เทคโนโลยี THS II เจนที่ 6 หัวใจสำคัญของ TOYOTA HEV , PHEV ในอนาคต RAV4 ใหม่ CAMRY ใหม่

เทคโนโลยี THS II เจนที่ 6 หัวใจสำคัญของ TOYOTA HEV , PHEV ในอนาคต RAV4 ใหม่ CAMRY ใหม่
Spread the love
Advertisement Advertisement

 

Toyota Hybrid System Gen 6

โตโยต้ากำลังเปลี่ยนผ่านจาก Gen 5 → Gen 6 โดยระบบใหม่นี้ไม่ได้เป็นเพียงการ “ไมเนอร์เชนจ์” แต่ถือเป็น การยกเครื่องด้านอิเล็กทรอนิกส์และพลังงาน ที่สำคัญ เพื่อรับมือกับการแข่งขันของตลาด HEV/PHEV ที่รุนแรงมากขึ้น

  • Toyota Hybrid System ไม่ได้แยก HEV (Hybrid) กับ PHEV (Plug-in Hybrid) ออกจากกัน แต่จะใช้ระบบพื้นฐานเดียวกัน

หัวใจของ Gen 6 : ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) Semiconductor

  • ใช้อุปกรณ์ SiC Power Semiconductor ในอินเวอร์เตอร์

  • ข้อดี:

    • ลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้า (conversion loss) ได้มากกว่า IGBT เดิม

    • ทนความร้อนสูงกว่า → ทำให้อุปกรณ์เล็กลง, เบาลง

    • ส่งผลให้ ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้น 5–10% (ขึ้นอยู่กับการใช้งานจริง)

  • การเปลี่ยนเทคโนโลยีนี้ถือเป็น “ก้าวกระโดด” ที่โตโยต้าตามหลังผู้ผลิต EV มาสักพัก

ปรับปรุงมอเตอร์และแบตเตอรี่

  • มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กลง แต่ แรงบิดสูงขึ้น / การตอบสนองไวกว่าเดิม

  • แบตเตอรี่ Li-ion รุ่นใหม่:

    • ความหนาแน่นพลังงานดีขึ้น

    • น้ำหนักเบาลง

    • ระบบระบายความร้อนปรับปรุง → อายุการใช้งานยาวกว่า

  • มีการจัดวาง (layout) ใหม่ให้กะทัดรัดขึ้น → ลดพื้นที่กินในห้องโดยสารและท้ายรถ

การทำงานผสานเครื่องยนต์ + มอเตอร์ที่ฉลาดขึ้น

  • Software ควบคุม (ECU + Arene OS) ทำงานละเอียดกว่าเดิม

  • การสลับระหว่าง EV mode ↔ Engine ↔ Hybrid mode เนียนกว่า

  • ปรับปรุงโหมดขับเคลื่อน 4WD (E-Four) → ขับในสภาพลื่น/หิมะได้มั่นใจกว่า

สมรรถนะที่คาดหวัง

  • กำลังสูงขึ้น (HEV + PHEV) → รุ่น PHEV อย่าง RAV4 เจน 6 อาจแตะ 320–330 แรงม้า

  • วิ่งไฟฟ้าล้วน (EV mode) ไกลขึ้น:

    • HEV = ไม่เปลี่ยนแปลงมาก แต่ตอบสนองไวกว่า

    • PHEV = วิ่งได้ 70–90 กม. ต่อการชาร์จ (ขึ้นกับรุ่นและแบต)

  • ประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิม (HEV เพิ่มขึ้นราว 10–15% เทียบกับ Gen 5)

รถที่คาดว่าจะใช้ Gen 6

  • Toyota RAV4 (เจน 6, ปี 2026) → รุ่นแรกที่เปิดตัวพร้อมระบบนี้

  • ตามมาด้วย Camry รุ่นใหม่ (หลัง 2026)

  • รถ SUV/Crossover ระดับโลก เช่น Highlander, Corolla Cross รุ่นถัดไป

    Advertisement Advertisement
  • Lexus รุ่นใหม่บางรุ่นก็จะได้ Gen 6 เช่นกัน

Hybrid System Gen 6 = เล็กลง เบากว่า แรงขึ้น และประหยัดกว่า

  • ใช้ SiC semiconductor ลดพลังงานสูญเสีย

  • แบตเตอรี่และมอเตอร์ปรับปรุงใหม่

  • ซอฟต์แวร์ควบคุมฉลาดขึ้น ตอบสนองไว

  • เริ่มใช้งานครั้งแรกกับ RAV4 เจน 6 (2026) และจะขยายไปยังโมเดลอื่น ๆ

ประวัติการพัฒนา Toyota Hybrid System (THS)

