BMW ได้เริ่มเดินสายการผลิตสำหรับ BMW 7 Series / i7 EV ในโรงงานที่เมือง Dingolfing ประเทศเยอรมนี เป็นซีดานเรือธงรุ่นแรกที่มาพร้อมสันดาป และ ขุมกำลังไฟฟ้า อยู่ในสายการผลิตเดียวกัน
BMW 7 Series / i7 EV ได้รับการผลิตที่โรงงาน Dingolfing ด้วยเงินลงทุนกว่า 300 ล้านยูโร เป็นครั้งแรกที่กระบวนการผลิตของซีดานสุดหรู ด้วยระบบบังคับควบคุมอัตโนมัติ
BMW จะเริ่มส่งมอบ BMW 7 Series / i7 EV ให้กับลูกค้าในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
BMW 7 Series เปิดตัวเจนที่ 7 อย่างเป็นทางการ พร้อมรุ่นไฟฟ้านามว่า BMW i7 EV เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนับตั้งแต่เปิดตัวปี 2520
CEO ของ BMW Oliver Zipse กล่าวว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ จะเปิดตัว อย่างรวดเร็วในปีหน้า เนื่องจากบริษัทมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติตามข้อตกลง Paris Climate และ วางแผนที่จะย้ายไปสู่สายการผลิตไฟฟ้าเต็มรูปแบบในอนาคต ต่อจาก Rolls-Royce และ Mini ก่อนหน้านั้น BMW Group ระบุว่าพวกเขาจะมีรถยนต์ไฟฟ้า 10 ล้านคันบนท้องถนนภายในปี 2030
BMW 7 Series ใหม่ได้รับระบบกันสะเทือนแบบถุงลมทั้ง 4 มุมเป็นมาตรฐานทุกเกรด พร้อมระบบปรับระดับอัตโนมัติ แดมเปอร์ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ ทำให้ BMW 7 Series สามารถลดลง 0.4 นิ้วในโหมด Sport หรือ เพิ่ม 0.8 นิ้ว
ภายนอกออกแบบกระจังหน้าไตขนาดใหญ่ พร้อมตกแต่งโคมไฟแบบแยกส่วน ไฟหน้าแบบ LED ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 20 – 21 นิ้ว ขอบตกแต่ง Shadowline มาตรฐาน
ภายใน 7 Series ติดตั้ง Live Cockpit Plus ของ BMW กับซอฟต์แวร์ iDrive 8 ล่าสุด ตรงกลางเป็น Curved Display ใหม่ ซึ่งเป็นกระจกชิ้นเดียวต่อเนื่อง ที่รวมหน้าจอ 2 จอได้แก่ แผงหน้าปัดดิจิตอล 12.3 นิ้ว หน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาด 14.9 นิ้ว
แถวที่สองของ 7 Series ใหม่คือ ติดตั้งจอขนาดยักษ์ 31.3 นิ้ว Cinema Lounge รองรับความละเอียดระดับ 8K ระหว่างที่นั่งด้านหน้า 2 ที่นั่ง ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถเข้าถึง Amazon Fire TV ในตัวและบริการออนไลน์อื่นๆ ผู้โดยสารตอนหลังแต่ละคน จะมีจอขนาดเล็ก 5.5 นิ้วติดตั้งอยู่ตรงหน้า
7 Series ติดตั้งชุดมาตรฐานสำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ Active ของ BMW รวมทั้งระบบการขับขี่แบบแฮนด์ฟรี ระดับ Plus+ เทคโนโลยีควบคุมให้อยู่ในเลนที่ยอดเยี่ยม และ ฟังก์ชันเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ การทำงานคล้ายๆ Super Cruise ของ Cadillac และ BlueCruise ของ Ford