริง

apnews

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้