จุดเริ่มต้น – แนวคิด (ปลายยุค 1980s – 1990s)

  • ยุควิกฤตน้ำมันและกระแสรถประหยัดพลังงาน ทำให้โตโยต้ามองหาทางออกใหม่

  • ปี 1993 โตโยต้าตั้ง “G21 Project” → เป้าหมายคือ “สร้างรถที่ใช้พลังงานแห่งศตวรรษที่ 21”

  • ผลงานออกมาเป็น Toyota Prius รุ่นแรก เปิดตัวในญี่ปุ่นปี 1997 → รถไฮบริดเชิงพาณิชย์คันแรกของโลก

Gen 1 (1997–2003) – Toyota Hybrid System (THS)

  • เปิดตัวใน Prius รุ่นแรก (XW10)

  • ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า

  • แบตเตอรี่ NiMH

  • จุดเด่น: สามารถวิ่งไฟฟ้าล้วนได้ระยะสั้น ๆ, อัตราสิ้นเปลือง ~28 km/l (ญี่ปุ่น)

  • ทำให้ Prius กลายเป็นสัญลักษณ์ “รถอนาคต”

Gen 2 (2003–2009) – THS II

  • เปิดตัวใน Prius รุ่นที่ 2 (XW20)

  • อินเวอร์เตอร์และมอเตอร์ขนาดเล็กลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น

  • แบต NiMH รุ่นใหม่ แข็งแรงกว่าเดิม

  • เริ่มขยายไปยัง Camry Hybrid, Highlander Hybrid

  • กลายเป็นยุคที่โตโยต้าครองตลาดไฮบริดโลก

Gen 3 (2009–2015) – ขยายสายผลิตภัณฑ์

  • เปิดตัวใน Prius เจน 3 (XW30)

  • ใช้เครื่องยนต์ Atkinson cycle ที่ประหยัดขึ้น

  • มีการพัฒนาแบตเตอรี่และมอเตอร์ใหม่

  • เริ่มแตกไลน์สู่ PHEV เช่น Prius Plug-in Hybrid (2012)

  • ใช้ใน Lexus หลายรุ่น เช่น RX, GS, ES

Gen 4 (2015–2021) – TNGA + ความกะทัดรัด

  • เปิดตัวใน Prius เจน 4 (XW50) บนแพลตฟอร์ม TNGA

  • อินเวอร์เตอร์เล็กลงกว่าเดิม 30%

  • ลดการสูญเสียพลังงานได้ราว 20%

  • ขยายสู่หลายรุ่น: RAV4 Hybrid, Corolla Hybrid, C-HR Hybrid

  • ช่วงนี้โตโยต้าเริ่มถูกท้าทายจากรถไฟฟ้า (BEV) แต่ยังครองตลาด HEV/PHEV

Gen 5 (2021–ปัจจุบัน) – สมรรถนะสูงขึ้น

  • เปิดตัวครั้งแรกใน Prius เจน 5 (XW60, 2022)

  • เครื่องยนต์ + มอเตอร์ให้แรงม้าสูงขึ้น ~30%

  • ใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion เป็นหลัก (แทน NiMH เกือบทั้งหมด)

  • การตอบสนองไวขึ้น, ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้น

  • ใช้ใน Prius, Corolla Cross Hybrid, Crown Hybrid, Yaris Cross ฯลฯ

  • จุดขาย: “ทั้งแรงและประหยัด” → ไม่ใช่แค่ Eco Car แต่ยังขับสนุก

Gen 6 (เริ่มใช้งาน ~2026 เป็นต้นไป) – ยุคใหม่ของไฮบริด

  • เริ่มใช้งานครั้งแรกใน RAV4 เจน 6 (2026)

  • จุดเปลี่ยนสำคัญ:

