เริ่มแล้ว! เปิดตัวจักรยานไฟฟ้าในจีน ล็อคความเร็วสูงสุด 25 กม./ชม. Ninebot Fz1 รถไฟฟ้ามาตรฐานใหม่

เปิดตัว Ninebot Fz1 รถไฟฟ้ามาตรฐานใหม่ “อัจฉริยะจริง” ราคาเริ่ม 2,999 หยวน (ประมาณ 13,290 บาท)
วันที่ 22 ธันวาคม สำนักข่าวจีนรายงานว่า เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ตามมาตรฐานแห่งชาติ (New National Standard) รุ่น Ninebot Fz1 อย่างเป็นทางการในประเทศจีน ชูจุดขาย “รถไฟฟ้าอัจฉริยะอย่างแท้จริง” พร้อมระบบ AI และฟังก์ชันความปลอดภัยครบครัน ล็อคความเร็วจากโรงงานสูงสุด 25 กม./ชม.
รถรุ่นนี้เปิดราคาจำหน่ายช่วงแนะนำที่ 2,999 หยวน หรือประมาณ 13,290 บาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน = 4.43 บาท) จากราคาปกติ 3,499 หยวน หรือราว 15,500 บาท โดยผู้ซื้อจะได้ส่วนลดทันที 500 หยวน และยังรองรับการผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% สูงสุด 24 เดือน
RideyFUN AI ระบบอัจฉริยะหัวใจหลักของ Ninebot Fz1
Ninebot Fz1 มาพร้อมระบบ RideyFUN AI Intelligent Driving System ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่รวมการควบคุม การแสดงผล และการสื่อสารของตัวรถไว้ในระบบเดียว โดยติดตั้งหน้าจอสีแบบ Full Lamination ขนาด 5 นิ้ว ให้ความคมชัดสูง สามารถปรับแต่งวอลเปเปอร์ หน้าจอแสดงผล และเสียงแจ้งเตือนได้ตามต้องการ
จุดเด่นสำคัญคือความสามารถในการอัปเดตซอฟต์แวร์ทั้งคันผ่านระบบ OTA (Over-the-Air) ทำให้ตัวรถสามารถเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ปรับปรุงระบบความปลอดภัย และยกระดับประสบการณ์ใช้งานได้ในระยะยาว ไม่ต่างจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่
ขุมพลังไฟฟ้า เน้นใช้งานจริงตามกฎหมาย
ด้านระบบขับเคลื่อน Ninebot Fz1 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าไร้แปรงถ่านขนาด 10 นิ้ว ที่พัฒนาเฉพาะโดย Ninebot ทำงานร่วมกับชุดควบคุมไฟฟ้า L40 Controller และแบตเตอรี่แบบตะกั่วกรด 48V 20Ah
ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 25 กม./ชม. ตามข้อกำหนดของรถไฟฟ้ามาตรฐานใหม่ในจีน เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองและชุมชน
ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ:
– ระยะทางตามทฤษฎีสูงสุด 70 กิโลเมตร
– ระยะทางใช้งานจริงประมาณ 56 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีระบบ RideyPOWER Smart Lead-Acid System ช่วยบริหารจัดการการชาร์จและการคายประจุของแบตเตอรี่ เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพในระยะยาว
ฟังก์ชันช่วยขับขี่ระดับสูงในรถไฟฟ้าขนาดเล็ก
แม้จะเป็นรถไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด แต่ Ninebot Fz1 ให้ฟังก์ชันช่วยขับขี่มาแบบจัดเต็ม ได้แก่
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาด (Hill Assist)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
- ระบบ TCS ควบคุมการลื่นไถล เพิ่มเสถียรภาพขณะถนนลื่น
- ระบบปลดล็อกอัจฉริยะ Inductive Unlock 3.0
