TOYOTA เปิดตัวกระบะ HILUX ไฮบริด 48V ในยุโรป พร้อมกระบะไฟฟ้า
Toyota Hilux รุ่นใหม่เจเนอเรชันที่ 9 “ยกเครื่องทั้งระบบ สู่ยุคกระบะหลายพลังงาน – Hybrid 48V, BEV, และ Hydrogen”
จุดเริ่มต้นแห่งยุคใหม่ของตำนาน “Hilux”
กว่า 55 ปีที่ Toyota Hilux เป็นชื่อที่ synonymous กับคำว่า “อึด ทน ถึก” ตั้งแต่รุ่น N10 ปี 1968 จนถึงรุ่นปัจจุบันที่ขายไปทั่วโลกกว่า 20 ล้านคัน Toyota ไม่เคยหยุดพัฒนา — และในปี 2025–2026 นี้คือก้าวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Hilux
All-New Hilux (Gen 9) ถูกพัฒนาโดยศูนย์กลาง Toyota Technical Center Thailand (TTCT) เป็นรถกระบะเจเนอเรชันแรกที่ถูกออกแบบให้ “ยืดหยุ่นทางพลังงาน (Multi-path)” รองรับได้ทั้งระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ, ไฮบริด, ดีเซล, เบนซิน และแม้กระทั่ง “ไฮโดรเจนฟิวเซล”
“Multipath Strategy” – กลยุทธ์รถกระบะยุคเปลี่ยนผ่านของ Toyota
Toyota มองว่าโลกไม่สามารถแก้ปัญหาคาร์บอนด้วย “ทางเดียว” จึงใช้แนวคิด Multipath — ให้ลูกค้าเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับภูมิภาคและการใช้งานจริง
| ภูมิภาค | ขุมพลังหลัก | หมายเหตุ |
|---|---|---|
| ยุโรปตะวันตก | BEV + Hybrid 48V | เน้นตลาด Fleet และความยั่งยืน |
| ยุโรปตะวันออก | Diesel 2.8 / Petrol 2.7 | คงความทนทานและราคาคุ้มค่า |
| เอเชีย / ไทย | คาดว่าใช้แนวเดียวกับ Hybrid 48V และ BEV | (ขึ้นกับโครงการ EV3.5) |
| อนาคต (ปี 2028) | Hydrogen FCEV | ต้นแบบพลังงานสะอาดไร้มลพิษ |
Toyota จึงไม่ได้มอง “Hilux BEV” เป็นการแทนที่ดีเซลโดยตรง แต่เป็น “ทางเลือกใหม่” ที่เสริมให้ Hilux ครอบคลุมทุกความต้องการของโลก
ดีไซน์ใหม่ “Tough & Agile”
แรงบันดาลใจจาก Land Cruiser DNA ดีไซน์ภายนอกของ Hilux รุ่นที่ 9 ถูกสร้างขึ้นบนแนวคิด “Tough and Agile” หรือ “แข็งแกร่งแต่คล่องตัว” ให้ความรู้สึกพรีเมียมขึ้นอย่างชัดเจน
-
ด้านหน้า: กระจังหน้าแนวราบใหม่ พร้อมแถบคาดโลโก้ TOYOTA ตัวพิมพ์ใหญ่
-
ไฟหน้า: เรียวบางพร้อมไฟ Daytime แบบ Signature Line
-
กระบะท้าย: เพิ่ม “บันไดท้าย” เพื่อความสะดวกเวลาใช้งานจริง
-
บันไดข้าง: ลาย Hexagonal Grip ป้องกันลื่น
-
ล้ออัลลอยใหม่ 18 นิ้ว ดีไซน์เฉพาะรุ่น BEV
Hilux รุ่นใหม่นี้มีเพียง ตัวถัง Double Cab (4 ประตู) เพื่อเน้นตลาดหลักระดับโลก ภายในได้รับแรงบันดาลใจจาก Land Cruiser Prado / LC250 เน้นความ “หรูแต่ใช้งานได้จริง”
-
หน้าจอคู่ 12.3 นิ้ว (Full Digital + Touchscreen)
-
พวงมาลัยดีไซน์ใหม่
-
คันเกียร์ไฟฟ้าแบบ Shift-by-Wire (เฉพาะรุ่น BEV)
-
พอร์ตชาร์จ / Wireless Charger ครบทั้งหน้า–หลัง
-
ระบบเชื่อมต่อ MyToyota App สำหรับ Fleet Management
ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า EPS ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Hilux
Toyota ยืนยันว่า Hilux เจเนอเรชันที่ 9 เป็นรุ่นแรกที่ใช้ พวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Steering) ข้อดีคือ
-
น้ำหนักเบา ปรับตามความเร็ว
-
ลดแรงสะท้อนจากพื้นขรุขระ
-
ควบคุมแม่นยำขึ้นเวลาออฟโรด
(รุ่นยุโรปตะวันออกยังคงระบบไฮดรอลิกแบบเดิมเพื่อความทนทาน)
ระบบความปลอดภัย “Toyota T-Mate” รุ่นใหม่
Hilux รุ่นใหม่ได้ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบจาก Toyota Safety Sense รุ่นล่าสุด รวมถึงฟังก์ชันใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถกระบะ
-
Low Speed Acceleration Suppression: ป้องกันเหยียบคันเร่งพลาดตอนจอด
-
Proactive Driving Assist: ควบคุมรถให้ปลอดภัยในสถานการณ์จราจร
-
Emergency Driving Stop System: หยุดรถอัตโนมัติเมื่อผู้ขับหมดสติ
-
Blind Spot Monitor / Safe Exit Assist / Driver Monitor Camera
-
Over-the-Air Updates (OTA): อัปเดตระบบความปลอดภัยผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องเข้าศูนย์
HILUX BEV (Battery Electric Vehicle) –จุดเริ่มต้นของยุคใหม่
“Invincible Goes Electric”
Hilux BEV ถือเป็นการ “แปลงร่างตำนาน” ครั้งสำคัญ
เป็นรถกระบะไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของ Toyota ที่ยังคง โครงสร้างแบบ Body-on-Frame
ซึ่งต่างจากรถไฟฟ้าทั่วไปที่ใช้โมโนค็อก
ข้อมูลเบื้องต้น
-
แบตเตอรี่: Lithium-ion 59.2 kWh
-
ขับเคลื่อน 4 ล้อถาวร (AWD) ด้วย eAxle หน้า–หลัง
-
แรงบิดรวม: 205 Nm (หน้า) + 268.6 Nm (หลัง)
-
ระยะทาง WLTP: ราว 240 กม.