    • ใช้ SiC (Silicon Carbide) Semiconductor ในอินเวอร์เตอร์ → ลดพลังงานสูญเสีย

    • แบต Li-ion ความหนาแน่นสูงกว่าเดิม → เบากว่า, ประหยัดกว่า

    • มอเตอร์ไฟฟ้าแรงบิดสูงขึ้น, ขนาดเล็กลง

    • ECU + Software “Arene OS” → ทำงานฉลาดขึ้น, อัปเดต OTA ได้

  • HEV ประหยัดน้ำมันขึ้น, PHEV วิ่งไฟฟ้าได้ไกลขึ้น (70–90 กม./ชาร์จ)

  • คาดว่าจะใช้ใน Camry, Highlander, Corolla Cross รุ่นถัดไป รวมถึง Lexus ด้วย

สรุปวิวัฒนาการ

  • Gen 1 (1997) = จุดเริ่ม Prius → รถไฮบริดเชิงพาณิชย์คันแรกของโลก
  • Gen 2–3 (2003–2015) = พัฒนาให้เล็กลง แรงขึ้น และแตกไลน์สู่ PHEV
  • Gen 4 (2015–2021) = TNGA → ระบบกะทัดรัด, ขยายไปหลายรุ่น
  • Gen 5 (2021–ปัจจุบัน) = แรงขึ้น, ใช้ Li-ion, เพิ่มความสนุกในการขับ
  • Gen 6 (2026–) = ใช้ SiC semiconductor, ฉลาดขึ้น, ประหยัดและแรงกว่า

โครงสร้างพื้นฐานของ THS II

1. เครื่องยนต์เบนซินแบบ Atkinson-Cycle

  • ใช้หลักการเลื่อนปิดวาล์วไอดีให้ช้าลง ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงกว่าระบบ Otto ทั่วไป
  • เช่น RAV4 Hybrid ใช้เครื่องยนต์รหัส A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงและแรงบิดที่เหมาะสม

2. มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (MG1 + MG2)

MG1 (Motor Generator 1)

  • ทำหน้าที่

    • สตาร์ทเครื่องยนต์
    • ปั่นไฟไปเก็บในแบตเตอรี่
    • ควบคุมรอบเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับความเร็วรถ
  • เชื่อมต่อกับ sun gear ของ planetary gearset

MG2 (Motor Generator 2)

  • ทำหน้าที่
    • ขับเคลื่อนล้อหน้าหรือหลัง (แล้วแต่ระบบ)
    • ช่วยเสริมแรงขับเมื่อเร่งแซง
    • รับแรงกลับจากการเบรก (regenerative braking)
  • เชื่อมกับ ล้อขับเคลื่อน โดยตรง

3. Planetary Gearset (Power Split Device)

  • หัวใจของระบบ THS II ทำหน้าที่เป็นตัว “แยก-รวมพลังงาน”

  • เชื่อมต่อ 3 องค์ประกอบ

    • เครื่องยนต์ (ไปที่ ring gear)
    • MG1 (ไปที่ sun gear)
    • MG2 + ล้อรถ (ไปที่ planet carrier)
  • ช่วยให้

    • รถขับเคลื่อนได้แม้เครื่องยนต์ยังไม่ติด
    • ปรับรอบเครื่องยนต์ได้อิสระจากความเร็วล้อ

4. Battery Pack + Inverter

  • แหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้า (เริ่มจาก NiMH, รุ่นใหม่เป็น Lithium-ion)
  • Inverter ทำหน้าที่:

    • แปลงไฟ DC/AC ระหว่างแบตเตอรี่ ↔ มอเตอร์
    • ควบคุมกระแสไฟตามสถานะการขับขี่

5. Hybrid Control Unit (HCU)

  • สมองกลหลักของระบบไฮบริด
  • คำนวณว่าจะใช้พลังงานจากไหน เมื่อไร อย่างไร เพื่อความประหยัดสูงสุด
  • ประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์, มอเตอร์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่ และเบรก

6. ระบบเบรกแบบ Regenerative

  • แปลงพลังงานจลน์ (ตอนเบรกหรือผ่อนคันเร่ง) ให้เป็นไฟฟ้าเก็บกลับเข้าแบตเตอรี่
  • ลดการสึกหรอของเบรกจริง และเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จพลังงานขณะขับขี่

ปัจจุบัน THS II RAV4 Hybrid/PHEV ให้กำลังเท่าไหร่

ระบบ Hybrid (HEV) – RAV4 2.5L Hybrid

  • ประเภท: เบนซิน 2.5 ลิตร Dynamic Force
  • โครงสร้าง: 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
  • ระบบฉีดเชื้อเพลิง: D-4S (Direct + Port Injection)
  • กำลังเครื่องยนต์: 176 แรงม้า @ 5,300 rpm
  • อัตราส่วนกำลังอัด: 14.0:1
  •  มอเตอร์ไฟฟ้า
    • ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ผ่านระบบ THS II
    • แบตเตอรี่: NiMH หรือ Li-ion (ขึ้นกับตลาด)
  •  กำลังรวมทั้งระบบ
    • รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD): 226 แรงม้า
    • รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD): 236 แรงม้า
    • ระบบเกียร์: E-CVT (Electronically Controlled CVT)

ระบบ Plug-in Hybrid (PHEV) – RAV4 Prime

  • เครื่องยนต์ ประเภทเดียวกับ HEV: Dynamic Force 2.5 ลิตร, 176 แรงม้า
  •  มอเตอร์ไฟฟ้า
    • ใช้มอเตอร์คู่ หน้า–หลัง
    • พลังไฟฟ้ารวม: สูงกว่า HEV อย่างชัดเจน
  • กำลังรวมทั้งระบบ
    • กำลังรวม: 320 แรงม้า
    • ระบบขับเคลื่อน: AWD ด้วย Electronic On-Demand AWD
    • เกียร์: E-CVT
  • แบตเตอรี่และการชาร์จ
    • ชนิด: Lithium-ion
    • ความสามารถ:
      • AC 6.6 kW
      • DC Fast Charge 50 kW
      • ชาร์จ 30–80% ภายใน 30 นาที
  •  ระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน
    • 80 กม. (มาตรฐาน EPA)
    • 150 กม. (มาตรฐาน WLTC)

อนาคตของ Toyota Hybrid System II (THS II) และระบบไฮบริดจาก Toyota

ในยุคที่ยานยนต์ไฟฟ้ากำลังรุกคืบอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจสงสัยว่า “ระบบไฮบริดจะยังมีอนาคตหรือไม่?” โดยเฉพาะกับ Toyota ที่เป็นเจ้าพ่อไฮบริดตัวจริง บอกเลยว่า มี และไปต่อแน่นอน—แต่ในทิศทางที่ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น

1. จาก THS II → สู่ Multi-Stage และ Beyond

  • Multi-Stage Hybrid (เช่น Lexus LS500h):

    • เพิ่มชุดเกียร์เข้ากับระบบ THS ทำให้สามารถแบ่งกำลังเป็นหลายช่วง (multi-speed) เพิ่มความเร้าใจในการขับขี่

  • THS-P (Plug-in Hybrid):

    • เพิ่มความสามารถในการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน (EV mode) ไกลขึ้น
    • เน้นชาร์จเร็ว ใช้ไฟฟ้าเต็มประสิทธิภาพก่อนเข้าสู่โหมดไฮบริด

2. THS เจนใหม่จะฉลาดขึ้นด้วย “Arene” ปัจจุบันติดตั้งใน RAV4 ใหม่

Toyota เตรียมเปลี่ยนแนวคิดจาก “รถยนต์ = ฮาร์ดแวร์” → เป็น “รถยนต์ = ซอฟต์แวร์”
โดยจะผนวกรวม ระบบไฮบริด THS รุ่นถัดไป กับ แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ Arene

  • ข้อดี:

    • ปรับการควบคุมพลังงานแบบเรียลไทม์
    • เชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ วิเคราะห์การขับเพื่อปรับสมรรถนะ
    • รองรับการอัปเดตระบบควบคุมพลังงานแบบ OTA (over-the-air)

3. ไฮบริด = กุญแจสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)

แม้ Toyota จะเร่งพัฒนา BEV เต็มรูปแบบ แต่บริษัทกลับมองว่า:

“ในบางประเทศ BEV อาจยังไม่ใช่คำตอบที่เร็วที่สุด แต่ไฮบริดคือก้าวกลางที่สมเหตุสมผล”

  • โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ที่โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟยังไม่พร้อม
  • THS รุ่นถัดไปจะถูกออกแบบให้ทำงานกับ e-Fuels, ไฮโดรเจน, หรือ bio-fuel ได้ด้วย

