ปี 2024 จีนส่งออกรถยนต์ 5.85 ล้านคันเพิ่มขึ้น 19% ขึ้นอันดับ 1 ของโลก แซงหน้าญี่ปุ่น

รายงานเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ตามรายงานของ Nikkei (日本经济新闻) การส่งออกรถยนต์ของจีนครองอันดับหนึ่งของโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยในปี 2024 จีนส่งออกรถยนต์ไปทั้งหมด 5.85 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 19% จากปี 2023 ขณะที่ญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในอันดับที่สอง มีการส่งออกลดลง 5% โดยอยู่ที่ 4.21 ล้านคัน นับเป็นการขยายช่องว่างระหว่างจีนและญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่จีนแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกเป็นครั้งแรกในปี 2023
จีนครองอันดับ 1 ในการส่งออกรถยนต์ทั่วโลก 2 ปีซ้อน ทิ้งห่างญี่ปุ่นมากขึ้น
สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น (JAMA – 日本汽车工业协会) ได้เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 31 มกราคม เกี่ยวกับปริมาณการส่งออกรถยนต์ของญี่ปุ่นในปี 2024 (มกราคม – ธันวาคม) พบว่าปริมาณการส่งออกของญี่ปุ่นลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี โดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งคิดเป็น 90% ของการส่งออกทั้งหมด ลดลง 4% เหลือเพียง 3.81 ล้านคัน
การส่งออกไปยังตลาดสำคัญอย่าง อเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ลดลง 7% เหลือเพียง 1.6 ล้านคัน โดยมีปัจจัยสำคัญคือยอดขายของ Nissan ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
Nissan เผชิญปัญหายอดขายตกต่ำ
Nissan ส่งออกรถ SUV รุ่น Rogue จากโรงงานในจังหวัดฟุกุโอกะไปยังอเมริกาเหนือ แต่กลับประสบปัญหาสินค้าคงคลังล้นตลาด ทำให้ยอดขายชะลอตัว นอกจากนี้ Nissan ยังต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากรถยนต์ไฮบริด (HV) ของ Toyota และ Honda ซึ่งได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จีนส่งออกรถทะลุ 5 ล้านคันเป็นครั้งแรก
ในขณะเดียวกัน จีนสามารถส่งออกรถยนต์ทะลุ 5 ล้านคัน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และสร้างสถิติสูงสุดใหม่ ในขณะที่ญี่ปุ่นไม่สามารถทำยอดส่งออกเกิน 5 ล้านคัน ได้อีกเลยตั้งแต่ปี 2008 โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีปริมาณการส่งออกรถยนต์เฉลี่ยอยู่ที่ 4 ล้านคัน และยังคงทรงตัว เนื่องจากมีการย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศมากขึ้น
ในทางตรงกันข้าม จีนยังคงเร่งขยายตลาดด้วยการส่งออกรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ใช้น้ำมันในราคาถูก คาดการณ์ว่าในปี 2025 ช่องว่างระหว่างจีนและญี่ปุ่นจะยิ่งขยายมากขึ้นไปอีก
BYD เซินเจิ้น เรือบรรทุกรถยนต์ที่ใหญ่สุดในโลก ความจุ 9,200 คัน ออกเดินทางแล้ว