รวมภาพคันจริง NEW TOYOTA RAV4 เจนที่ 6 ในสหรัฐฯ เครดิตภาพ Autogefühl HEV (Hybrid) และ PHEV (Plug-in Hybrid)

รวมภาพคันจริง NEW TOYOTA RAV4 เจนที่ 6 ในสหรัฐฯ เครดิตภาพ  Autogefühl HEV (Hybrid) และ PHEV (Plug-in Hybrid)
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

สรุป Toyota RAV4 2026 (Gen 6) – เปิดตัวใหม่ในอเมริกา

ขุมพลัง:

  • ไม่มีรุ่นเบนซินอีกต่อไป

  • มีเฉพาะ HEV (Hybrid) และ PHEV (Plug-in Hybrid)

  • PHEV ใหม่ 320 แรงม้า, วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 80 กม. EPA

  • HEV ใหม่ 236 แรงม้า (AWD), 226 แรงม้า (FWD – มีครั้งแรก)

รุ่นย่อย/ดีไซน์หลัก 3 แบบ:

  1. Core (LE, XLE, Limited) – หรู ทันสมัย

  2. Rugged (Woodland) – ยาง All-Terrain, ยกสูง, สายลุย

  3. Sport (SE, XSE, GR SPORT) – สไตล์ GR, ช่วงล่าง GR, PHEV เท่านั้น

ไฮไลต์:

  • GR SPORT เปิดตัวครั้งแรกในอเมริกา

  • Woodland มีทั้ง HEV/PHEV + AWD + ชาร์จเร็ว

  • จอใหญ่สุด 12.9 นิ้ว + จอดิจิทัล 12.3 นิ้ว (ทุกรุ่น)

  • ระบบใหม่ Arene OS + Toyota Safety Sense 4.0

  • ลากจูงได้สูงสุด 3,500 ปอนด์ (เฉพาะบางรุ่น AWD)

สีใหม่:

  • Urban Rock (เฉพาะ Woodland), Meteor Shower, Everest ฯลฯ

  • ตัวเลือกหลังคาทูโทนใหม่ (XSE, GR SPORT)


จุดเริ่มต้นของ RAV4

RAV4 เริ่มต้นขึ้นในปี 1994 ซึ่งในขณะนั้น SUV ยังเป็นรถแนวลุยทางฝุ่น (off-road) โตโยต้าได้บุกเบิกแนวคิด “ครอสโอเวอร์ SUV” ที่ผสมผสานความสามารถในการขับทั้งในเมืองและทางลุย จนกลายเป็นที่รักไปทั่วโลก โดยตลอด 5 เจเนอเรชัน RAV4 ได้ปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่มาโดยตลอด

ในปี 2019 เจเนอเรชันที่ 5 ได้ถือกำเนิดขึ้น บนแนวคิด “Robust Accurate Vehicle with 4 Wheel Drive” โดยใช้แพลตฟอร์ม TNGA ที่เน้นความแข็งแกร่ง ความเสถียร และการขับขี่ที่มั่นใจบนทุกสภาพถนน

แนวคิดหลักของ RAV4 เจเนอเรชันที่ 6

“Life is an Adventure”

มุ่งสู่การเป็นรถที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์แอคทีฟในทุกเส้นทาง ผสานสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะใช้งานง่าย ตัวรถพัฒนาไปอีกขั้นด้วยระบบ Hybrid เจเนอเรชันใหม่ ที่ตอบสนองเร็วและให้อัตราเร่งดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่นำแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ Arene ซึ่งพัฒนาโดย Woven by Toyota มาใช้ในรถยนต์ เพิ่มความปลอดภัย ความมั่นใจ และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบ ทั้งในเมืองและการผจญภัยกลางแจ้ง

โตโยต้าวางแผนจำหน่าย RAV4 ใหม่ในกว่า 180 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก

รายละเอียดเด่นของ RAV4 ใหม่

ระบบขับเคลื่อน (Powertrain)

PHEV (Plug-in Hybrid)

  • ใช้แบตเตอรี่ความจุสูงและเครื่องชาร์จพลังสูง ทำงานร่วมกับระบบ Hybrid เจเนอเรชัน 6
  • ระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (BEV mode) เพิ่มขึ้นเป็น 150 กม. จากเดิม 95 กม.
  • ใช้สารกึ่งตัวนำแบบซิลิคอนคาร์ไบด์ในชุดขับหน้า ช่วยลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ
  • มอเตอร์มีพละกำลังเพิ่มขึ้น 12% ให้ความสามารถแบบ off-road ที่มั่นใจ
  • รองรับการจ่ายไฟกลับบ้าน (V2H)
  • รองรับระบบชาร์จเร็ว DC – ชาร์จถึง 80% ได้ในราว 30 นาที