รถยนต์ Toyota ที่ใช้ระบบ THS II รุ่นที่ 5 ในประเทศไทย

  • Toyota Camry Hybrid

    • เริ่มผลิตในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2009
    • รุ่นล่าสุด (ปี 2025) ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร Dynamic Force Hybrid พร้อมระบบ THS II
  • Toyota Corolla Cross Hybrid

    • เปิดตัวในปี 2020
    • ใช้ระบบ THS II ร่วมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร
  • Toyota Innova Zenix Hybrid

    • เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023
    • มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร M20A-FXS และระบบ THS II
  • Toyota Alphard/vellfire HYBRID
    • เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2023
    • Alphard 2.5 HEV E-Four และ Alphard 2.5 HEV Luxury E-Four

Arene แพลตฟอร์มพัฒนาซอฟต์แวร์ ใหม่ของ TOYOTA ที่ติดตั้งใน RAV4

สรุปข่าว: Toyota เริ่มใช้แพลตฟอร์ม Arene กับ RAV4 รุ่นใหม่

  • Arene คืออะไร: แพลตฟอร์มพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Woven by Toyota ช่วยให้สร้างซอฟต์แวร์ในรถได้เร็วขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น และปลอดภัยขึ้น
  • เริ่มใช้งานจริง: เริ่มต้นใน RAV4 รุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวภายในปีงบประมาณ 2025

Arene แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก:

  1. Arene SDK – เครื่องมือสำหรับสร้างซอฟต์แวร์แบบแยกส่วน (Modular) ใช้ซ้ำได้กับหลายรุ่น เช่น ระบบสั่งงานด้วยเสียง, จอแสดงผล, และ Toyota Safety Sense (TSS)
  2. Arene Tools – ชุดเครื่องมือจำลองสถานการณ์ ทดสอบระบบเสมือนจริง ลดเวลาพัฒนา
  3. Arene Data – เก็บ วิเคราะห์ข้อมูลการขับขี่ รองรับการอัปเดต OTA และพัฒนาระบบ AI ใน TSS

ผลลัพธ์

  • รถยนต์อัปเกรดซอฟต์แวร์ได้แม้หลังขายไปแล้ว
  • เพิ่มความปลอดภัย ปรับประสบการณ์ให้เหมาะกับผู้ขับขี่แต่ละคน
  • เป็นก้าวแรกสู่รถ Toyota ที่ “ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์” และเป้าหมาย “อุบัติเหตุเป็นศูนย์” ในอนาคต

Woven by Toyota เปิดตัว Arene สู่ RAV4 ใหม่ ก้าวแรกสู่อนาคตรถยนต์ซอฟต์แวร์เต็มรูปแบบและลดอุบัติเหตุเป็นศูนย์

โตเกียว, 21 พฤษภาคม 2025 — Woven by Toyota (WbyT) ประกาศว่าแพลตฟอร์มพัฒนาซอฟต์แวร์ “Arene” ได้เริ่มใช้งานจริงกับรถยนต์ Toyota RAV4 รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวภายในปีงบประมาณ 2025 โดย RAV4 จะเป็นรถยนต์ Toyota คันแรกที่ส่งมอบถึงมือลูกค้าพร้อมฟีเจอร์ที่พัฒนาผ่านระบบ Arene

Arene ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ ปลอดภัย มั่นคง และสามารถขยายสเกลได้ โดยผสานความเชี่ยวชาญด้านการผลิตของ Toyota เข้ากับแนวคิดวิศวกรรมซอฟต์แวร์ยุคใหม่ ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างซอฟต์แวร์คุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพและเน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง เป็นการวางรากฐานสู่เป้าหมาย “รถยนต์ซอฟต์แวร์เต็มรูปแบบ” และ “อุบัติเหตุเป็นศูนย์”

แพลตฟอร์ม Arene แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก:

1. Arene SDK (Software Development Kit)

เครื่องมือสำหรับสร้างและจัดการวงจรชีวิตซอฟต์แวร์แบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การเขียนโค้ด การทดสอบ การนำไปใช้งาน จนถึงการบำรุงรักษา โดยเดิมทีซอฟต์แวร์ในรถยนต์จะถูกผูกติดกับฮาร์ดแวร์เฉพาะรุ่น แต่ Arene SDK ทำให้สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์แบบโมดูลาร์ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้กับหลายรุ่น

ใน RAV4 ใหม่ Arene SDK ถูกใช้พัฒนา:

  • ระบบสั่งงานด้วยเสียงในห้องโดยสาร
  • หน้าจอกลางแบบใหม่
  • ชุดระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense (TSS) รุ่นล่าสุด

2. Arene Tools

เครื่องมือระดับองค์กรสำหรับจำลอง ทดสอบ และจัดการซอฟต์แวร์ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ลดความจำเป็นในการสร้างรถต้นแบบจริง ช่วยเร่งการพัฒนาและย่นระยะเวลาการนำฟีเจอร์ใหม่ออกสู่ตลาด

สำหรับ RAV4 ใหม่ Arene Tools ถูกใช้จำลองสถานการณ์ขับขี่และการทำงานของระบบ TSS อย่างมีประสิทธิภาพ

3. Arene Data

ระบบจัดการข้อมูลขั้นสูงที่เก็บ วิเคราะห์ และส่งข้อมูลจากรถกลับไปยังศูนย์พัฒนาอย่างปลอดภัย (โดยอิงจากความยินยอมของผู้ใช้งาน) เพื่อสนับสนุนการอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่าน OTA (Over-the-Air) และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ใน RAV4 ใหม่ Arene Data ถูกใช้เก็บข้อมูลสำหรับระบบ TSS พร้อมสนับสนุน:

  • โมเดล AI ตรวจจับวัตถุรอบรถ
  • ระบบติดตามสภาพผู้ขับขี่
  • การปรับปรุงอินเทอร์เฟซผู้ใช้

สู่ประสบการณ์รถที่พัฒนาได้ตลอดเวลา

Arene SDK + Tools + Data ทำให้รถยนต์สามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้แม้จะถูกส่งมอบถึงผู้ใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ใหม่หรือการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ RAV4 ใหม่กลายเป็น “แพลตฟอร์มแห่งนวัตกรรม” ที่เชื่อมโลกภายนอกและภายในรถไว้ด้วยกัน เป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งรถยนต์ที่ “เติบโตไปพร้อมกับผู้ขับขี่”

Woven by Toyota ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติมให้กับ TSS ของ RAV4 เช่น โมเดล AI สำหรับตรวจจับสิ่งรอบข้าง การติดตามสภาพผู้ขับขี่ และการปรับปรุง UI ให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

เป้าหมายใหญ่: สังคมไร้อุบัติเหตุ

การพัฒนา Arene ไปพร้อมกับเทคโนโลยี AD/ADAS และโครงการเมืองอัจฉริยะ Woven City เป็นการปูทางสู่ระบบนิเวศน์แห่งการเดินทาง ที่เชื่อมโยงผู้คน ยานยนต์ และโครงสร้างพื้นฐานเข้าด้วยกัน เพื่อเป้าหมายสูงสุด “สังคมที่ปลอดอุบัติเหตุ” อย่างแท้จริง

เกี่ยวกับ Woven by Toyota

  • Woven by Toyota คือหนึ่งในบริษัทในเครือ Toyota Group ที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งการเดินทางผ่านนวัตกรรมที่เน้น “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” พร้อมผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านการเคลื่อนที่อย่างเต็มรูปแบบ
  • เราขับเคลื่อนอนาคตด้วยเทคโนโลยี AD/ADAS (ระบบขับขี่อัตโนมัติและช่วยเหลือผู้ขับขี่), แพลตฟอร์มพัฒนาซอฟต์แวร์ Arene, สนามทดสอบเมืองอัจฉริยะ Toyota Woven City และกองทุนเพื่อการเติบโตของ Toyota ที่ชื่อว่า Woven Capital
  • เป้าหมายของเราคือการปฏิวัติการเคลื่อนที่ของผู้คน สินค้า ข้อมูล และพลังงาน เพื่อถักทออนาคตที่ปลอดภัย เชื่อมต่อถึงกัน และยกระดับคุณภาพชีวิตสำหรับทุกคนในสังคม

ภาพร่าง NEW TOYOTA RAV4 เจนที่ 6 ในสหรัฐฯ HEV (Hybrid) และ PHEV (Plug-in Hybrid)

TOYOTA

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้