
.
Toyota CROWN ในสหรัฐอเมริกาเหมือนเวอร์ชั่นญี่ปุ่นทุกประการ มีให้เลือกทั้งเบนซินเทอร์โบ ไฮบริด 2.4T 349 แรงม้า และ เบนซิน+มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 2.5L 234 แรงม้า มีให้เลือก 3 เกรดได้แก่ XLE, Limited และ Platinum เคาะราคาจำหน่าย 39,950 – 52,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.50 – 1.99 ล้านบาท โดยจะเริ่มส่งมอบต้นปี 2023 เป็นต้นไป
Crown ใหม่พัฒนาภายใต้แพลตฟอร์ม TNGA-K เช่นเดียวกับ Camry, Highlander, RAV4 และ Venza ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สัน และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ที่พัฒนาขึ้นใหม่
เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตรเทอร์โบชาร์จ รหัส T24A-FTS Turbo Dual Boost Hybrid System ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 460 นิวตันเมตร ที่ 2,000-3,000 รอบ/นาที
2.5-liter Series Parallel Hybrid System เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัสA25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี. VVT-iE ให้กำลังสูงสุด 186 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,800–5,400 รอบ/นาที
ทุกรุ่นมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ออนดีมานด์ ซึ่งมีมอตเอร์ไฟฟ้าติดตั้งด้านหลัง ในรุ่น latinum มีระบบ E-Four Advanced AWD ที่มาพร้อมกำลังที่มากขึ้นส่งกำลังไปยังล้อหลังถึง 80%
Toyota Crown ภายนอกออกแบบโด่ดเด่นอย่างมาก กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ ไฟหน้าแบบ LED 4 ดวง เรียวยาว ตัวถังทูโทนหลังคาดำ ล้ออัลลอยมีให้เลือกหลากหลายตามรุ่น 19 – 21 นิ้ว ล้อแบบ 10 ก้านสีดำ
ขนาดตัวถัง
ภายในเน้นตกแต่งด้วยโลหะ WARM STEEL ให้สัมผัสที่พรีเมียมมากขึ้น ใช้หนังเทียม Softex สีดำตลอด ในรุ่น RS จะใช้หนังวัวแท้ พร้อมระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ ระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto พร้อม 4G Wi-Fi Crown การอัปเดตแบบ over-the-air หลังคาซันรูฟพาโนรามา จอแสดงผล HUD Head-up
Toyota Safety Sense 3.0 รุ่นล่าสุด เป็นอุปกรณ์พื้นฐานของทุกรุ่น