“เหมืองเดียวสะเทือนโลก! ราคาลิเทียมทรุด–หุ้นผู้ผลิตดิ่ง หลัง CATL เดินเครื่องเหมืองอี้ชุน”

ราคาลิเทียมและหุ้นผู้ผลิตจีนร่วงหนัก หลังมีรายงานว่า CATL เตรียมกลับมาเดินเครื่องเหมืองอี้ชุน
ตลาดลิเทียมทั่วโลกเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อมีรายงานว่าบริษัท CATL (Contemporary Amperex Technology Co., Limited) ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก เตรียมกลับมาเดินเครื่องเหมือง Jianxiawo เจี้ยน-เซี่ย-วอ ที่เมืองอี้ชุน มณฑลเจียงซี ประเทศจีน หลังจากที่ต้องหยุดการผลิตไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2025 เนื่องจากใบอนุญาตการทำเหมืองหมดอายุ
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาลิเทียมในตลาดโลกและหุ้นของผู้ผลิตรายใหญ่ทั้งในจีน ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างรุนแรง เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลเรื่อง อุปทานล้นตลาด หลังจากก่อนหน้านี้ ราคาลิเทียมเพิ่งพุ่งสูงขึ้นเพราะความกังวลเรื่องการขาดแคลนจากการปิดเหมือง
ความเป็นมาของเหตุการณ์
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2025 CATL ประกาศหยุดการผลิตที่เหมือง Jianxiawo ชั่วคราว หลังใบอนุญาตการทำเหมืองสิ้นสุดลง การหยุดการผลิตดังกล่าวมีนัยสำคัญ เพราะเหมืองแห่งนี้มีกำลังการผลิตลิเทียมคาร์บอเนตประมาณ 46,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็นราว 3% ของกำลังการผลิตลิเทียมทั่วโลก
การหยุดเหมืองเพียงแห่งเดียวทำให้ราคาลิเทียมพุ่งขึ้นทันที นักลงทุนมองว่าอุปทานหายไปจากตลาด ส่งผลให้หุ้นของบริษัทเหมืองและผู้ผลิตลิเทียมรายใหญ่อย่าง Albemarle (สหรัฐฯ), SQM (ชิลี), Pilbara Minerals (ออสเตรเลีย) รวมถึงบริษัทในจีนเอง ต่างพุ่งขึ้นต่อเนื่องในช่วงกลางเดือนสิงหาคม
แต่สถานการณ์กลับพลิกผันอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 สื่อจีนรายงานว่า CATL ได้รับสัญญาณบวกในการต่ออายุใบอนุญาต และเตรียมกลับมาเดินเครื่องการผลิตที่เหมือง Jianxiawo ในเร็ว ๆ นี้ ข่าวนี้เพียงข่าวเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ราคาลิเทียมและหุ้นผู้ผลิตดิ่งลงทันที
ผลกระทบต่อตลาดโลก
1. ราคาลิเทียมผันผวนอย่างหนัก
ในช่วงที่มีข่าวการปิดเหมือง ราคาลิเทียมฟิวเจอร์สในตลาดโลกเคยพุ่งขึ้นกว่า 20% ภายในเวลาไม่กี่วัน นักลงทุนเก็งกำไรเพราะเชื่อว่าจะเกิดภาวะขาดแคลน แต่เมื่อข่าวการกลับมาเปิดเหมืองถูกเผยแพร่ ราคาก็ร่วงลงแรง ลบล้างกำไรที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงสั้น ๆ
2. หุ้นผู้ผลิตลิเทียมร่วงหนักทั่วโลก
-
Albemarle (สหรัฐฯ): หุ้นร่วงกว่า 11% ในการซื้อขายที่นิวยอร์ก
Advertisement Advertisement -
SQM (ชิลี): ร่วงลงเกือบ –8.8%
-
เหมืองในออสเตรเลีย เช่น Pilbara Minerals, Liontown Resources, IGO: ร่วงหนัก 13–17%
-
ผู้ผลิตจีน เองก็ไม่รอด ราคาหุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการสกัดและผลิตลิเทียมร่วงตามกันถ้วนหน้า
3. มูลค่าตลาดหายไปหลายพันล้านดอลลาร์
เพียงการเคลื่อนไหวในวันเดียว นักลงทุนในออสเตรเลียขาดทุนรวมกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 168,007 ล้านบาท ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ และยุโรปก็สูญเสียมูลค่าตลาดไปมหาศาลเช่นกัน เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าตลาดลิเทียมยัง อ่อนไหวและเปราะบาง ต่อข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับอุปทานเป็นอย่างยิ่ง
บทเรียนจากกรณี CATL
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง ความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) ของตลาดลิเทียม ที่ยังไม่ใหญ่พอจะรองรับความผันผวนของอุปสงค์และอุปทาน การหยุดหรือเดินเครื่องเหมืองเพียงแห่งเดียวซึ่งมีสัดส่วนไม่ถึง 5% ของกำลังการผลิตโลก ก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมให้ราคาทั่วโลกสวิงแรงได้
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายชี้ว่า ตลาดลิเทียมยัง ขาดสภาพคล่อง และยังไม่มีกลไกการกระจายความเสี่ยงที่เพียงพอ ทำให้ราคามีความผันผวนสูงกว่าสินค้าโภคภัณฑ์หลักอื่น ๆ เช่น น้ำมันหรือทองแดง
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
แม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกอาจดีใจกับราคาลิเทียมที่ลดลง เพราะช่วยลดต้นทุนแบตเตอรี่ แต่ความผันผวนเช่นนี้กลับสร้างความไม่แน่นอนในการวางแผนต้นทุนระยะยาว ผู้ผลิตหลายรายจึงต้องเร่งทำ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (long-term contracts) เพื่อประกันความเสถียรด้านราคา
ในอีกด้านหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของ CATL ยังสะท้อนบทบาทของจีนในฐานะ ผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดของห่วงโซ่อุปทานลิเทียมโลก การตัดสินใจเพียงเล็กน้อยของบริษัทในจีนสามารถกระทบตลาดทั้งโลกได้ทันที
ผลกระทบต่อไทยและอาเซียน
สำหรับประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน แม้จะไม่ได้มีเหมืองลิเทียมเป็นของตนเอง แต่ก็ได้รับผลกระทบโดยอ้อม เนื่องจากไทยกำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนของ BYD, GWM หรือ NETA การผันผวนของราคาลิเทียมย่อมกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการวางแผนเชิงกลยุทธ์
รัฐบาลไทยเองได้ออกมาตรการสนับสนุน EV ผ่านโครงการ EV 3.5 และมาตรการภาษีที่เกี่ยวข้อง แต่การพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศโดยเฉพาะจีน ย่อมหมายถึงความเสี่ยงจากปัจจัยนอกประเทศที่ควบคุมไม่ได้
Lithium prices, China producer shares sink on reports of CATL mine restart – Nikkei Asia