Advertisement

Advertisement

Baidu เปิดตัวรถต้นแบบ Taxi ไร้คนขับ ไร้พวงมาลัย

Baidu เปิดตัวรถต้นแบบ Taxi ไร้คนขับ ไร้พวงมาลัย

Advertisement

Advertisement

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม การประชุม Baidu World Conference 2021 ได้จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ก

การประชุมนี้จะแสดงความสำเร็จล่าสุด และ การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ของ Baidu ในด้านการเดินทางขนส่งมวลชน รวมนวัตกรรมใหม่ๆ

ในการประชุมนั้น Robin Li ผู้ก่อตั้ง ประธาน และ CEO ของ Baidu ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า “Carrot Run” จะเป็นแพลตฟอร์มบริการรถยนต์ไร้คนขับของ Baidu ซึ่งจะใช้งานในอีก 30 เมืองภายใน 3 ปี ในประเทศจีน

Li Yanhong กล่าวว่า Jidu Auto ที่ก่อตั้งโดย Baidu และ Geely เมื่อไม่นานมานี้ มีเป้าหมายที่จะใช้เทคโนโลยีที่อง Baidu ในเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ

Baidu ยังร่วมมือกับ Zhejiang Geely Holding Group ในการสร้างและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ ทั้งคู่ลงทุน 50 พันล้านหยวนในช่วง 5 ปีโดยมีแผนจะออกรถรุ่นใหม่ภายใน 3 ปี

โตามข้อมูลในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริการการเดินทางด้วยรถยนต์ไร้คนขับ Apollo ของ Baidu มีลูกค้าสะสมกว่า 400,000 คน ทดสอบแล้วกว่า 14 ล้านกิโลเมตร และจำนวนสิทธิบัตรการขับขี่อัตโนมัติเกิน 2,900 ฉบับ เปิดทำการในกรุงปักกิ่ง กวางโจว ฉางซา และชางโจว

นอกจากนี้ยังจัดแสดงรถยนต์ไร้คนขับของ Baidu ตัวรถใช้ประตูปีกนกนางนวลอัตโนมัติ และ หลังคากระจกเต็มรูปแบบ รถไม่มีพวงมาลัย และ ไร้คนขับ ภายในติดตั้งหน้าจอโค้งพิเศษขนาดใหญ่ คอนโซลอัจฉริยะ กระจกหรี่แสงอัตโนมัติ ที่นั่งแบบไร้แรงโน้มถ่วง คาดว่ารถต้นนแบบจะใช้งานได้จริงอีกหลายปี

Autopilot มี 5 ระดับ ได้แก่

  • ระดับ 1 จะมีระบบอัตโนมัติ ช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น การบังคับเลี้ยวหรือการเร่งและรักษาคุมความเร็วคงที่ รวมทั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งสามารถควบคุมยานพาหนะไว้ในระยะที่ปลอดภัยต่ออุบัตเหตุ ซึ่งคุณสมบัติ Level 1 ยังต้องการวิจารณญาณของมนุษย์คนขับ ตรวจสอบการใช้ฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ร่วมด้วย
  • ระดับ 2 จะมีระบบ ADAS หรือ Advanced Driver Assistance Systems ซึ่งเป็นระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติคู่กับระบบความคุมอัตรเร่งและปรับความเร็วให้ทำงานประสานกันผ่านกลไกการควบคุมที่ซับซ้อน… ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทุกค่ายล้วนใส่เงินไปกับการวิจัยระบบ ADAS ต่อเนื่องมานาน ซึ่งระบบ ADAS ที่มีชื่อเสียงและสอบผ่านมาตรฐาน Level 2 รุ่นแรกๆ จนได้ทดสอบ
  • ระดับ 3 จะมีความสามารถในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเช่น การเร่งแซงรถที่ช้า แต่ระบบก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์ แม้มนุษย์ไม่ต้องเหยียบคันเร่งถือพวงมาลัย… แต่ผู้ขับขี่จะต้องตื่นตัวและพร้อมที่จะเข้าควบคุมทันทีหากระบบผิดพลาด ซึ่งส่วนใหญ่ระบบจะออกแบบให้ตรวจสอบเงื่อนไขการทำงานอัตโนมัติตลอดเวลา และหาก Condition หรือเงื่อนไขการทำงานในระบบผิดพลาด… รถจะมีฟังก์ชั่นขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ติดมาด้วย
  • ระดับ 4 ไม่ต้องมีมนุษย์คอยช่วยเหลือในยามเข้าตาจนเหมือน Level 3 อีกเลย แม้จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทั้งในระบบและสภาพแวดล้อมภายนอก หรือแม้แต่เกิดขัดข้องขึ้น พาหนะ Level 4 ก็จะจัดการความผิดปกติและบกพร่องทั้งหลายได้เอง โดยพึ่งพาและปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ในฐานะผู้โดยสาร มากกว่าจะพึ่งพามนุษย์ในฐานะผู้ควบคุมปกป้องความผิดพลาด พาหนะ Level 4 สามารถทำงานในโหมดขับขี่ด้วยตนเอง หรือ Self-Driving Mode ได้อย่างสมบูรณ์
  • ระดับ 5 ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากมนุษย์อีก เพราะระบบจะทำงาน Dynamic Driving Task เต็มประสิทธิภาพ เทียบเท่าระดับเดียวกับหรือดีกว่ามนุษย์ที่มีทักษะการขับรถยอดเยี่ยมที่สุด… พาหนะ Level 5 จึงไม่มีแม้แต่พวงมาลัย แป้นเหยียบคันเร่งและแป้นเบรก ทำให้พาหนะ Level 5 เป็น Fully Autonomous Cars ซึ่งเป็นเป้าหมายความสำเร็จของการพัฒนายานพาหนะบนผิวพื้นยุคต่อไป… ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า กฏหมายและโครงสร้างพื้นฐานของ Smart City

MYDrive

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้