DNGA แพลตฟอร์มสำหรับตลาดเกิดใหม่ TOYOTA เน้นราคาประหยัด เข้าถึงได้ อนาคตจะเป็นอย่างไร ?

DNGA แพลตฟอร์มสำหรับตลาดเกิดใหม่ TOYOTA เน้นราคาประหยัด เข้าถึงได้ อนาคตจะเป็นอย่างไร ?
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

ในประเทศไทย รุ่น Toyota Yaris Cross ที่เปิดตัวในปี 2023 ใช้พื้นฐานจากแพลตฟอร์ม Daihatsu New Global Architecture (DNGA-B) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย Daihatsu ร่วมกับ Toyota เพื่อรองรับตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย

ในขณะที่รุ่น Yaris Cross ที่จำหน่ายในญี่ปุ่น ยุโรป และออสเตรเลีย ใช้แพลตฟอร์ม Toyota New Global Architecture (TNGA-B) ซึ่งมีขนาดและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น ความยาวที่สั้นกว่าและการออกแบบที่เหมาะสมกับตลาดเหล่านั้น

สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลหรือแผนการที่ชัดเจนเกี่ยวกับการนำรุ่น Yaris Cross ที่ใช้แพลตฟอร์ม TNGA มาจำหน่ายในอนาคต

ปัญหาของแพลตฟอร์ม DNGA-B (Daihatsu New Global Architecture – B Segment) ที่ใช้ในรถยนต์อย่าง Toyota Yaris Cross รุ่นที่ขายในไทยและอาเซียน มีข้อจำกัดและจุดอ่อนหลัก ๆ

  • คุณภาพงานประกอบและวัสดุบางจุด เนื่องจาก DNGA-B พัฒนาขึ้นเพื่อเน้นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) จึงมักใช้วัสดุและงานประกอบที่ค่อนข้างประหยัดต้นทุน ทำให้บางจุดอาจรู้สึกแข็งกระด้างกว่ารถที่ใช้แพลตฟอร์ม TNGA ของ Toyota แบบเต็มตัว

  • ความแข็งแรงและความทนทาน แพลตฟอร์ม DNGA-B ถูกออกแบบให้เบาและประหยัด แต่ในบางกรณีอาจมีความแข็งแรงโดยรวมไม่เทียบเท่า TNGA ที่มีการเสริมความแข็งแรงโครงสร้างมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยหรือความทนทานระยะยาวในบางสภาพถนนหรือการใช้งานหนัก

  • เทคโนโลยีและระบบรองรับ DNGA-B มีข้อจำกัดในเรื่องระบบรองรับ (ช่วงล่าง) และการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง หรือระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ซับซ้อนมากกว่าบน TNGA เนื่องจากความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์มต่ำกว่า

  • ประสิทธิภาพและการขับขี่ รถที่ใช้แพลตฟอร์ม DNGA-B มักถูกปรับเซ็ตมาเน้นความประหยัดและความคุ้มค่า ทำให้สมรรถนะโดยรวมในแง่การขับขี่และความนุ่มนวล อาจยังด้อยกว่าแพลตฟอร์ม TNGA ที่ออกแบบมาเน้นสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย

  • ข้อจำกัดในการพัฒนาเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง DNGA-B มีข้อจำกัดในการติดตั้งเครื่องยนต์หรือระบบส่งกำลังที่ใหญ่หรือซับซ้อนเกินไป ทำให้ไม่เหมาะกับการขยายรุ่นสู่เครื่องยนต์พลังสูง หรือระบบไฮบริดขั้นสูงแบบที่พบในรุ่น TNGA

อนาคตของแพลตฟอร์มนี้ ?

