TOYOTA วางแผนเพิ่มสัดส่วน PHEV มากขึ้น 20% ภายในปี 2030 ปัจจุบันเน้น เปิดขายไฮบริด

TOYOTA วางแผนเพิ่มสัดส่วน PHEV มากขึ้น 20% ภายในปี 2030 ปัจจุบันเน้น เปิดขายไฮบริด
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

สรุปก่อนอ่าน

  • โตโยต้าไม่ทุ่มทั้งหมดกับรถไฟฟ้า (EV) แต่ขยายไลน์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) พร้อมเปิดตัว EV บางรุ่น
  • กลยุทธ์นี้ถูกต้อง เพราะการยอมรับ EV ยังช้ากว่าที่คาด ทำให้คู่แข่งต้องเลื่อนหรือยกเลิกแผน EV
  • โตโยต้าและเลกซัสมี PHEV แล้ว เช่น Prius, RAV4, RX, NX, และ TX
  • โตโยต้าวางแผนเพิ่มสัดส่วน PHEV ในสหรัฐฯ จาก 2.4% ในปัจจุบัน เป็นประมาณ 20% ภายในปี 2030
  • บริษัทเน้นเพิ่มระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวใน PHEV ให้มากขึ้น
  • รุ่น Grand Highlander เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับเวอร์ชัน PHEV ร่วมกับระบบของ Lexus TX 550h+
  • โตโยต้าเคยลดความเป็นไปได้ของ Grand Highlander PHEV เนื่องจากมั่นใจในตัวเลือกไฮบริดปัจจุบัน
  • ยอดขาย PHEV โตโยต้าและเลกซัสเพิ่มขึ้น 39% ในปีที่ผ่านมา
  • ยังมีช่องว่างเรื่องความเข้าใจของผู้บริโภคเกี่ยวกับไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด ที่ต้องเร่งให้ความรู้เพิ่ม
  • กลยุทธ์ของโตโยต้าคือเดินหน้าอย่างระมัดระวัง ใช้ไฮบริดและ PHEV เป็นสะพานสู่ยุค EV เต็มตัวในอนาคต

ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายต่างทุ่มเทเต็มที่กับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โตโยต้ายังคงไม่เร่งรีบที่จะใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียวกัน แต่เลือกที่จะขยายไลน์รถไฮบริด เปิดตัวรถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และแนะนำรถไฟฟ้า (EV) บางรุ่นแทน

โตโยต้าเคยถูกวิจารณ์อย่างหนักจากกลยุทธ์นี้ แต่กลยุทธ์ของพวกเขากลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เนื่องจากการยอมรับรถยนต์ไฟฟ้ากลับช้ากว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้คู่แข่งหลายรายต้องยกเลิกโครงการรถไฟฟ้าราคาแพง เลื่อนแผนการ และผลักดันแผนที่จะเป็นรถไฟฟ้า 100% ออกไป

ไม่แปลกใจเลยที่ก้าวต่อไปของโตโยต้าจะเป็นการขยายตลาดปลั๊กอินไฮบริด แต่บริษัทเองก็ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการ PHEV เพราะตอนนี้มีรุ่นปลั๊กอินไฮบริดของ Prius และ RAV4 อยู่แล้ว ส่วนฝั่งเลกซัสก็มี RX, NX และ TX แบบปลั๊กอินไฮบริด

เราน่าจะได้เห็นรุ่นใหม่ ๆ ตามมาอีกเร็ว ๆ นี้ เพราะผู้บริหารโตโยต้าฝั่งอเมริกาเหนือให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า “เราจะเพิ่มปริมาณ PHEV ในไลน์อัพของเราในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” โดย David Christ ยังเสริมว่า “เรากำลังทำงานเพื่อเพิ่มระยะทางที่ขับได้ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวอย่างต่อเนื่อง”

Christ ไม่ได้ระบุว่าจะมีรุ่นไหนบ้างที่จะเพิ่มตัวเลือกปลั๊กอินไฮบริด แต่บอกว่ากำลังพิจารณา “ในทุกไลน์อัพ” เขาเสริมว่า “มันขึ้นอยู่กับว่าจะผลิตได้ที่ไหน และผลิตภัณฑ์มีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างไร”