- ระบบเชื่อมต่อและสตาร์ทรถ RideyGo 2.0
- ระบบตรวจจับการจอด Parking Sensor 2.0
ระบบความปลอดภัย เน้นกันขโมยและช่วยเหลือฉุกเฉิน
ด้านความปลอดภัย Ninebot Fz1 ติดตั้งระบบระบุตำแหน่งแบบสามชั้น ประกอบด้วย GPS + BeiDou + สถานีฐาน ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการติดตามตัวรถ พร้อมระบบกันขโมยด้วยเซนเซอร์ตรวจจับท่าทาง AHRS หากรถถูกเคลื่อนย้ายผิดปกติจะมีการแจ้งเตือนทันที
ยังมีระบบ SOS Emergency Call สำหรับขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน เพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และผู้ใช้งานในเมือง
ขนาดตัวรถ การออกแบบ และสีตัวถัง
ตัวรถมีขนาด 1,625 × 725 × 1,090 มม. รองรับผู้ขับขี่หลากหลายช่วงความสูง มาพร้อมเบาะหลังและพนักพิงหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เหมาะกับการใช้งานแบบซ้อนสอง
ไฟหน้าความสว่างสูง 1,000 cd ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืน โดยมีสีตัวถังให้เลือก 4 สี ได้แก่ เหลืองเลมอน, เทา Deep Space, ทอง Warm Gold และเขียว Bubble Green
พิเศษ: ผู้ที่ซื้อรถในช่วงเปิดตัวจะได้รับหมวกกันน็อกแถมฟรีจากโรงงาน
สรุป
Ninebot Fz1 ถือเป็นอีกก้าวของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาตรฐานใหม่ ที่ผสานความอัจฉริยะ ระบบช่วยขับขี่ และความปลอดภัยระดับสูงเข้าไว้ด้วยกัน ในราคาที่เข้าถึงง่าย เพียงประมาณ 13,000–15,000 บาท เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะใกล้ในเมือง
มาตรฐานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ คืออะไร?
ช่วงหลังเราจะเริ่มเห็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้าจากจีนหลายรุ่นที่ถูกตั้งค่า ล็อคความเร็วสูงสุดไม่เกิน 25 กม./ชม. ซึ่งไม่ได้ทำมาเพราะ “รถช้าลง” แต่เป็นผลจาก มาตรฐานความปลอดภัยและกฎหมายใหม่ ที่จีนเริ่มบังคับใช้อย่างจริงจัง
หัวใจของมาตรฐานใหม่นี้ คือการแยกรถไฟฟ้าออกเป็นกลุ่มใช้งานชัดเจน รถที่วิ่งไม่เกิน 25 กม./ชม. จะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ ใช้งานง่าย ไม่ต้องจดทะเบียน ไม่ต้องมีใบขับขี่ และสามารถใช้ในเขตชุมชนหรือเมืองได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
ทำไมต้องล็อคที่ 25 กม./ชม.?
เพราะเป็นความเร็วที่ภาครัฐมองว่า
-
ควบคุมได้ง่าย
-
ลดอุบัติเหตุรุนแรง
-
เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป เช่น นักเรียน คนทำงาน ผู้สูงอายุ
หากความเร็วสูงกว่านี้ จะต้องเข้าสู่มาตรฐานอีกระดับหนึ่ง ซึ่งต้องมี
-
การจดทะเบียน
-
ประกัน
-
อุปกรณ์ความปลอดภัยเพิ่ม
-
และข้อกำหนดด้านกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น
ผลที่ตามมา คืออะไร?
ผู้ผลิตรถไฟฟ้าจีนเริ่มปรับทิศทางชัดเจน แทนที่จะ “แข่งแรง แข่งเร็ว” กลับไปเน้น
-
ระบบอัจฉริยะ
-
ความปลอดภัย
-
ฟังก์ชันช่วยขับขี่
-
ระบบกันขโมย
-
และการใช้งานในชีวิตประจำวัน
รถไฟฟ้ารุ่นใหม่จึงอาจไม่เร็ว แต่ ขี่ง่าย ปลอดภัย และถูกกฎหมาย

