BEV คันเดียว vs HEV 99 คัน ใครช่วยโลกได้มากกว่า ? คำตอบที่ Toyota อยากให้คุณเห็น


บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จัดงานแถลงข่าวของกลุ่มโตโยต้าในงาน Japan Mobility Show 2025 เมื่อวันพุธที่ 29 ตุลาคม 2025 ตั้งแต่เวลา 8.30 น. และมีการปล่อยข้อมูลที่น่าสนใจคือการปล่อย CO2 ของรถยนต์ ไฟฟ้า และ ไฮบริด ซึ่งโตโยต้ายืนยันชัดเจนว่า ไฟฟ้า BEV ปล่อย CO₂ เฉลี่ยใหม่ มากกว่ารถยนต์ไฮบริดมาก
BEV , PHEV , HEV ปล่อย CO2 เฉลี่ยเท่าไหร่ ?
หนึ่งในคำถามสำคัญของยุคเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้าคือ “เราควรใช้ทรัพยากรแบตเตอรี่ที่มีจำกัดอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุดในการลดมลพิษ?” ภาพนี้จาก Toyota แสดงให้เห็นการเปรียบเทียบที่น่าสนใจว่า หากนำแบตเตอรี่ขนาดเท่าของ Toyota bZ4X (71.4 kWh) และรถประเภทไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น PHEV หรือ HEV จะช่วยลดคาร์บอนรวมได้มากน้อยต่างกันอย่างไร เมื่อเทียบกับการแทนที่รถเครื่องยนต์สันดาป (ICE) 100 คันเดิม
Toyota กำลังอธิบายแนวคิด “ใช้แบตเตอรี่ให้คุ้มค่าที่สุด”
สมมติว่าเรามีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เท่ากับใน Toyota bZ4X (71.4 kWh) อยู่ 1 ชุด เราสามารถเลือกได้ 2 แบบ
- ใช้กับรถไฟฟ้าล้วน (BEV) แค่ 1 คัน
- หรือแบ่งแบตชุดนี้ไปใช้ในรถ ไฮบริด (HEV) หรือ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) จะได้หลายคันมากขึ้น
| แบบรถ | ใช้แบตต่อคัน | ได้รถไฟฟ้ากี่คัน | รถน้ำมันที่เหลือ | CO₂ เฉลี่ย |
|---|---|---|---|---|
| bZ4X (BEV) | 71.4 kWh | 1 คัน | 99 คัน | 250.6 g/km |
| Prius (PHEV) | 13.6 kWh | 5 คัน | 95 คัน | 245.0 g/km |
| Corolla Cross (HEV) | 1.3 kWh | 55 คัน | 45 คัน | 176.5 g/km |
| Yaris Cross (HEV) | 0.77 kWh | 92 คัน | 8 คัน | 113.8 g/km |
- ถ้าใช้แบตก้อนใหญ่กับรถไฟฟ้าล้วนแค่ 1 คัน → ลดมลพิษได้นิดเดียว เพราะอีก 99 คันยังปล่อยอยู่
- ถ้าแบ่งเป็นรถปลั๊กอินไฮบริด 5 คัน → ดีขึ้นหน่อย
- ถ้าแบ่งเป็นรถไฮบริด 55 คัน → ลดคาร์บอนได้เยอะขึ้น
- ถ้าแบ่งเป็นรถไฮบริดขนาดเล็ก 92 คัน (อย่าง Yaris Cross) → ลดคาร์บอนได้มากที่สุด
ผลลัพธ์ที่น่าคิด
-
กรณี BEV (bZ4X) ใช้แบตก้อนใหญ่ 71.4 kWh ในรถคันเดียว แม้คันนั้นจะไม่ปล่อย CO₂ เลย แต่รถอีก 99 คันที่ยังเป็น ICE ก็ยังคงปล่อยคาร์บอนเต็มที่
➜ ผลรวมจึงแทบไม่ต่างจากเดิมมากนักAdvertisement Advertisement -
กรณี PHEV (Prius) แบ่งแบตให้ 5 คัน แต่ละคันวิ่งได้ระยะสั้นในโหมดไฟฟ้า ยังมี ICE อีก 95 คัน
➜ ลด CO₂ ได้เล็กน้อย แต่ยังไม่มาก -
กรณี HEV (Corolla Cross) ใช้แบตเล็กมากต่อคัน ทำให้สามารถสร้าง HEV ได้กว่า 50 คัน
➜ ลดการปล่อย CO₂ ได้ชัดเจน เพราะครึ่งหนึ่งของกลุ่มใช้ระบบไฮบริดช่วยลดการเผาไหม้เชื้อเพลิง -