หนึ่งในรุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็น Toyota Grand Highlander เพราะมันสามารถใช้ชุดขับเคลื่อนเดียวกับ Lexus TX 550h+ ได้ โดยมีเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว และแบตเตอรี่ขนาด 18.1 kWh ซึ่งทำให้ครอสโอเวอร์คันนี้มีกำลังรวม 404 แรงม้า (301 กิโลวัตต์ / 410 แรงม้า) และวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลถึง 33 ไมล์ (53 กิโลเมตร)

แม้ว่าจะเป็นไอเดียที่สมเหตุสมผล แต่เจ้าหน้าที่โตโยต้าได้ลดความเป็นไปได้ของ Grand Highlander รุ่นปลั๊กอินไฮบริดลงเมื่อเราสอบถามในปี 2023 โดยระบุว่า บริษัท “มั่นใจ” กับตัวเลือกไฮบริดที่มีอยู่ 2 รุ่นแล้ว

ปลั๊กอินไฮบริดมีสัดส่วนเพียง 2.4% ของยอดขายโตโยต้าในสหรัฐฯ เมื่อปีที่ผ่านมา แต่รายงานอ้างแหล่งข่าววงในว่า โตโยต้าตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนนี้เป็นประมาณ 20% ภายในปี 2030 ซึ่งจะเป็นการกระโดดครั้งใหญ่ แต่เป้าหมายดังกล่าวยังไม่ตายตัวเพราะมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าของโตโยต้าและเลกซัสดูเหมือนจะเริ่มยอมรับปลั๊กอินไฮบริดมากขึ้น เพราะยอดขายปีที่แล้วเพิ่มขึ้นประมาณ 39% ซึ่งเป็นข่าวดี แต่ก็ยังมีช่องว่างเรื่องความเข้าใจของผู้บริโภคที่ต้องแก้ไข

นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ กับความพยายามของโตโยต้าในการเข้าสู่ระบบไฟฟ้า และในปี 2021 บริษัทได้บอกเราว่าการศึกษาพบว่า 75% ของผู้บริโภคคิดว่ารถไฮบริดต้องเสียบปลั๊ก ซึ่งในเวลานั้นเจ้าหน้าที่โตโยต้ายอมรับว่าสถิตินี้น่าหงุดหงิดมาก เพราะโตโยต้าเปิดตัว Prius มานานกว่า 20 ปีแล้ว

ยอดขาย HEV และ PHEV ของโตโยต้าในปี 2024

  • สหรัฐอเมริกา:

    • ยอดขาย HEV: โตโยต้าขายรถยนต์ไฮบริดได้มากกว่า 883,000 คันทั่วประเทศสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 56.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคิดเป็น 44.5% ของยอดขายรวมทั้งหมด
    • ยอดขาย PHEV: โตโยต้าขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดได้ 153,829 คันทั่วโลก เพิ่มขึ้น 23.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
  • ยุโรป:

    • ยอดขาย HEV และ PHEV: ยอดขายรวมของรถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดของโตโยต้าในยุโรปอยู่ที่ 1,128,948 คัน เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน

สัดส่วนยอดขาย HEV และ PHEV

  • สหรัฐอเมริกา:

    • HEV: คิดเป็น 35.6% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
    • PHEV: คิดเป็น 2.4% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
  • ยุโรป:

    • HEV: คิดเป็น 35.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
    • PHEV: คิดเป็น 7.6% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด

แนวโน้มในอนาคต

โตโยต้ามีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขาย PHEV จาก 2.4% ในปี 2024 เป็นประมาณ 20% ภายในปี 2030 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ปลั๊กอินไฮบริด

เทคโนโลยี THS II หัวใจสำคัญของ TOYOTA HEV , PHEV พัฒนาจนถึง RAV4 GEN6

 

Toyota Hybrid System II (THS II) ได้กลายเป็นหัวใจหลักของความสำเร็จในสายการผลิตไฮบริดของ Toyota และในปี 2025 นี้ ระบบดังกล่าวได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องใน RAV4 รุ่นที่หก ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

ประวัติความเป็นมาของ THS

จุดเริ่มต้น

  • ปี 1997 – Toyota เปิดตัว Prius รุ่นแรก พร้อม Toyota Hybrid System (THS) ระบบไฮบริดแบบซีรีส์-พาราเรลที่บุกเบิกตลาดรถไฮบริด
  • ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ NiMH