HEV (Hybrid)

  • พัฒนามอเตอร์, ชุดควบคุม, แบตเตอรี่ และเกียร์ขับเคลื่อนใหม่
  • ให้การเร่งออกตัวนุ่มนวลแต่ตอบสนองไว เพิ่มอรรถรสในการขับขี่

ขายเฉพาะระบบไฟฟ้า 100%: HEV และ PHEV เท่านั้น

Toyota North America เปิดตัว All-new RAV4 2026 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2025 โดยรุ่นใหม่เจเนอเรชันที่ 6 จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สไตล์การออกแบบใหม่ ได้แก่:

  • Core (ทันสมัย สไตล์เรียบหรู)
  • Sport (เน้นสมรรถนะ สนุกเร้าใจ)
  • Rugged (สายลุยพร้อมลุยทุกเส้นทาง)

รวมเป็น 7 รุ่นย่อย พร้อมการกลับมาแบบปรับโฉมใหม่ของ Woodland Grade และเปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐฯ กับ RAV4 GR SPORT!

รุ่นนี้จะมีเฉพาะ ขุมพลังไฮบริด (HEV) และ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เท่านั้น ไม่ทำรุ่นเบนซินล้วนอีกต่อไป!


✅ ไฮไลต์สำคัญ

  • RAV4 GR SPORT ครั้งแรกของรุ่นนี้ในอเมริกา พัฒนาร่วมกับ Toyota GAZOO Racing ทั้งดีไซน์และการเซ็ตช่วงล่าง พร้อมขุมพลัง PHEV ขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • Woodland Grade (สายลุย) ปรับโฉมใหม่ มีให้เลือกทั้ง HEV/PHEV พร้อมยาง All-Terrain, ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ, ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้น และกันชนหน้าดีไซน์แยกชัดเจน
  • ขุมพลัง PHEV ใหม่เจเนอเรชันที่ 6 ให้กำลังรวมสูงสุด 320 แรงม้า วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึง 50 ไมล์ (ประมาณ 80 กม.) เพิ่มขึ้นจากเดิม 42 ไมล์
  • ขุมพลัง HEV เจเนอเรชันที่ 5 กำลังรวมเพิ่มเป็น 236 แรงม้า (AWD) และ 226 แรงม้า (FWD) รุ่น FWD มีให้เลือกครั้งแรก
  • ใช้แพลตฟอร์มใหม่ Arene (พัฒนาโดย Woven by Toyota) รองรับระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 4.0 และระบบมัลติมีเดียใหม่
  • เริ่มขายในสหรัฐฯ ปลายปี 2025

มิติตัวรถ:

  • ความยาว: 180.9 นิ้ว ≈ 4,595 มม.
  • ความกว้าง: 73.0 นิ้ว ≈ 1,854 มม.
  • ความสูง: 67.0 นิ้ว ≈ 1,702 มม.
  • ระยะฐานล้อ: 105.9 นิ้ว ≈ 2,690 มม.

รายละเอียดเชิงเทคนิค

HEV (Hybrid):

  • เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 4 สูบ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า
  • ระบบไฮบริดเจเนอเรชัน 5
  • AWD: 236 แรงม้า / FWD: 226 แรงม้า (เพิ่มขึ้นจาก 203 แรงม้าในรุ่นเก่า)

PHEV (Plug-in Hybrid):

  • เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ + แบตเตอรี่ความจุสูง
  • แรงม้ารวม 320 แรงม้า (เพิ่มจากเดิม 302 แรงม้า)
  • วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 50 ไมล์ (ประมาณ 80 กม.)
  • ระบบชาร์จเร็ว DC fast charging (XSE, Woodland)
  • ชาร์จบ้านเร็วขึ้นด้วย AC Onboard Charger 11 kW
  • พอร์ตชาร์จ CCS (XSE, Woodland) / J1772 (SE, GR SPORT)

สมรรถนะ

  • AWD รุ่นย่อย XLE, Woodland, SE, XSE, Limited (HEV/PHEV) รับน้ำหนักลากจูงสูงสุด 3,500 ปอนด์ (ประมาณ 1,588 กก.)
  • รุ่น FWD และ AWD LE รับได้ 793 กก.