  • ยังคงเป็นแพลตฟอร์มหลักในตลาดเกิดใหม่ DNGA-B จะยังได้รับการพัฒนาและใช้งานต่อไปในรถยนต์กลุ่ม B-segment ที่เน้นราคาประหยัดในประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, อินเดีย ฯลฯ เพราะตอบโจทย์ความคุ้มค่าด้านต้นทุนการผลิตและราคาขาย

  • พัฒนาปรับปรุงเทคโนโลยีและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นต้นทุนต่ำ แต่ Daihatsu และ Toyota จะยังพัฒนาให้ DNGA-B รองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบความปลอดภัยเชิงรุก (ADAS) และระบบไฮบริดเบื้องต้น (แบบ e:Smart hybrid) เพื่อให้ทันยุคสมัยและตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ามากขึ้น

  • เน้นการใช้งานที่เหมาะสมกับภูมิภาคและสภาพถนนท้องถิ่น การออกแบบช่วงล่างและระบบกันสะเทือนจะยังคงพัฒนาเพื่อรองรับสภาพถนนที่แตกต่างในแต่ละภูมิภาค เช่น ถนนในเมืองหรือชนบทที่มีพื้นผิวไม่เรียบ เพื่อเพิ่มความทนทานและความสะดวกสบายให้มากขึ้น

  • ไม่เน้นการขยายสู่ตลาดพรีเมียมหรือเครื่องยนต์กำลังสูง แพลตฟอร์ม DNGA-B จะยังคงถูกจำกัดใช้ในรถยนต์ราคาประหยัดหรือระดับเริ่มต้นเท่านั้น ส่วนรถที่ต้องการสมรรถนะสูง ระบบไฮบริดขั้นสูง หรือความสะดวกสบายแบบพรีเมียม จะใช้แพลตฟอร์ม TNGA ที่ใหญ่และทันสมัยกว่าแทน

  • อาจมีการพัฒนาเวอร์ชันใหม่หรือขยับสู่แพลตฟอร์มที่ผสมผสานมากขึ้นในระยะยาว ในอนาคตอาจเห็นการผสมผสานเทคโนโลยีบางอย่างของ TNGA เข้าไปใน DNGA เพื่อเพิ่มขีดความสามารถโดยยังคงคอนเซ็ปต์ราคาประหยัดและน้ำหนักเบา

แพลตฟอร์ม DNGA (Daihatsu New Global Architecture) ปัจจุบันมีการแบ่งออกเป็นหลายแบบ ตามขนาดและกลุ่มรถที่รองรับ โดยหลัก ๆ แบ่งได้ประมาณนี้

1. DNGA-A

  • สำหรับรถขนาดเล็กที่สุดในกลุ่ม A-segment (ซิตี้คาร์/แฮตช์แบ็กขนาดเล็กมาก)
  • เน้นความประหยัดต้นทุนและน้ำหนักเบา
  • ตัวอย่าง: Daihatsu Ayla, Toyota Agya

2. DNGA-B

  • สำหรับรถกลุ่ม B-segment (รถขนาดเล็กถึงกลาง เช่น SUV เล็ก, ครอสโอเวอร์)
  • รองรับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่หลากหลายขึ้น
  • ตัวอย่าง: Toyota Yaris Cross (เวอร์ชันอาเซียน), Toyota Raize, Daihatsu Rocky, Perodua Ativa

3. DNGA-C (ในอนาคตหรือบางแหล่งข่าว)

  • มีข่าวและแนวโน้มว่าจะมีการพัฒนา DNGA ในขนาด C-segment สำหรับรถขนาดกลาง เช่น Sedan, SUV กลาง
  • ยังไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนหรือเปิดตัวแพลตฟอร์มนี้ในตลาดจริง แต่คาดว่าจะต่อยอดจาก DNGA-B เพื่อรองรับรถรุ่นใหญ่ขึ้น

TOYOTA YARIS CROSS HEV ไฮบริด ราคา 789,000 – 899,000 บาท ประหยัด 26.3 กม./ลิตร ฟรี ประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กม. ประกันแบตไฮบริด 10 ปี

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้