กำเนิด THS II

  • ปี 2003-2004 – Toyota เปิดตัว THS II พร้อมกับ Prius รุ่นที่สอง (XW20)
  • ปรับปรุงระบบใหม่หมด โดยเน้นความนุ่มนวล ประสิทธิภาพ และการตอบสนองที่ดีขึ้น
  • เพิ่มขนาดและแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า / พัฒนา planetary gearset ให้ขับเคลื่อนได้ต่อเนื่องและประหยัดกว่าเดิม

จุดต่างจาก THS รุ่นแรก:

  • ปรับปรุง เกียร์ดาวเคราะห์ (power split device) ให้ควบคุมกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ได้ดีกว่า
  • เพิ่ม แรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า
  • ลดการสูญเสียพลังงานจากการแปลง
  • ขับได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวที่ความเร็วต่ำ
  • ปรับปรุง การเบรกแบบ regenerative braking
  • ย้าย inverter & converter ไปรวมในชุดเดียว
ปี รุ่นรถหลัก พัฒนาการเด่น
2004 Prius Gen 2 เริ่มใช้ THS II
2009 Prius Gen 3 เพิ่มประสิทธิภาพ, แรงขึ้น
2016 Prius Gen 4 เปลี่ยนมาใช้ TNGA แพลตฟอร์ม, ลดน้ำหนัก
2019 RAV4 Hybrid เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร + มอเตอร์ที่แรงขึ้น
2025 RAV4 Hybrid/PHEV ระบบไฮบริด + ชาร์จเร็ว + Arene software

หลังจาก Prius เจน 2 ที่สร้างยอดขายระดับโลก THS II ถูกนำไปใช้ในรถหลายรุ่น เช่น

  • Toyota Camry Hybrid
  • Toyota Alphard Hybrid / PHEV
  • Toyota RAV4 Hybrid / PHEV
  • TOYOTA PRIUS HYBRID / PHEV
  • Lexus RX, ES, NX (ภายใต้ชื่อ Lexus Hybrid Drive)

โครงสร้างพื้นฐานของ THS II

1. เครื่องยนต์เบนซินแบบ Atkinson-Cycle

  • ใช้หลักการเลื่อนปิดวาล์วไอดีให้ช้าลง ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงกว่าระบบ Otto ทั่วไป
  • เช่น RAV4 Hybrid ใช้เครื่องยนต์รหัส A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงและแรงบิดที่เหมาะสม

2. มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (MG1 + MG2)

MG1 (Motor Generator 1)

  • ทำหน้าที่

    • สตาร์ทเครื่องยนต์
    • ปั่นไฟไปเก็บในแบตเตอรี่
    • ควบคุมรอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับความเร็วรถ
  • เชื่อมต่อกับ sun gear ของ planetary gearset

MG2 (Motor Generator 2)

  • ทำหน้าที่
    • ขับเคลื่อนล้อหน้าหรือหลัง (แล้วแต่ระบบ)
    • ช่วยเสริมแรงขับเมื่อเร่งแซง
    • รับแรงกลับจากการเบรก (regenerative braking)
  • เชื่อมกับ ล้อขับเคลื่อน โดยตรง

3. Planetary Gearset (Power Split Device)

  • หัวใจของระบบ THS II ทำหน้าที่เป็นตัว “แยก-รวมพลังงาน”

  • เชื่อมต่อ 3 องค์ประกอบ

    • เครื่องยนต์ (ไปที่ ring gear)
    • MG1 (ไปที่ sun gear)
    • MG2 + ล้อรถ (ไปที่ planet carrier)
  • ช่วยให้

    • รถขับเคลื่อนได้แม้เครื่องยนต์ยังไม่ติด
    • ปรับรอบเครื่องยนต์ได้อิสระจากความเร็วล้อ

4. Battery Pack + Inverter

  • แหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้า (เริ่มจาก NiMH, รุ่นใหม่เป็น Lithium-ion)
  • Inverter ทำหน้าที่:

    • แปลงไฟ DC/AC ระหว่างแบตเตอรี่ ↔ มอเตอร์
    • ควบคุมกระแสไฟตามสถานะการขับขี่

5. Hybrid Control Unit (HCU)

  • สมองกลหลักของระบบไฮบริด
  • คำนวณว่าจะใช้พลังงานจากไหน เมื่อไร อย่างไร เพื่อความประหยัดสูงสุด
  • ประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์, มอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่ และเบรก