กรณี Yaris Cross HEV ใช้แบตแค่ 0.77 kWh ต่อคัน ทำให้ได้รถไฮบริดถึง 92 คัน
➜ เหลือ ICE เพียง 8 คัน ผลรวมปล่อยคาร์บอนลดลงมากที่สุด เหลือเพียง 113.8 g/km
สรุปให้เห็นภาพ
Toyota กำลังบอกว่า
ถ้าเรามีแบตเตอรี่จำกัด การ “แบ่งใช้” ให้รถไฮบริดหลายคันดีกว่าใช้หมดกับรถไฟฟ้าล้วนคันเดียว
เพราะรถไฮบริดหลายคันจะช่วยประหยัดน้ำมันและลดคาร์บอนได้รวมกันมากกว่า ในขณะที่รถไฟฟ้าล้วนคันเดียว แม้จะไม่ปล่อยคาร์บอนเลย แต่ก็มีผลน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนรถทั้งหมดที่ยังใช้น้ำมันอยู่
สรุปสั้นที่สุด
BEV 1 คัน “ช่วยโลกได้มากต่อคัน” แต่ HEV หลาย คัน “ช่วยโลกได้มากกว่าเมื่อรวมกัน” เพราะแบตเตอรี่ที่ใช้กับ BEV คันเดียว ถ้าเอาไปกระจายให้รถไฮบริดหลายสิบคัน จะทำให้ปริมาณคาร์บอนรวมของรถทั้งหมดลดลงมากกว่านั่นเองครับ
บทสรุปจากมุมมองของ TOYOTA
1. เป้าหมายไม่ใช่ “ขาย BEV มากที่สุด”
แต่คือ “ลดคาร์บอนให้ได้มากที่สุด” Toyota มองว่าการลด CO₂ ต้องคิด “ทั้งระบบ” — ไม่ใช่แค่เปลี่ยนรถบางคันให้เป็นไฟฟ้าล้วน แต่ต้องทำให้ “จำนวนรถที่ปล่อยคาร์บอนน้อยลง” มีมากที่สุดเท่าที่ทำได้
ดังนั้น ถ้ามีแบตเตอรี่จำกัดในโลก (ซึ่งเป็นความจริงในตอนนี้) การเอาแบตก้อนใหญ่ไปใส่ในรถ BEV คันเดียวอาจไม่คุ้มเท่าการเอาแบตเล็ก ๆ ไปช่วยให้รถอีกหลายสิบคันเป็น ไฮบริด (HEV) แทน
2. กลยุทธ์ “Multi-path” คือหัวใจของ Toyota
Toyota เชื่อว่าแต่ละประเทศมีความพร้อมไม่เท่ากัน บางที่มีไฟฟ้าเยอะ บางที่ยังพึ่งพาน้ำมันอยู่มาก ดังนั้น Toyota จะไม่ทุ่มไปทางเดียว แต่เดินหลายเส้นทางพร้อมกัน ได้แก่
-
HEV (Hybrid Electric Vehicle) – ใช้แบตน้อยแต่ช่วยลด CO₂ ได้มากในวงกว้าง
-
PHEV (Plug-in Hybrid) – ใช้ไฟฟ้าในระยะสั้นแต่ยังมีเครื่องยนต์สำรอง
-
BEV (Battery EV) – ไม่มีมลพิษขณะขับ แต่ใช้แบตมาก
-
FCEV (Fuel Cell EV) – ใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานสะอาดในอนาคต
Toyota เรียกแนวคิดนี้ว่า “Multi-pathway to carbon neutrality” หรือ “หลายเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน”
3. แนวคิด “ลดจริงได้ไวกว่า”
Toyota มองว่าถ้าเป้าหมายคือการลด CO₂ ให้ได้มากที่สุดในช่วง 10–15 ปีข้างหน้า การผลักดัน รถไฮบริดจำนวนมาก อาจมีประสิทธิภาพมากกว่าเร่งผลิต BEV อย่างเดียว เพราะ
- แบตเตอร์รี่ทั่วโลกยังผลิตได้จำกัด
- พื้นที่หลายประเทศยังไม่มีสถานีชาร์จเพียงพอ
- HEV ใช้แบตน้อยกว่า BEV ราว 100 เท่า แต่ช่วยลดการใช้น้ำมันทุกวัน
4. “ทุกเทคโนโลยีมีหน้าที่ของมัน”
Toyota ไม่ได้มองว่า BEV ไม่ดี แต่เชื่อว่า ทุกเทคโนโลยีมีบทบาทในจังหวะของมันเอง
-
BEV เหมาะกับเมืองใหญ่ที่มีไฟฟ้าพร้อม
-
HEV เหมาะกับการใช้งานทั่วไปและตลาดเกิดใหม่
-
PHEV เป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองโลก
