Mazda EZ-60 จะขายไทยไหม? หลังจากการเปิดตัวของซีดานไฟฟ้าใหม่ เร็วๆนี้

Mazda EZ-60 จะขายไทยไหม? หลังจากการเปิดตัวของซีดานไฟฟ้าใหม่ เร็วๆนี้
Spread the love
Advertisement Advertisement

 

Advertisement Advertisement

Mazda EZ-60 จะขายไทยไหม? “SUV ไฟฟ้าตัวแรงจากแดนมังกร กับความหวังใหม่ของ Mazda ในไทย”

หลายคนที่ติดตามข่าวรถยนต์น่าจะเคยได้ยินชื่อ Mazda EZ-60 กันมาบ้าง รถรุ่นนี้เพิ่งเปิดตัวในจีนเมื่อปี 2025 และสร้างกระแสไม่น้อย เพราะมันคือ SUV พลังงานไฟฟ้าที่ Mazda ทำขึ้นมาจริงจังเป็นครั้งแรกในตลาดใหญ่ที่สุดของโลก (จีน)

แต่คำถามที่แฟน Mazda ไทยอยากรู้คือ — “แล้วมันจะเข้ามาขายในไทยหรือไม่?” เพราะปัจจุบันตลาดไทยก็กำลังเปิดรับ EV เต็มที่ และคู่แข่งจีนก็ลงสนามกันเกือบทุกรายแล้ว

Mazda EZ-60 คืออะไร?

EZ-60 เป็น SUV ขนาดกลาง ที่ Mazda ทำร่วมกับพันธมิตรในจีน โดยใช้แพลตฟอร์มสำหรับรถพลังงานใหม่ (NEV) สามารถเลือกได้ทั้ง

  • BEV (Battery Electric Vehicle) ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน

  • REEV (Range Extender EV) มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กไว้สร้างไฟฟ้า ป้อนเข้าแบตเตอรี่ เพื่อขยายระยะทาง

ไฮไลต์ที่สำคัญ

  • ดีไซน์ภายนอกสไตล์ Mazda ยุคใหม่ ไฟหน้าเพรียวคม เส้นสายสะอาดเรียบ

  • ภายในทันสมัย จอใหญ่ เบาะกว้าง ใช้โทนเรียบหรู

  • วิ่งไฟฟ้าล้วนได้หลายร้อยกิโลเมตร (เวอร์ชันจีน CLTC มากกว่า 600 กม.)

  • มีเทคโนโลยีช่วยขับขี่เต็มพิกัด เช่น ระบบช่วยเลน, เรดาร์ครูซคอนโทรล

ทำไม EZ-60 ถึงสำคัญ?

  • เป็น EV SUV รุ่นแรกของ Mazda ที่ผลิตขายจริงในวงกว้าง

    • ก่อนหน้านี้ Mazda มีแค่ MX-30 แต่เน้นยุโรป ญี่ปุ่น ไทยไม่เอาเข้ามา

    • EZ-60 ถือเป็น “ก้าวแรกที่จริงจัง” ของ Mazda ในการสู้กับ BYD, Neta, Aion

  • เจาะตลาดจีนซึ่งเป็นตลาด EV ใหญ่ที่สุดในโลก

    • ถ้ารอดในจีนได้ ก็มีสิทธิขยายไปตลาดอื่น รวมถึงไทย

  • เปิดทางไปสู่การทำ CKD หรือการประกอบในอาเซียน

    • Mazda ประกาศลงทุนกว่า 5 พันล้านบาทในไทย ตามมาตรการส่งเสริม HEV/MHEV ที่บอร์ดอีวีเห็นชอบ หนุนไทยฐานผลิตรถยนต์ B-SUV ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

    • ทำให้มีความหวังว่าโมเดลที่ใกล้เคียงกับ EZ-60 อาจเกิดในไทย

ปัจจัยสนับสนุน

  • รัฐบาลไทยอัดนโยบาย EV เต็มที่ ทั้งลดภาษี, ให้เงินอุดหนุน, สร้างสถานีชาร์จ

  • Mazda Thailand ประกาศแล้ว ว่าจะมีรถ EV ลงไทยในปี 2025–2026

  • ชื่อรุ่น CX-6e (ที่มาจาก EZ-6 ซีดาน และ EZ-60 SUV) ถูกพูดถึงว่าจะเป็นโมเดลนำเข้าไทย

ปัจจัยเสี่ยง

  • ต้นทุนและภาษี ถ้านำเข้าจากจีนโดยตรง ราคาจะสู้ BYD, Neta, MG ยาก

  • กลยุทธ์แบรนด์ Mazda ยังยึดภาพรถสปอร์ตขับสนุก ไม่ใช่เน้น EV ประหยัด

  • คู่แข่งล้นตลาด ไทยมี EV SUV เต็มไปหมด ทั้ง BYD Seal U, GAC Aion Y, Neta X, MG4 XPower ฯลฯ

ความเป็นไปได้ : EZ-60 จะมาไทยไหม?

  • ถ้า นำเข้าทั้งคัน (CBU) → ราคาอาจพุ่งสูงเกิน 1.2–1.5 ล้านบาท ทำให้แข่งกับจีนยาก

  • ถ้า ทำ CKD (ประกอบในไทย) → โอกาสสูงมากที่จะคุ้มค่า และ Mazda เองก็ลงทุนโรงงาน xEV ที่ไทยแล้ว

  • แต่ Mazda อาจ ใช้ชื่อ CX-6e แทน EZ-60 เพื่อทำการตลาดระดับโลก


มาสด้า EZ-60 เปิดตัวในจีนอย่างเป็นทางการ ในประเทศจีน

วันที่ 26 กันยายน 2025 มาสด้าได้เปิดตัว Mazda EZ-60 SUV พลังงานใหม่ ขนาดกลาง (Mid-size SUV) อย่างเป็นทางการในประเทศจีน โดยใช้ แพลตฟอร์ม EPA ของ Changan

  • เปิดตัวทั้งหมด 6 รุ่นย่อย
  • ราคาอยู่ที่ 119,900 – 160,900 หยวน (ประมาณ 5.40 – 7.25 แสนบาท เมื่อแปลงเป็นค่าเงินไทย)
  • มีให้เลือกทั้ง รุ่นพลังงานไฟฟ้าล้วน (BEV) และ รุ่นเพิ่มระยะทางแบบ EREV (Range Extender EV)

ราคาจำหน่าย (จีน)

  • 增程200 Air → 119,900 หยวน (≈ 540,000 บาท)

  • 增程200 Air+ → 134,900 หยวน (≈ 608,000 บาท)

  • 增程200 Pro → 144,900 หยวน (≈ 658,000 บาท)

  • 增程200 Max → 154,900 หยวน (≈ 598,000 บาท)

  • 纯电600 Pro → 150,900 หยวน (≈ 680,000 บาท)

  • 纯电600 Max → 160,900 หยวน (≈ 725,000 บาท)

ขุมพลังและสมรรถนะ

รุ่น EREV (เพิ่มระยะทาง)

  • เครื่องยนต์ขยายระยะ: 1.5 ลิตร
  • กำลังสูงสุดเครื่องยนต์: 70 kW (≈95 PS)
  • แรงบิดสูงสุดเครื่องยนต์: 123 N·m
  • กำลังสูงสุดมอเตอร์: 170 kW (≈231 PS)
  • แรงบิดสูงสุดมอเตอร์: 310 N·m
  • กำลังรวมสูงสุด: 170 kW (≈231 PS)
  • ความจุแบตเตอรี่: 28.4 kWh
  • การใช้ไฟฟ้า CLTC: 14.4 kWh/100 กม.
  • ระยะทางวิ่งไฟฟ้าล้วน CLTC: 200 กม.

รุ่น BEV (ไฟฟ้าล้วน)

  • กำลังสูงสุดมอเตอร์: 190 kW (≈258 PS)
  • แรงบิดสูงสุดมอเตอร์: 290 N·m
  • ความจุแบตเตอรี่ LFP 77.94 kWh 
  • ระยะทางวิ่งไฟฟ้าล้วน CLTC: 600 กม. 
  • เวลาชาร์จเร็ว (30% → 80%): 15 นาที

ระบบช่วงล่าง / เบรก

  • กันสะเทือนหน้า: อิสระ แม็คเฟอร์สัน
  • กันสะเทือนหลัง: อิสระ มัลติลิงค์
  • เบรกหน้า/หลัง: ดิสก์
  • ระบบขับเคลื่อน: 2WD

ขนาดตัวถัง

  • ความยาว: 4,850 มม.
  • ความกว้าง: 1,935 มม.
  • ความสูง: 1,620 มม.
  • ระยะฐานล้อ: 2,902 มม.
  • ล้ออัลลอย: 19 นิ้ว และ 21 นิ้ว

ดีไซน์และภายนอก

  • ยังคง ภาษาการออกแบบ KODO – Soul of Motion ของ Mazda แต่ปรับโฉมให้ทันสมัยขึ้นสำหรับรถไฟฟ้า
  • ด้านหน้ามี กระจังหน้าแบบปิด (Closed Grille) ดูล้ำสมัย สอดคล้องกับรถ EV
  • ไฟ DRL แบบเส้นโค้งล้อมโลโก้ ให้ความรู้สึก futuristic และโลโก้ Mazda เรืองแสงได้
  • ใช้ ไฟหน้าแบบแยกชิ้น (Split Headlight Design) โดยไฟหลักอยู่ตำแหน่งช่องดักลมด้านข้าง
  • เส้นตัวถังเน้น ความโฉบเฉี่ยวและลู่ลม สไตล์สปอร์ต
  • มือจับประตูแบบซ่อน (Pop-out Handle) ช่วยลดแรงเสียดทานลม
  • กระจกมองข้างแบบกล้องดิจิทัล (บางรุ่น) เพิ่มความล้ำ
  • ซุ้มล้อและชายล่างประตูใช้วัสดุ สีดำเงา เพิ่มความแข็งแรงและสปอร์ต
  • ขนาดล้อให้เลือก 19 นิ้ว และ 21 นิ้ว ตามรุ่นย่อย
  • ดีไซน์เรียบหรู แต่เน้น ไฟท้าย LED แบบเส้นยาว ให้ความรู้สึกกว้าง
  • ฝากระโปรงท้ายติดตั้ง สปอยเลอร์หลังคา + ไฟเบรก LED
  • กันชนล่างตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เพิ่มความดุดัน
  • มี พาโนรามิกซันรูฟ (เฉพาะรุ่นสูง) เพิ่มความโปร่งสบายภายใน
  • มาพร้อม ราวหลังคา รองรับการใช้งานจริง เช่น ติดตั้งกล่องสัมภาระหรือจักรยาน
  • มีให้เลือก 7 สีหลัก (ตามข้อมูลการเปิดตัว)
  • รวม 2 สีพิเศษเฉพาะรุ่น เพื่อความแตกต่าง

การออกแบบภายในห้องโดยสาร

  • เน้น ความมินิมอล + ไฮเทค ตามสไตล์รถไฟฟ้า
  • ใช้เส้นสายเรียบง่าย วัสดุหรูผสมผสานความสปอร์ต
  • โทนสีภายใน มีทั้งแบบดำเข้ม และแบบทูโทน (แล้วแต่รุ่นย่อย)
  • หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัล Full LCD ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงข้อมูลครบ เช่น ความเร็ว พลังงาน การทำงานของมอเตอร์–เครื่องยนต์
  • จอกลางมัลติมีเดียขนาด 14.6 นิ้ว แบบลอย (Floating Screen) ควบคุมระบบความบันเทิง, การนำทาง, และฟังก์ชัน EV
  • รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
  • มี ระบบสั่งงานด้วยเสียง AI
  • เบาะหุ้ม หนังสังเคราะห์คุณภาพสูง
  • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  • เบาะผู้โดยสารหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
  • เบาะหลังพับได้แบบ 4/6 เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
  • งานเย็บตะเข็บเน้นความพรีเมียม
  • พวงมาลัย มัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง
  • ปุ่มควบคุมระบบเสียง, จอ และระบบช่วยขับครบในพวงมาลัย
  • ดีไซน์ทรงสปอร์ตแบบ 3 ก้าน
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกซ้าย–ขวา (Dual Zone)
  • ช่องแอร์ผู้โดยสารด้านหลัง
  • ระบบ กรองอากาศ PM2.5
  • ระบบ ฟอกอากาศ + ฆ่าเชื้อ UV
  • หลังคา พาโนรามิกซันรูฟ (รุ่นสูง) ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่ง
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกซ้าย–ขวา (Dual Zone)
  • ช่องแอร์ผู้โดยสารด้านหลัง
  • ระบบ กรองอากาศ PM2.5
  • ระบบ ฟอกอากาศ + ฆ่าเชื้อ UV
  • หลังคา พาโนรามิกซันรูฟ (รุ่นสูง) ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่ง

ระบบความปลอดภัย

  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (Front Airbags)
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า (Side Airbags)
  • ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) ครอบคลุมทั้งแถวหน้า–หลัง
  • ESC (Electronic Stability Control) – ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
  • TCS (Traction Control System) – ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
  • ABS + EBD + BA – ระบบเบรก ABS, กระจายแรงเบรก, เสริมแรงเบรก
  • HSA (Hill Start Assist) – ช่วยออกตัวบนทางชัน
  • HDC (Hill Descent Control) – ช่วยควบคุมความเร็วลงทางลาดชัน
  • TPMS (Tire Pressure Monitoring System) – ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
  • ระบบเตือนออกนอกเลน (LDW)
  • ระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LKA)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
  • ระบบตรวจจับคนเดินถนน และจักรยาน/มอเตอร์ไซค์
  • ระบบช่วยขับในสภาพการจราจรติดขัด (TJA – Traffic Jam Assist)
  • ระบบตรวจสอบจุดบอด (BSD – Blind Spot Detection)
  • ระบบเตือนการจราจรด้านหลัง (RCTA – Rear Cross Traffic Alert)
  • กล้องรอบคัน 360° + เซนเซอร์รอบคัน
  • ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ
  • ระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Key)
  • ระบบกันขโมย + Immobilizer
  • ระบบโทรฉุกเฉิน e-Call

ระบบช่วยขับขี่ (บางรายการขึ้นกับรุ่นย่อย)

  • ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW)

  • ระบบเบรกอัตโนมัติ (AEB)

  • ระบบเตือนออกนอกเลน (LDW)

  • ระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LKA)

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน (ACC)

  • ระบบตรวจจับคนเดินถนน + จักรยาน

  • ระบบช่วยขับในสภาพการจราจรติดขัด (TJA)

  • กล้องรอบคัน 360°

  • เซนเซอร์หน้า–หลัง

  • ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ

  • ระบบตรวจสอบจุดบอด (BSD)

  • ระบบเตือนรถตัดผ่านด้านหลัง (RCTA)

carnewschina

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้