6. ระบบเบรกแบบ Regenerative

  • แปลงพลังงานจลน์ (ตอนเบรกหรือผ่อนคันเร่ง) ให้เป็นไฟฟ้าเก็บกลับเข้าแบตเตอรี่
  • ลดการสึกหรอของเบรกจริง และเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จพลังงานขณะขับขี่

ปัจจุบัน THS II RAV4 Hybrid/PHEV ให้กำลังเท่าไหร่

ระบบ Hybrid (HEV) – RAV4 2.5L Hybrid

  • ประเภท: เบนซิน 2.5 ลิตร Dynamic Force
  • โครงสร้าง: 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
  • ระบบฉีดเชื้อเพลิง: D-4S (Direct + Port Injection)
  • กำลังเครื่องยนต์: 176 แรงม้า @ 5,300 rpm
  • อัตราส่วนกำลังอัด: 14.0:1
  •  มอเตอร์ไฟฟ้า
    • ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ผ่านระบบ THS II
    • แบตเตอรี่: NiMH หรือ Li-ion (ขึ้นกับตลาด)
  •  กำลังรวมทั้งระบบ
    • รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD): 226 แรงม้า
    • รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD): 236 แรงม้า
    • ระบบเกียร์: E-CVT (Electronically Controlled CVT)

ระบบ Plug-in Hybrid (PHEV) – RAV4 Prime

  • เครื่องยนต์ ประเภทเดียวกับ HEV: Dynamic Force 2.5 ลิตร, 176 แรงม้า
  •  มอเตอร์ไฟฟ้า
    • ใช้มอเตอร์คู่ หน้า–หลัง
    • พลังไฟฟ้ารวม: สูงกว่า HEV อย่างชัดเจน
  • กำลังรวมทั้งระบบ
    • กำลังรวม: 320 แรงม้า
    • ระบบขับเคลื่อน: AWD ด้วย Electronic On-Demand AWD
    • เกียร์: E-CVT
  • แบตเตอรี่และการชาร์จ
    • ชนิด: Lithium-ion
    • ความสามารถ:
      • AC 6.6 kW
      • DC Fast Charge 50 kW
      • ชาร์จ 30–80% ภายใน 30 นาที
  •  ระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน
    • 80 กม. (มาตรฐาน EPA)
    • 150 กม. (มาตรฐาน WLTC)

อนาคตของ Toyota Hybrid System II (THS II) และระบบไฮบริดจาก Toyota

ในยุคที่ยานยนต์ไฟฟ้ากำลังรุกคืบอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจสงสัยว่า “ระบบไฮบริดจะยังมีอนาคตหรือไม่?” โดยเฉพาะกับ Toyota ที่เป็นเจ้าพ่อไฮบริดตัวจริง บอกเลยว่า มี และไปต่อแน่นอน—แต่ในทิศทางที่ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น

1. จาก THS II → สู่ Multi-Stage และ Beyond

  • Multi-Stage Hybrid (เช่น Lexus LS500h):

    • เพิ่มชุดเกียร์เข้ากับระบบ THS ทำให้สามารถแบ่งกำลังเป็นหลายช่วง (multi-speed) เพิ่มความเร้าใจในการขับขี่

  • THS-P (Plug-in Hybrid):

    • เพิ่มความสามารถในการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน (EV mode) ไกลขึ้น
    • เน้นชาร์จเร็ว ใช้ไฟฟ้าเต็มประสิทธิภาพก่อนเข้าสู่โหมดไฮบริด

2. THS เจนใหม่จะฉลาดขึ้นด้วย “Arene” ปัจจุบันติดตั้งใน RAV4 ใหม่

Toyota เตรียมเปลี่ยนแนวคิดจาก “รถยนต์ = ฮาร์ดแวร์” → เป็น “รถยนต์ = ซอฟต์แวร์”
โดยจะผนวกรวม ระบบไฮบริด THS รุ่นถัดไป กับ แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ Arene

  • ข้อดี:

    • ปรับการควบคุมพลังงานแบบเรียลไทม์
    • เชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ วิเคราะห์การขับเพื่อปรับสมรรถนะ
    • รองรับการอัปเดตระบบควบคุมพลังงานแบบ OTA (over-the-air)

3. ไฮบริด = กุญแจสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)

แม้ Toyota จะเร่งพัฒนา BEV เต็มรูปแบบ แต่บริษัทกลับมองว่า:

“ในบางประเทศ BEV อาจยังไม่ใช่คำตอบที่เร็วที่สุด แต่ไฮบริดคือก้าวกลางที่สมเหตุสมผล”

  • โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ที่โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟยังไม่พร้อม
  • THS รุ่นถัดไปจะถูกออกแบบให้ทำงานกับ e-Fuels, ไฮโดรเจน, หรือ bio-fuel ได้ด้วย

รถยนต์ Toyota ที่ใช้ระบบ THS II รุ่นที่ 5 ในประเทศไทย

  • Toyota Camry Hybrid

    • เริ่มผลิตในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2009
    • รุ่นล่าสุด (ปี 2025) ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร Dynamic Force Hybrid พร้อมระบบ THS II
  • Toyota Corolla Cross Hybrid

    • เปิดตัวในปี 2020
    • ใช้ระบบ THS II ร่วมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร
  • Toyota Innova Zenix Hybrid

    • เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023
    • มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร M20A-FXS และระบบ THS II
  • Toyota Alphard/vellfire HYBRID
    • เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2023
    • Alphard 2.5 HEV E-Four และ Alphard 2.5 HEV Luxury E-Four

Arene แพลตฟอร์มพัฒนาซอฟต์แวร์ ใหม่ของ TOYOTA ที่ติดตั้งใน RAV4

สรุปข่าว: Toyota เริ่มใช้แพลตฟอร์ม Arene กับ RAV4 รุ่นใหม่

  • Arene คืออะไร: แพลตฟอร์มพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Woven by Toyota ช่วยให้สร้างซอฟต์แวร์ในรถได้เร็วขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น และปลอดภัยขึ้น
  • เริ่มใช้งานจริง: เริ่มต้นใน RAV4 รุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวภายในปีงบประมาณ 2025

Arene แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก:

  1. Arene SDK – เครื่องมือสำหรับสร้างซอฟต์แวร์แบบแยกส่วน (Modular) ใช้ซ้ำได้กับหลายรุ่น เช่น ระบบสั่งงานด้วยเสียง, จอแสดงผล, และ Toyota Safety Sense (TSS)
  2. Arene Tools – ชุดเครื่องมือจำลองสถานการณ์ ทดสอบระบบเสมือนจริง ลดเวลาพัฒนา
  3. Arene Data – เก็บ วิเคราะห์ข้อมูลการขับขี่ รองรับการอัปเดต OTA และพัฒนาระบบ AI ใน TSS

ผลลัพธ์

  • รถยนต์อัปเกรดซอฟต์แวร์ได้แม้หลังขายไปแล้ว
  • เพิ่มความปลอดภัย ปรับประสบการณ์ให้เหมาะกับผู้ขับขี่แต่ละคน
  • เป็นก้าวแรกสู่รถ Toyota ที่ “ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์” และเป้าหมาย “อุบัติเหตุเป็นศูนย์” ในอนาคต

Woven by Toyota เปิดตัว Arene สู่ RAV4 ใหม่ ก้าวแรกสู่อนาคตรถยนต์ซอฟต์แวร์เต็มรูปแบบและลดอุบัติเหตุเป็นศูนย์

โตเกียว, 21 พฤษภาคม 2025 — Woven by Toyota (WbyT) ประกาศว่าแพลตฟอร์มพัฒนาซอฟต์แวร์ “Arene” ได้เริ่มใช้งานจริงกับรถยนต์ Toyota RAV4 รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวภายในปีงบประมาณ 2025 โดย RAV4 จะเป็นรถยนต์ Toyota คันแรกที่ส่งมอบถึงมือลูกค้าพร้อมฟีเจอร์ที่พัฒนาผ่านระบบ Arene

Arene ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ ปลอดภัย มั่นคง และสามารถขยายสเกลได้ โดยผสานความเชี่ยวชาญด้านการผลิตของ Toyota เข้ากับแนวคิดวิศวกรรมซอฟต์แวร์ยุคใหม่ ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างซอฟต์แวร์คุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพและเน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง เป็นการวางรากฐานสู่เป้าหมาย “รถยนต์ซอฟต์แวร์เต็มรูปแบบ” และ “อุบัติเหตุเป็นศูนย์”

แพลตฟอร์ม Arene แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก:

1. Arene SDK (Software Development Kit)

เครื่องมือสำหรับสร้างและจัดการวงจรชีวิตซอฟต์แวร์แบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การเขียนโค้ด การทดสอบ การนำไปใช้งาน จนถึงการบำรุงรักษา โดยเดิมทีซอฟต์แวร์ในรถยนต์จะถูกผูกติดกับฮาร์ดแวร์เฉพาะรุ่น แต่ Arene SDK ทำให้สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์แบบโมดูลาร์ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้กับหลายรุ่น

