“ศึกชิงแรร์เอิร์ธ! จีน–สหรัฐ ปะทะเดือดกลางสมรภูมิเมียนมา”


จีนเร่งคุมเกมแร่แรร์เอิร์ธในเมียนมา สกัดอิทธิพลสหรัฐ–ลดพึ่งพารัฐคะฉิ่น
รัฐบาลจีนเดินหน้าขยายการเข้าถึงแหล่งแร่แรร์เอิร์ธในเมียนมา ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยใช้ทั้งแรงกดดันและการสร้างพันธมิตรเพื่อรักษาเสถียรภาพของอุปทานสำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง
กดดัน KIA–ดึงกลุ่มว้าแดงร่วมผลิต
จีนได้ยื่นคำขาดต่อกองทัพเอกราชคะฉิ่น (KIA) ว่าหากไม่ตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลทหาร จะยุติการซื้อแร่หายาก โดย KIA ปัจจุบันควบคุมพื้นที่เหมืองหลักในเมืองชิปวีและปางวาร์ และยังคงสู้รบอย่างต่อเนื่องกับกองทัพเมียนมา
แร่แรร์เอิร์ธเป็นวัตถุดิบสำคัญต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อาวุธยุทโธปกรณ์ และอุปกรณ์ไฮเทค ซึ่งจีนผลิตได้ราว 70% ของโลก และใช้เป็น “ไพ่ต่อรอง” ในสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ขณะที่เมียนมามีบทบาทเป็นซัพพลายเออร์สำคัญ การทำเหมืองและแปรรูปในประเทศแทบทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของจีนและส่งตรงเข้าจีน
เมื่อ KIA ยึดพื้นที่ผลิตจากรัฐบาลเมียนมาในเดือนตุลาคม 2023 การส่งออกไปจีนถูกหยุดชั่วคราว ก่อนกลับมาดำเนินการภายใต้เงื่อนไขและราคาที่ KIA กำหนดเอง ส่งผลให้สัดส่วนนำเข้าของจีนจากเมียนมาลดลงเหลือ 63% ในปี 2024 จาก 87% ในปี 2020
เพื่อลดความเสี่ยงด้านซัพพลาย จีนจึงหันไปพัฒนาพื้นที่ผลิตในรัฐฉาน โดยอาศัยความร่วมมือกับกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับปักกิ่ง ข้อมูลจาก NGO International Rivers ชี้ว่า ในรัฐฉานมีแหล่งแร่หายากอย่างน้อย 20 จุด
เมียนมา: แหล่งแร่แรร์เอิร์ธอันดับ 3 ของโลก
ข้อมูลจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2024 เมียนมาผลิตแร่แรร์เอิร์ธคิดเป็น 8% ของโลก อยู่อันดับ 3 รองจากจีนและสหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออกไปจีนเพิ่มจาก 665 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 เป็นราว 3.6 พันล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2021–2024 หลังการรัฐประหาร
สัญญาณเปลี่ยนท่าทีของสหรัฐฯ
แม้สหรัฐฯ จะไม่รับรองรัฐบาลทหารเมียนมาหลังรัฐประหาร แต่ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งหนังสือแจ้งอัตราภาษีศุลกากรไปยัง พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย รวมถึงการยกเลิกคว่ำบาตรต่อบริษัท 3 แห่งและบุคคล 4 รายที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลทหาร ขณะเดียวกัน รัฐบาลทหารเมียนมาก็ได้จ้างล็อบบี้ยิสต์เพื่อฟื้นความสัมพันธ์กับวอชิงตัน