รุ่นย่อยที่มีให้เลือก

Core Design

  • รุ่น LE, XLE, Limited
  • กระจังหน้าสีตัวถัง + ไฟหน้า Hammerhead Design
  • ล้อ 17, 18 หรือ 20 นิ้ว (แล้วแต่รุ่น)

Rugged Design

  • เฉพาะรุ่น Woodland
  • ชุดแต่งลุย + ยาง All-Terrain
  • คานหลังรองรับอุปกรณ์ขนาด 1¼ นิ้ว
  • หลังคาพร้อมราวและคานขวาง

Sport Design

  • รุ่น SE, XSE, GR SPORT
  • ล้อ 20 นิ้ว (เฉพาะ GR SPORT มี Off-set กว้างขึ้น)
  • ระบบช่วงล่าง GR Tuned + พวงมาลัยสปอร์ต
  • เฉพาะ GR SPORT ใช้ระบบ PHEV + ขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น

เกรด GR SPORT

รุ่น GR SPORT นำความรู้จากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตมาใช้ในการออกแบบที่เน้น “ความงามเชิงฟังก์ชัน” พร้อมการปรับแต่งระบบกันสะเทือนและความแข็งแรงของตัวถังให้ดีขึ้น ส่งผลให้ได้รถที่ให้ความมั่นใจในการขับขี่บนถนนหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นถนนในเมือง ทางหลวง หรือทางโค้งในชนบท พร้อมมอบความสนุกในการขับขี่อย่างแท้จริง

  • ดีไซน์ด้านหน้าติดตั้งกระจังหน้า *Functional MATRIX Grille รุ่นพัฒนาใหม่
  • ติดตั้งสปอยเลอร์หน้า–หลัง และล้อดีไซน์พิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์และเสถียรภาพในการควบคุม
  • มอบการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยการเพิ่มความกว้างของช่วงล้อ (+20 มม.) พร้อมระบบกันสะเทือนและพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) ที่จูนมาเฉพาะรุ่นนี้ รวมถึงล้ออะลูมิเนียมน้ำหนักเบา

ดีไซน์ที่สะท้อนตัวตน “RAV4-ness”

ภายนอก

  • 3 แนวทางหลัก:

    • Big Foot: ยางขนาดใหญ่
    • Life-up: เสริมความรู้สึกแบบลุย
    • Utility: พื้นที่ใช้งานสะดวกสบาย
  • ทำให้ RAV4 ดูพร้อมไปได้ทุกที่

เทคโนโลยีภายใน

  • การออกแบบตามหลัก “Island Architecture” แยกฟังก์ชันหลักเป็นเกาะๆ เพื่อลดการละสายตา
  • หน้าจอสัมผัส 10.5 นิ้ว หรือ 12.9 นิ้ว (แล้วแต่รุ่น)
  • จอผู้ขับ 12.3 นิ้ว Digital Cluster (มาตรฐานทุกเกรด)
  • ระบบ Head-Up Display (เฉพาะ Limited HEV, XSE PHEV)
  • ลำโพง 6 ตัว (มาตรฐาน) / JBL Premium 9 ตัว (แล้วแต่รุ่น)
  • ระบบสั่งงานด้วยเสียงรุ่นใหม่ / รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย / เชื่อมต่อ Bluetooth สองเครื่องพร้อมกันได้
  • ระบบปรับอากาศแบบสัมผัสใต้จอ / คอนโซลกลางใหม่พร้อมเกียร์ไฟฟ้า Shift-by-Wire
  • แผงหน้าปัดต่ำลง 40 มม. ช่วยให้มองเห็นภายนอกได้ดีขึ้น
  • พื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้น – ความจุจาก 733L เป็น 749L และเบาะหลังพับราบมากขึ้น

สีภายนอกและห้องโดยสาร

สีตัวถังใหม่:

  • Urban Rock (เฉพาะ Woodland)
  • Meteor Shower, Everest, Storm Cloud (สีใหม่)
  • Ice Cap, Wind Chill Pearl, Ruby Flare Pearl ฯลฯ (สีเดิมยังอยู่)

สีหลังคาทูโทน:

  • Meteor Shower + หลังคาดำ (XSE)
  • Supersonic Red + หลังคาดำ (GR SPORT)

ภายใน:

  • ผ้าธรรมดา / SofTex / BRIN•NAUB Microsuede (แล้วแต่รุ่น)
  • สี Mineral (ใหม่ – เฉพาะ Woodland)
  • GR SPORT มีตรา GR บนหมอนรองศีรษะ, พวงมาลัย, แป้นเหยียบอะลูมิเนียม, Paddle Shift