ใน RAV4 ใหม่ Arene SDK ถูกใช้พัฒนา:

  • ระบบสั่งงานด้วยเสียงในห้องโดยสาร
  • หน้าจอกลางแบบใหม่
  • ชุดระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense (TSS) รุ่นล่าสุด

2. Arene Tools

เครื่องมือระดับองค์กรสำหรับจำลอง ทดสอบ และจัดการซอฟต์แวร์ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ลดความจำเป็นในการสร้างรถต้นแบบจริง ช่วยเร่งการพัฒนาและย่นระยะเวลาการนำฟีเจอร์ใหม่ออกสู่ตลาด

สำหรับ RAV4 ใหม่ Arene Tools ถูกใช้จำลองสถานการณ์ขับขี่และการทำงานของระบบ TSS อย่างมีประสิทธิภาพ

3. Arene Data

ระบบจัดการข้อมูลขั้นสูงที่เก็บ วิเคราะห์ และส่งข้อมูลจากรถกลับไปยังศูนย์พัฒนาอย่างปลอดภัย (โดยอิงจากความยินยอมของผู้ใช้งาน) เพื่อสนับสนุนการอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่าน OTA (Over-the-Air) และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ใน RAV4 ใหม่ Arene Data ถูกใช้เก็บข้อมูลสำหรับระบบ TSS พร้อมสนับสนุน:

  • โมเดล AI ตรวจจับวัตถุรอบรถ
  • ระบบติดตามสภาพผู้ขับขี่
  • การปรับปรุงอินเทอร์เฟซผู้ใช้

สู่ประสบการณ์รถที่พัฒนาได้ตลอดเวลา

Arene SDK + Tools + Data ทำให้รถยนต์สามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้แม้จะถูกส่งมอบถึงผู้ใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ใหม่หรือการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ RAV4 ใหม่กลายเป็น “แพลตฟอร์มแห่งนวัตกรรม” ที่เชื่อมโลกภายนอกและภายในรถไว้ด้วยกัน เป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งรถยนต์ที่ “เติบโตไปพร้อมกับผู้ขับขี่”

Woven by Toyota ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติมให้กับ TSS ของ RAV4 เช่น โมเดล AI สำหรับตรวจจับสิ่งรอบข้าง การติดตามสภาพผู้ขับขี่ และการปรับปรุง UI ให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

เป้าหมายใหญ่: สังคมไร้อุบัติเหตุ

การพัฒนา Arene ไปพร้อมกับเทคโนโลยี AD/ADAS และโครงการเมืองอัจฉริยะ Woven City เป็นการปูทางสู่ระบบนิเวศน์แห่งการเดินทาง ที่เชื่อมโยงผู้คน ยานยนต์ และโครงสร้างพื้นฐานเข้าด้วยกัน เพื่อเป้าหมายสูงสุด “สังคมที่ปลอดอุบัติเหตุ” อย่างแท้จริง

เกี่ยวกับ Woven by Toyota

  • Woven by Toyota คือหนึ่งในบริษัทในเครือ Toyota Group ที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งการเดินทางผ่านนวัตกรรมที่เน้น “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” พร้อมผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านการเคลื่อนที่อย่างเต็มรูปแบบ
  • เราขับเคลื่อนอนาคตด้วยเทคโนโลยี AD/ADAS (ระบบขับขี่อัตโนมัติและช่วยเหลือผู้ขับขี่), แพลตฟอร์มพัฒนาซอฟต์แวร์ Arene, สนามทดสอบเมืองอัจฉริยะ Toyota Woven City และกองทุนเพื่อการเติบโตของ Toyota ที่ชื่อว่า Woven Capital
  • เป้าหมายของเราคือการปฏิวัติการเคลื่อนที่ของผู้คน สินค้า ข้อมูล และพลังงาน เพื่อถักทออนาคตที่ปลอดภัย เชื่อมต่อถึงกัน และยกระดับคุณภาพชีวิตสำหรับทุกคนในสังคม

ภาพร่าง NEW TOYOTA RAV4 เจนที่ 6 ในสหรัฐฯ HEV (Hybrid) และ PHEV (Plug-in Hybrid)

TOYOTA

Carscoop

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้