Advertisement

Advertisement

เผยการออกแบบภายใน Foxtron Model B โดยสำนักดีไซน์ Pininfarina จากอิตาลี

เผยการออกแบบภายใน Foxtron Model B โดยสำนักดีไซน์ Pininfarina จากอิตาลี

Advertisement

Advertisement

วันที่ 1 ธันวาคม 2022 pininfarina_official ผู้รับผิดชอบการออกแบบของรถยนต์ Foxtron พวกเขาได้ปล่อยภาพการออกแบบ Model B แสดงให้เห็นการออกแบบภายในห้องโดยสารที่งดงาม และ หรูหราโด่ดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาด 15.6 นิ้ว ขนาดใหญ่ หน้าปัดดิจิตอลขนาดเล็กใต้เสา A ทั้งสองข้าง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Foxtron model B concept car คู่แข่งโดยตรงของ NETA U , BYD ATTO 3 เปิดตัวในวันที่ 18 ตุลาคม 2022 ในงาน Hon Hai tech day 2022 ภายใต้แพลตฟอร์ม MID platform

  • Foxconn มีชื่อบริษัทว่า Hon Hai Precision Industry Co., Ltd. ใช้ชื่อในตลาดหลักทรัพย์ว่า Foxconn เป็นบริษัทข้ามชาติ ผู้ผลิตและรับผลิตอุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Tucheng, New Taipei, ในประเทศไต้หวัน (Taiwan) จัดเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเลคโทรนิกส์ และรวมถึง Circuit boards ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Foxtron model B ได้รับการออกแบบโดย Pininfarina Design Studio จากอิตาลี ซึ่งมีผลงานการออกแบบมากมายให้แบรนด์รถยนต์หลายรุ่น และสำหรับ Pininfarina จะเป็นค่ายที่ออกแบบรถยนต์หลักๆให้กับแบรนด์ Foxtron อย่างเป็นทางการ

Advertisement

Advertisement

Model B พัฒนาบนแพลตฟอร์มเดียวกับ Model C รูปลักษณ์ใหม่รวมถึงการออกแบบการผัน S-DUCT ม่านปรับแสง D-pillars และแนวหลังคาตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดยรวมทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานลมที่ 0.26Cd.

Model B ขนาดตัวถัง

  • ยาว 4300 มม.
  • กว้าง 1865 มม.
  • สูง 1530 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2800 มม.

Model B ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 230 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.6 วินาที สามารถวิ่งได้ 450 กม./ชาร์จ

Yang-Wei Liu ซีอีโอของ Foxconn ยืนยันว่าการพัฒนา Model E จะเปิดจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 ที่ไทเป ประเทศไต้หวัน ตั้งแต่ปี 2023 Foxtron กล่าวว่าจะเริ่มสร้างรถยนต์ที่โรงงานแห่งหนึ่งในรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ในปี 2024

  • Yang-Wei Liu บอกกับนักข่าวในเดือนสิงหาคมว่า โรงงานในสหรัฐฯ ได้รับการออกแบบสำหรับกำลังการผลิตรถยนต์สูงสุด 500,000 คันต่อปี

จุดเด่นของ MIH

หากเรียงตามลำดับ โมเดล B จะกลายเป็นรุ่นเล็กสุดของ MIH Platform รองจากโมเดล C โดยลักษณะการออกแบบจะเน้นเป็นแบบครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ราคาไม่แพง ซึ่งสามารถแข่งขันกับ NETA U ได้แบบสบายๆ

  • มอเตอร์ขนาด 95 kW, 150 kW และ 200 kW สำหรับเพลาหน้า และ 150 kW, 200 kW, 240 kW และ 340 kW สำหรับเพลาหลัง
  • ฐานล้อปรับขนาดความยาวระหว่าง 2.75 – 3.10 เมตรได้ แทร็คที่ปรับความกว้างจาก 1.59 เมตร ถึง 1.70 เมตร ส่วนความสูงถึงใต้้ท้องรถ อยู่ที่ 12.6 เซนติเมตร ถึง 21.1 เซนติเมตร
  • สามารถเลือกระบบขับเคลื่อนได้หลากหลายทั้ง ล้อหน้า / ล้อหลัง / สี่ล้อ
  • รองรับแบตเตอรี่ที่หลากหลายรวมทั้ง Solid State
  • ตัวถังใช้ระบบ mega cast ที่ใช้ชิ้นสวนน้อยที่สุด
  • รองรับ 5G และ 6G ในอนาคต พร้อมระบบซอฟต์แวร์อัพเดทแบบ OTA และระบบเชื่อมต่อแบบ V2X (vehicle-to-anything)

Jack Cheng อธิบายว่าพวกเขาจะเสนอบริการประเภทต่างๆ ให้กับลูกค้า (B2B) เขาเสนอวิธีแก้ปัญหาสามวิธีและเรียก โดยแบ่งเป็น “100%”, “80%” และ “50%”

ความร่วมมือระดับ 100% หมายความว่า Foxconn จะผลิตรถยนต์ทั้งคัน ซึ่งสตาร์ทอัพ EV สามารถขายภายใต้แบรนด์ของตนได้

ความร่วมมือระดับ 80% หมายความว่า ลูกค้าจะออกแบบเองและให้ Foxconn เป็นผู้ผลิต

ความร่วมมือระดับ 50% หมายถึง Foxconn จะอนุญาต และ ขายแพลตฟอร์ม MIH เพื่อนำไปต่อยอด และพัฒนารถยนต์ของแบรนด์ต้นเอง

Foxconn ยังสัญญาว่าจะเปิดตัวแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่ผลิตร่วมกับ CATL (Ningde) และ SES (Massachusetts Solid Energy) ในปี 2567

 

 

 

 

 

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย Pininfarina (@pininfarina_official)

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้