ซอฟต์แวร์ & ความปลอดภัย

  • ระบบ Arene OS ใช้ครั้งแรกบน RAV4 (พัฒนาโดย Woven by Toyota)
    • Toyota Arene OS คือ แพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์ (Operating System) สำหรับรถยนต์ยุคใหม่ของ Toyota ซึ่งพัฒนาโดย Woven by Toyota (บริษัทย่อยด้านเทคโนโลยีของ Toyota) มีเป้าหมายเพื่อทำให้รถยนต์กลายเป็น “Smart Device on Wheels” อย่างแท้จริง
      • Modular และ Open Platform ออกแบบให้สามารถอัปเดต ฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้แบบ Over-the-Air (OTA)
      • รองรับการเชื่อมต่อหลายระบบ เชื่อมโยงระบบความปลอดภัย (เช่น TSS), ระบบขับเคลื่อน, ระบบบันเทิง
      • รองรับการขับขี่อัตโนมัติ ทำงานร่วมกับระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving) และ Advanced Driver Assist Systems (ADAS)
      • User Experience แบบ “รถคือมือถือเครื่องใหญ่” ปรับการตั้งค่ารถให้ตรงกับผู้ขับได้ เช่น โปรไฟล์ส่วนตัว, เสียง, จอ, อุณหภูมิ ฯลฯ
  • ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 4.0 (เปิดตัวครั้งแรกบน RAV4 2026)
  • พัฒนาการตรวจจับใหม่, การประมวลผลเร็วขึ้น

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Toyota SAFETY SENSE 4.0 (TSS 4.0)

1. Pre-Collision System with Pedestrian Detection (PCS) ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า พร้อมตรวจจับคนเดินถนนและจักรยาน

  • ตรวจจับรถ คนเดินเท้า คนขี่จักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์
  • ช่วยเบรกอัตโนมัติในกรณีผู้ขับไม่ตอบสนองทัน

2. Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control (DRCC) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชันติดตามรถคันหน้า

  • ทำงานตั้งแต่รถหยุดนิ่งจนถึงความเร็วสูง
  • เพิ่มฟังก์ชันการเข้าโค้งให้ลื่นไหลมากขึ้น

3. Lane Departure Alert with Steering Assist (LDA) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน พร้อมหน่วงพวงมาลัยกลับ

  • ใช้กล้องตรวจจับเส้นจราจร
  • มีระบบช่วยประคองพวงมาลัยเมื่อเบี่ยงออกโดยไม่ตั้งใจ

4. Lane Tracing Assist (LTA) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลนอัตโนมัติ

  • ใช้ร่วมกับ DRCC เพื่อขับแบบ “กึ่งอัตโนมัติ” บนทางด่วน/ถนนโล่ง

5. Road Sign Assist (RSA) อ่านป้ายจราจรอัตโนมัติ เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว ป้ายหยุด

  • แสดงผลบนหน้าจอเรือนไมล์ เพื่อเตือนผู้ขับ

6. Automatic High Beams (AHB) ปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ

  • ตรวจจับรถสวนและรถคันหน้า
  • ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์กลางคืนโดยไม่รบกวนผู้อื่น

7. Proactive Driving Assist (PDA) (ใหม่ใน TSS 4.0) ระบบช่วยลดความเสี่ยงล่วงหน้าในสถานการณ์ทั่วไป

  • ลดความเร็วขณะเข้าโค้งหรือเข้าใกล้รถ/คนเดินถนนอย่างนุ่มนวล
  • เหมือน “ผู้ช่วยขับ” ที่คอยเตือนและชะลอให้ปลอดภัย

8. Emergency Driving Stop System (EDSS) (ใหม่ใน TSS 4.0) ระบบหยุดรถอัตโนมัติเมื่อผู้ขับไม่ตอบสนอง (เช่นหมดสติ)

  • จะส่งเสียงเตือน สั่นพวงมาลัย
  • หากยังไม่ตอบสนอง ระบบจะชะลอและหยุดรถ พร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน

เทคโนโลยีเบื้องหลัง:

  • กล้องมุมกว้าง (wide-angle monocular camera)
  • เรดาร์เวฟมิลลิเมตร (millimeter-wave radar)
  • ประสิทธิภาพสูงขึ้นแม้กลางคืนหรือสภาพอากาศไม่ดี

️ การรับประกัน

  • ตัวรถใหม่: 3 ปี หรือ 58,000 กม.ไมล์
  • ระบบขับเคลื่อน: 5 ปี หรือ 96,561 กม.
  • ระบบไฮบริด: 8 ปี หรือ 160,000 กม.
  • แบตเตอรี่ไฮบริด: 10 ปี หรือ 241,400 กม.(โอนเจ้าของได้)
  • ToyotaCare: บำรุงรักษาฟรี 2 ปี หรือ 40,234 กม. + บริการฉุกเฉิน 2 ปี (ไม่จำกัดระยะทาง)

กำหนดวางขาย: ปลายปี 2025 (สหรัฐฯ) ราคา: จะประกาศใกล้วันจำหน่ายจริง

 

 

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้