Advertisement

Advertisement

TESLA กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ คาดปี 2025 ลดต่ำกว่า 20%

TESLA กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ คาดปี 2025 ลดต่ำกว่า 20%

Advertisement

Advertisement

ตามรายงานของ เอส แอนด์ พี โกลบอล เผยว่า ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla กำลังหดตัวอย่างรุนแรง ปัจจุบันยังครอง 65% และ คาดว่าในปี 2025 ส่วนแบ่งตลาด EV ของ Tesla จะลดลงต่ำกว่า 20%

เรารู้ดีว่า Tesla ครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในโลกมากกว่าบริษัทอื่นๆ พวกเขาโด่ดเด่นมาตลอด และ รายงานฉบับใหม่ได้บอกใบ้ว่า ทำไมแบรนด์ดังอย่าง Tesla กำลังหดตัวอย่างรุนแรง

เมื่อสองปีที่แล้ว Tesla มีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกากว่า 79% ปัจจุบันเหลือ 65% และ จะต่ำลงเรื่อยๆ จากการศึกษาใหม่จาก S&P Global คาดว่า Tesla จะเหลือส่วนแบ่งไม่ถึง 20% ภายในปี 2025 เนื่องจากแรงกดดันรอบทิศทาง เพราะส่วนแบ่งตลาดอื่นๆ จะได้รับการกระจายไปยังแบรนด์สันดาป ที่เข้ามาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง FORD , KIA , GM , VW , Audi , Hyundai

ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ

  • Tesla: 65%
  • Ford: 7%
  • Kia: 5%
  • Chevrolet: 4%
  • Hyundai: 4%
  • Audi: 2%
  • Volkswagen: 2%
  • Rivian: 2%

ส่วนแบ่งในกลุ่ม Luxury EV

  • Tesla: 86%
  • Audi: 3%
  • Rivian: 2%
  • Polestar: 2%

ในแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ราคาไม่แพง Nonluxury EV

  • Ford: 28%
  • Kia: 19%
  • Chevrolet: 16%
  • Hyundai: 16%
  • Volkswagen: 8%
  • Nissan: 7%

ส่วนหนึ่งของปัญหาคือ Tesla ไม่ได้อยู่ในรถยนต์กระแสหลักอีกต่อไป เพราะผู้ซื้อมีทางเลือกที่หลากหลายมากกว่า รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกสุดของแบรนด์ Tesla Model 3 ก็มีราคาเริ่มต้นที่ 46,900 ดอลลาร์ หากเทียบกับแบรนด์ดั่งเดิมที่เข้ามาเล่นในตลาด ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Tesla มีราคาแพงกว่าด้วยซ้ำ

Ford, Kia, Hyundai, Chevrolet , Volkswagen และ Nissan ล้วนเสนอรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่ต่ำกว่า “S&P Global Mobility คาดการณ์ว่า จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากภายในปี 2025 ซึ่งเร็วกว่าที่เทสลาจะสามารถเพิ่มโรงงานได้ทัน

Advertisement

Advertisement

แม้ว่า Tesla มีแผนจะปรับโฉม Model 3 ยอดขายดีในปีหน้าโดยผลิตอย่างรวดเร็ว ด้วยเครื่อง Giga Press รวมทั้งการผลิต Cybertruck กระบะไฟฟ้าปลายปี และ Roadster ซึ่งมีราคาสูง แต่ทั้งหมด ต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆ

ไม่ได้หมายความว่า Tesla จะไม่ได้อยู่ในอันดับต้น ๆ แต่เบื้องต้นคาดการณ์ได้เลยว่า หลายแบรนด์กำลังจะเข้าแซงหน้า Tesla อย่างน้อยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และ ทุกแบรนด์ ต้องคิดหาวิธีที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้เพียงพอเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ในทางกลับกัน เทสลามีความพร้อมที่ดีกว่ามากในการใช้ประโยชน์จากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมกำลังการผลิตที่เหนือชั้นกว่า เพราะพวกเขามาก่อนใคร

Stephanie Brinley รองผู้อำนวยการ AutoIntelligence for S&P Global Mobility กล่าวว่า “Tesla เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ส่วนแบ่งตลาดจะลดลงไปเรื่อยๆ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2022 Tesla ยังคงเติบโต เพราะตอนนี้กำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ยังน้อย”

ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสหรัฐอเมริกา 9 เดือนแรกของปี 2022 มียอดจะทะเบียน 525,000 คัน ในส่วนนี้เป็นของ Tesla 340,000 คัน

สำหรับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดเมืองจีน ดูเหมือนว่า TESLA กำลังโดนท้าทายอย่างหนักหน่วงโดยแบรนด์ BYD แม้ว่าพวกเขาเรียกกลุ่มรถยนต์นี้ว่าพลังงานใหม่ NEV ซึ่งรวม ไฟฟ้าล้วน , ปลั๊กอินไฮบริด , เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน แต่ถึงอย่างนั้นยอดขายภาพรวมก็มากที่จะแข่งกับ Tesla ได้

  • NEV ย่อมาจาก New energy vehicles in China ใช้เรียกรถยนต์พลังงานใหม่ไฟฟ้า BEV ปลั๊กอินไฮบริด PHEV รวมทั้งเซลล์เชื้อเพลิง FCEV ในประเทศจีนโดยรัฐบาลจีน

สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน (CPCA) ได้ออกมาเผยแพร่ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ NEV รวมรถยนต์ไฟฟ้า BEV และ ปลั๊กอินไฮบริด PHEV ในประเทศจีน รวมกว่า 680,000 คัน ในเดือนตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา

16 ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ NEV ในจีน เดือนตุลาคม 2022

  • BYD : 217,518 คัน
  • Tesla China : 71,704 คัน
  • SAIC-GM Wuling : 52,086 คัน
  • Geely Auto : 40,000 คัน
  • Changan : 34,000 คัน
  • GAC AION : 30,063 คัน
  • SAIC Passenger Vehicle : 27,164 คัน
  • NETA : 18,016 คัน
  • Chery : 18,000 คัน
  • Dongfeng eGT : 13,616 คัน
  • Seres : 12,047 คัน
  • NIO : 10,059 คัน
  • Li Auto : 10,052 คัน
  • Great Wall Motor : 10,000 คัน
  • FAW-Volkswagen : 8,969 คัน
  • Leampmotor : 7,026 คัน

ยอดขายรถยนต์พลังใหม่ NEV ตุลาคม 2022 ในจีน รวม 680,000 คัน

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้