-
บรรทุก: 715 กก.
-
ลากจูง: 1,600 กก.
-
ลุยน้ำ: เท่ากับรุ่นดีเซลปัจจุบัน
-
โหมด Multi-Terrain Select: ควบคุมแรงบิดเหมือน L4 ในรถเครื่องยนต์ดีเซล
กลุ่มเป้าหมาย
-
ลูกค้า Fleet, หน่วยงาน, ธุรกิจขนส่งเมือง
-
ต้องการรถไฟฟ้าที่ “ทนเหมือนดีเซล”
-
ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์

HILUX HYBRID 48V ทางเลือกยอดนิยมของยุโรป
Hilux Hybrid 48V จะกลายเป็นรุ่นขายหลักในยุโรป (เริ่มผลิต Spring 2026)
-
ใช้เครื่องยนต์ 2.8 ลิตรดีเซล พร้อมมอเตอร์ 48V
-
แบตเตอรี่ Li-ion 48V วางใต้เบาะหลัง
-
สมรรถนะนุ่มนวล เงียบขึ้น โดยเฉพาะตอนออกตัว
-
น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1 ตัน / ลากจูง 3.5 ตัน
-
ลุยน้ำได้ 700 มม.
-
ระบบช่วยลุย Multi-Terrain Select / Monitor / Panoramic View Monitor
นี่คือตัวอย่างของการพัฒนา “Hilux Hybrid” ที่ ยังคงความแกร่งของเครื่องดีเซล แต่เติมเทคโนโลยีไฟฟ้าเพื่อความประหยัดและสมูทกว่าเดิม
เครื่องยนต์สันดาป (ICE) ยังคงอยู่ ตอบโจทย์ตลาดตะวันออก
Toyota ยืนยันจะยังคงจำหน่าย Hilux เครื่องดีเซลและเบนซิน โดยจะเน้นที่ตลาดยุโรปตะวันออกและบางภูมิภาคเอเชีย
-
ดีเซล 2.8 ลิตร แทนที่ 2.4 ลิตรเดิม
-
เบนซิน 2.7 ลิตร เพื่อตอบโจทย์ตลาดที่ยังมีโครงสร้างภาษีและต้นทุนพลังงานแบบเดิม
HILUX HYDROGEN FUEL CELL – ยืนยันผลิตปี 2028
หลังจาก Toyota พัฒนาโปรโตไทป์ FCEV Hilux ในอังกฤษ วันนี้บริษัทได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า รุ่น Hydrogen Fuel Cell จะเข้าสู่สายการผลิตจริงในปี 2028
-
ใช้เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Stack) จาก Toyota Mirai
-
ปล่อยไอเสียเป็นเพียง “ไอน้ำ”
-
เป็นการต่อยอด Hilux ให้เป็นสัญลักษณ์ของ “Zero Emission Pick-up”
-
ช่วยขับเคลื่อนการสร้างระบบพลังงานไฮโดรเจนในยุโรป
กำหนดการวางตลาด
| รุ่น | กำหนดการเปิดตัว | หมายเหตุ |
|---|---|---|
| Hilux BEV | ธันวาคม 2025 | เปิดตลาดโลก เริ่มยุโรป |
| Hilux Hybrid 48V | ฤดูใบไม้ผลิ 2026 | รุ่นหลักขายยุโรป |
| Hilux FCEV Hydrogen | ปี 2028 | เปิดยุคใหม่พลังไฮโดรเจน |
วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ “Hilux จะไม่ใช่แค่กระบะอีกต่อไป”
Toyota ไม่ได้ต้องการให้ Hilux เป็นแค่ “รถกระบะ” อีกต่อไป แต่ให้เป็น สัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคคาร์บอนต่ำ (Carbon Neutral Mobility)
-
BEV = สำหรับเมืองใหญ่ / Fleet
-
Hybrid 48V = สำหรับตลาดผสม
-
Diesel = สำหรับภูมิภาคที่ต้องการแรงบิดและระยะทางไกล
-
Hydrogen = สำหรับอนาคตพลังสะอาด
นี่คือการทำให้ “Hilux” กลายเป็น แพลตฟอร์มพลังงานหลากมิติ (Energy-Adaptable Platform)
พร้อมสำหรับโลกที่กำลังเปลี่ยนไป