อย่างไรก็ตาม ศูนย์สติมสันเตือนเมื่อ 1 ส.ค. ว่าความพยายามของสหรัฐฯ ในการเข้าควบคุมซัพพลายแร่หายากจากเมียนมาอาจไม่สำเร็จ เนื่องจากอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ การพึ่งพาจีนของผู้มีอำนาจท้องถิ่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม และข้อจำกัดด้านการปฏิบัติตามกฎการเงิน
ภาพรวมสะท้อนว่า “สงครามเงา” แห่งแร่แรร์เอิร์ธในเมียนมา ไม่เพียงเป็นเกมอำนาจระหว่างกองกำลังภายในประเทศ แต่ยังเชื่อมโยงกับการชิงอิทธิพลระหว่างสองมหาอำนาจ จีน–สหรัฐฯ บนสมรภูมิทรัพยากรที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกแห่งหนึ่ง
แร่แรร์เอิร์ธ คือ
แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth Elements: REE) คือ กลุ่มธาตุโลหะ 17 ชนิด ในตารางธาตุ ซึ่งมีคุณสมบัติทางแม่เหล็ก แสง และไฟฟ้าที่โดดเด่น ใช้กันอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง
ประกอบด้วย
- กลุ่มแลนทาไนด์ (Lanthanides) 15 ธาตุ เช่น แลนทานัม (La), นีโอไดเมียม (Nd), เทอร์เบียม (Tb)
- ธาตุอื่นที่เกี่ยวข้อง อีก 2 ธาตุ คือ สแกนเดียม (Sc) และอิตเทรียม (Y)
คุณสมบัติเด่น
-
ทำให้แม่เหล็กมีพลังสูงขึ้น (ใช้ในมอเตอร์รถ EV, กังหันลม)
-
ช่วยสร้างสีและความสว่างในจอภาพหรือหลอดไฟ
-
ทนความร้อนและการสึกหรอ เหมาะกับงานอากาศยานและอาวุธ
การใช้งานหลัก
- สมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่
- ระบบอาวุธและเรดาร์
- พลังงานหมุนเวียน เช่น กังหันลม
- เทคโนโลยีไฮเทคอื่น ๆ เช่น แผงโซลาร์เซลล์ และเลเซอร์
เหตุผลที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและการเมืองโลก
แม้จะไม่ได้หายากมากในธรรมชาติ แต่การสกัดและแยกธาตุทำได้ยากและต้นทุนสูง ทำให้ประเทศที่ควบคุมเหมืองและกระบวนการผลิตได้ จะมีอำนาจต่อรองสูงในตลาดโลก เช่น จีนซึ่งผลิตและแปรรูปได้มากกว่า 70% ของโลก
ฐกะฉิ่น (Kachin State)
ฐกะฉิ่น (Kachin State) เป็นหนึ่งในรัฐทางตอนเหนือของเมียนมา มีพรมแดนติดกับประเทศจีนและอินเดีย เมืองหลวงคือ มิตจีนา (Myitkyina) และเป็นพื้นที่ภูเขาสูง อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แรร์เอิร์ธ (Rare Earths), ทองคำ, หยก, และไม้สัก
ลักษณะสำคัญของรัฐกะฉิ่น
-
พื้นที่และภูมิประเทศ: เป็นพื้นที่ภูเขาสูง มีแม่น้ำสำคัญอย่างแม่น้ำอิระวดีตอนต้น
-
ประชากร: ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะฉิ่น (Kachin) ซึ่งส่วนมากนับถือศาสนาคริสต์โปรเตสแตนต์และคาทอลิก
-
การเมืองและความขัดแย้ง: มีกลุ่มติดอาวุธคือ กองทัพเอกราชกะฉิ่น (Kachin Independence Army – KIA) ที่ต่อสู้กับรัฐบาลเมียนมาเพื่อปกป้องสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์
-
เศรษฐกิจ: รายได้หลักมาจากการทำเหมือง (โดยเฉพาะหยกและแรร์เอิร์ธ) การตัดไม้ และการค้าชายแดนกับจีน
-
ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์: พื้นที่ติดชายแดนจีน ทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญต่อการค้า การลำเลียงสินค้า และการเข้าถึงทรัพยากร